บทที่ 354 คว้าโอกาสไว้ไม่ได้
เมื่อได้ยินดังนั้น เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วขึ้น: “ฉันเดินทางมาเมืองข้างเคียง เพื่อที่จะมาซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแทนคุณเนี่ยนะ?”
“ซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วจะทำไมล่ะ?ยังไงเธอก็มาเยี่ยมป้าแล้ว ช่วยกตัญญูต่อป้าหน่อยจะเป็นอะไรไป?”
เมื่อพูดจบ ส้งอานก็มองไปยังเย่โม่เซิน
“ไม่ไป” เย่โม่เซินปฏิเสธตรง ๆ “ไปเองสิ”
“ก็ได้” ส้งอานลุกขึ้นยืน: “งั้นเธอช่วงส่งฉันหน่อย”
เย่โม่เซินไม่ค่อยพอใจ ทำปากบึ้งเงียบไม่พูดอะไร
“ทำไม?กตัญญูช่วยเหลือแค่นี้จะทำไมกัน?”
“ก็แค่ชั้นล่างไม่ใช่รึไง?ยังต้องไปส่งอีกเหรอ?”
“ไปชอปปิ้งด้วยกันหลาย ๆ คนน่ะมันดีกว่าทั้งนั้นแหละ รีบไปเถอะ”
แม้ว่าเย่โม่เซินจะขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายก็ไปด้วยกันกับส้งอาน
“ฉันบอกอะไรเธอให้นะ อากาศของเมืองซูน่ะดีกว่าอากาศของทางด้านเมืองเป่ยมาก เมืองเป่ยผู้คนแออัด เธอรู้มั้ยว่าตอนที่ป้าของเธอน่ะต้องไปทำงาน ไม่เคยไปทำงานทันเลย?โชคดีที่ครั้งนี้โรงพยาบาลโอนย้ายมาแล้ว การที่ฉันได้ย้ายมาที่เมืองซูนี่เองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย”
หลังจากที่เข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว ส้งอานก็พูดไปถอนหายใจไป หลังจากนั้นเขาก็ให้เย่โม่เซินช่วยเข็นรถเข็นให้ แม้ว่าปากของเย่โม่เซินนั้นจะไม่ดีอย่างไร แต่ตัวเขานั้นก็จริงใจ
ไม่ว่าส้งอานจะพูดอะไรเขาก็ทำ
การปรากฏตัวของเย่โม่เซินที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ก็เป็นที่ดึงดูดเป็นเป้าสายตาของหญิงสาวจำนวนไม่น้อย
“ว้าว ผู้ชายคนนั้นหล่อมากเลย ที่อยู่ข้าง ๆ นั่นแฟนเค้าอย่างงั้นเหรอ?”
“เธอจะบ้าหรอ ผู้หญิงข้าง ๆ นั่นดูยังไงก็แค่แม่ของเขาไม่ใช่รึไง?”
“ไม่ใช่หรอกน่า ดูแล้วยังเด็กอยู่เลยนะ”
“แค่เห็นแวบเดียวก็รู้แล้วว่าพวกเค้าเป็นตระกูลที่ร่ำรวย เลี้ยงมาