บทที่ 351 เธอเลือกที่จะแกล้งตาย
“คุณน้า~” เสี่ยวหมี่โต้วจูบฟอดใหญ่ไปที่แก้มอันหล่อเหลาของหานชิง
เมื่อได้เห็นใบหน้าของเขา หานชิงนั้นก็ถึงกับตะลึงไปครู่หนึ่ง แม้ว่าจะเห็นจนชินแล้ว แต่เขาก็มักจะเห็นถึงใบหน้าของคนอีกคนหนึ่งผ่านจากใบหน้าใบนี้
ในขณะที่เขากำลังนิ่งอยู่นั้น เสี่ยวหมี่โต้วก็ได้กอดไปที่คอของเขาแล้ว
“คุณลุงขับรถมาคงเหนื่อยมากสินะครับ น้าเสี่ยวเหยียนทำอาหารน่ากินมากมายรอต้อนรับคุณลุงไว้แล้ว”
“อย่างงั้นเหรอ?” หานชิงได้สติกลับมา และยิ้มเล็กน้อย
“คืนนี้คุณลุงยังจะต้องไปเลยรึเปล่าครับ?”
“พรุ่งนี้ค่อยไปน่ะ คืนนี้นอนด้วยกันกับ?ดีมั้ย?”
“ดี~” เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าสุดแรง: “ผมเองก็คิดถึงคุณลุงมากเลย”
หานมู่จื่อที่มองอยู่ข้าง ๆ ก็คิดน้อยใจขึ้นมาเล็ก ๆ เธอที่เป็นหม่ามี๊สุดที่รักตรงนี้ แต่ว่าลูกชายของเธอกลับจูบเสี่ยวเหยียน จูบคุณลุง มีแค่เธอหม่ามี๊คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ถูกจูบ
แต่จะว่าไปก็ไม่แปลก เสี่ยวเหยียนและหานชิงนั้นดีต่อเสี่ยวหมี่โต้วเป็นอย่างมาก ทำราวกับว่าเขานั้นเป็นลูกของตัวเองเลยทีเดียว
หานชิงนั้นรักตัวเองมากแค่ไหน ก็รักเสี่ยวหมี่โต้วมากเท่านั้น
ส่วนเสี่ยวเหยียนน่ะ ก็อยู่กับเสี่ยวหมี่โต้วด้วยกันทุกวัน ราวกับว่าเป็นแม่คนที่สองของเธอไปแล้ว
ผ่านไปประมาณ 10 นาที ในที่สุดเสี่ยวเหยียนก็เปิดประตูครัวออกมา และยกอาหารออกมาเสิร์ฟ เมื่อหานมู่จื่อเห็นก็รีบเข้าไปช่วย หานชิงเองก็ไม่ได้เมินเฉย ทุกคนต่างก็ช่วยนำข้างของต่าง ๆ มาจัดลงบนโต๊ะจนเรียบร้อย และนั่งลง
ขณะที่หานมู่จื่อเพิ่งจะนั่งลงและทานข้าวไปได้ 1 คำก็เหมือนกับคิดอะไรขึ้นมาได้ ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นและไปหยิบเอาไวน์ขวดหนึ่งออกมา
หานชิงเห็นดังนั้น ก็อดที่จะขมวดคิ้วและพูดขึ้น: “ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้เธอยังมีงานต้องทำเหรอ?ดื่มจะเหมาะมั้ย?”
“ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่แค่ดื่มนิด ๆ หน่อย ๆ ”
พูดจบ หานมู่จื่อก็รินใส่แก้ว 2-3 ใบ ขณะที่เสี่ยวเหยียนมารับแก้วไปเธอก็ทำท่ากะพริบตาเล็กน้อย หานมู่จื่อยิ้มขึ้น: “ทนไปก่อนนะ เดี๋ยวคราวหน้าจะพาเธอไปดื่มอย่างอื่น”
เสี่ยวเหยียนก็ใบหน้าแดงขึ้นมาทันที: “อย่าพูดอะไรไร้สาระสิ ฉันน่ะชอบดื่มไวน์จะตาย……”
ในตอนที่ทั้งสองคนนั้นอยู่ที่ต่างประเทศ บางครั้งก็มักจะซื้อเบียร์กลับมาที่บ้าน หลังจากนั้นพวกเธอทั้งสองก็ดื่มด้วยกันจนเมาเละเทะ
หลัง ๆ มานี้เนื่องจากดื่มไปมาก ๆ ตอนนี้ทั้งสองคนก็ถือว่าฝึกปรือจนเชี่ยวชาญและดื่มมาก ๆ ได้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นช่วงหลัง ๆ มานี้ หลังจากที่หานมู่จื่อเริ่มทำงาน โอกาสที่ต้องเข้าสังคมของเธอก็มีมากขึ้น ก็เลยต้องดื่มบ่อยยิ่งขึ้นไปอีก
แค่ดื่มไวน์ไม่กี่แก้ว นั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับเธอ
แต่ว่าหานชิงที่เห็นภาพนั้นก็กลับขมวดคิ้วขึ้น เห็นว่าเธอยังไม่ทันกินข้าวก็ดื่มไวน์ไปก่อนแล้ว 1 แก้ว แล้วก็ยังคงคิดที่จะดื่มต่อเป็นแก้วที่สอง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจับที่แก้วของเธอ
“พี่ชาย?” หานมู่จื่อได้สติกลับมา ก็มองเขาด้วยความสงสัย: “เป็นอะไรเหรอ?”
“ดื่มไวน์แต่ไม่กินอาหาร?กระเพาะของเธอจะไม่เป็นไรเอาเหรอ?”
“ไม่เป็นไรหรอก กระเพาะของฉัน……คงจะไม่เป็นอะไรหรอก”
หานชิงมองหน้าเธออย่างจริงจัง ไม่ได้แค่พูดเล่นกับเธอ
“ไม่ได้ กินข้าวก่อนแล้วค่อยดื่ม”
ในขณะที่หานมู่จื่อยังคงดื้อดึงอยู่นั้นเสี่ยวเหยียนที่นั่งอยู่ด้านข้างของเธอก็พูดขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ ว่า: “อย่าดึงดันไปเลย ไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่ได้ดื่มเลยสักแก้วเอานะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อจึงจะยอมรับ และยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ฉันเข้าใจแล้วล่ะพี่ งั้นพวกเรามากินข้าวกันก่อนเถอะ เรื่องดื่มอะไรนั่น……ไว้ทีหลังก็แล้วกัน”
แล้วก็เป็นจริงตามที่พูด เสี่ยวเหยียนก็ถึงกับอดไม่ได้ที่จะมองบน
เพราะสุดท้ายแล้วหานมู่จื่อก็ควบคุมและอดใจตัวเองที่จะไม่ดื่มไม่ได้ เธอดื่มเข้าไปอีก 2 แก้ว ไม่ว่าหานชิงจะพูดยังไงก็เบรกไม่อยู่ ไวน์ที่ดื่มค่อนข้างแรง หลังจากดื่มแล้วแก้มของเธอต่างก็แดงขึ้นมา นั่งอยู่นิ่ง ๆ และมองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย
เมื่อได้เห็นภาพที่เกิดขึ้น หานชิงก็รู้สึกปวดหัว ยื่นมือไปลูบหัวของเสี่ยวหมี่โต้วที่อยู่ข้าง ๆ
“ยี่ซูทานเรียบร้อยแล้วรึยัง?”
เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้า หลังจากนั้นก็เงยหน้าขึ้น: “คุณลุง ไม่ต้องสนหม่ามี๊หรอก หม่ามี๊เองก็คงคิดคำนวณไว้แล้ว”
ทำไมฟังดูแล้วเหมือนกับว่าเขานั้นคุ้นเคยกับภาพเช่นนี้?หานชิงหรี่ตาลง “ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ต่างประเทศ หม่ามี๊ของเธอเองก็เป็นแบบนี้ประจำเหรอ?”
เมื่อได้ยิน พริบตานั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นได้เผลอพูดอะไรผิดไปแล้ว รีบพูดแก้ขึ้นทันที
“ไม่หรอกครับคุณลุง วันนี้เป็นวันที่หม่ามี๊ได้กลับมาพบคุณลุงทำให้มีความสุข ก็เลยดื่มมากไปหน่อย”
“เป็นอย่างงั้นเหรอ?” หานชิงมองไปยังใบหน้าที่แดงก่ำของหานมู่จื่อ ส่วนข้าง ๆ นั้นก็ยังมีเสี่ยวเหยียนที่นั่งหัวเราะอยู่ข้าง ๆ ถือแก้วกอดคอเธอไว้เพื่อที่จะชนแก้วด้วยกันกับเธอ
ก็ได้ ถ้าเพราะว่าได้พบเค้าแล้วมีความสุข งั้นครั้งนี้ก็ให้อภัยเธอก็แล้วกัน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หานชิงก็กระแอมออกมาเบา ๆ “หลังจากทานข้าวเสร็จแล้วเธอก็ขึ้นไปอาบน้ำให้เรียบร้อย พออาบน้ำเสร็จแล้วเธอก็เข้านอนก่อนเองเลยนะ เข้าใจมั้ย?”
เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าอย่างชาญฉลาด: “คุณลุงวางใจได้เลย ผมไม่สร้างปัญหาให้คุณลุงเพิ่มแน่นอน เพียงแต่ว่า……ดูเหมือนว่าน้าเสี่ยวเหยียนเองก็ดื่มไปมากแล้ว คุณลุงไม่ต้องการให้ผมช่วยอะไรเหรอ?”
“อื้ม ไม่ต้องหรอก”
“งั้นผมขอตัวกลับห้องก่อนนะครับ”
เสี่ยวหมี่โต้วกระโดดลงมาจากเก้าอี้ และโบกมือให้กับหานชิง หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เดินขึ้นชั้นบนด้วยขาสั้น ๆ ของเด็กน้อย
สายตาของหานชิงนั้นเอาแต่มองตามเขาไป รอจนเขาไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงหันสายตาของตัวเองกลับมา สายตาของเขานั้นตรงไปยังหญิงสาวทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า
หญิงสาวทั้งสองคนที่ดื่มจนเมา
ทำให้รู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง
หานชิงยืนขึ้นมา ขาเหยียดตรงยาวคู่หนึ่งที่อยู่ใต้โต๊ะนั้นดูเรียวยาวเป็นพิเศษ เขาพับแขนเสื้อของเขาขึ้นด้วยท่าทีที่สง่างาม หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ จัดเก็บสิ่งต่าง ๆ ที่เหลืออยู่บนโต๊ะ
หลังจากที่เขาเก็บทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย ก็คิดที่จะเก็บขวดไวน์ขวดนั้นให้เรียบร้อย จู่ ๆ เสี่ยวเหยียนก็พูดขึ้นมาว่า: “อย่าขยับ!”
มือของหานชิงที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่นั้นก็หยุดลง และมองตามเสียงนั้นไป
เสี่ยวเหยียนเอามือของหานมู่จื่อที่โอบเธออยู่ออก ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล และค่อย ๆ เดินโซซัดโซเซตรงไปที่เขา
“จะทำอะไร?” หลังจากที่เสี่ยวเหยียนเดินมา ก็แย่งเอาขวดไวน์ที่อยู่ในมือของเขากลับไป และพูดอย่างเมา ๆ ว่า: “ไม่อนุญาตให้คุณมาแย่งไวน์ไปจากพวกเรานะ ไม่อย่างนั้น……มู่จื่อ……จะต้องโทษฉันแน่!”
เธอยืนอย่างไม่มั่นคงนัก ยืนอยู่ที่ด้านหน้าของหานชิงด้วยท่าทางโซซัดโซเซ
คนที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นทั้งเพื่อนแล้วก็ผู้ช่วยของน้องสาวเธอ หานชิงจึงจำเป็นที่จะต้องอดกลั้นกับเธอมากกว่าคนอื่นสักหน่อย จึงพูดขึ้นมาว่า: “ในขวดน่ะไม่เหลืออะไรแล้ว ฉันจะเอาไปทิ้ง”
เมื่อได้ยิน เสี่ยวเหยียนก็พูดขึ้นมาว่า “หมดแล้วเหรอ?”
หลังจากนั้นก็เอาขวดมาเทลงที่หน้าของตัวเอง ไม่มีไวน์แม้สักหยดออกมา เธอจึงได้ยิ้มและพยักหน้าขึ้นมา: “จริงด้วย หมดขวดแล้ว ……อือ เอาล่ะ งั้นฉันกลับไปนอนก่อนล่ะนะ”
เมื่อพูดจบเธอก็หยิบขวดขึ้นและตรงไปข้างหน้า แต่ว่าไม่รู้ว่าเธอเหยียบเข้ากับอะไรก็ไม่รู้ ทันใดนั้นร่างกายก็ผงะถอยหลังไปเองอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะร่วงล้มลง หานชิงก็ยื่นมือไปรับเธอเอาไว้ เสี่ยวเหยียนที่กำลังตกใจก็ร่วงหล่นลงไปสู่อ้อมกอดของเขา
“ทรงตัวดี ๆ !” หานชิงขมวดคิ้ว พร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ลมหายใจของชายแปลกหน้าก็แทรกเข้ามาในลมหายใจของเสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียนลืมตาขึ้นเพื่อที่จะระบุคนที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างละเอียด
หลังจากที่เห็นจนแน่ชัดแล้วว่าคนคนนั้นก็คือชายในฝันของเธอ เสี่ยวเหยียนก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง หลังจากนั้น……เธอก็เป็นลมไป
เมาแบบนี้ต่อหน้าชายในฝัน แถมยังเกือบจะล้มจนต้องให้เขามาประคองอีก
เธอจึงเลือกที่จะแกล้งตาย!!!
ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น!!
“อืออ……” และในขณะนั้นเองหานมู่จื่อที่เมาอยู่ก็ส่งเสียงร้องออกมา ราวกับว่าไม่ค่อยสบายตัวนัก ร่างของเธอก็ล้มนอนลงบนโซฟา
พวกเธอทั้งสองคนนั้นไม่ได้ถือว่าดื่มเก่งอะไรเลย โดยปกติแล้วในเวลาที่ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย พวกเธอก็มักจะสติหลุดไปด้วยกัน
แต่วันนี้กลับหานชิงที่มาพบเข้า ก็รู้สึกปวดหัวจริง ๆ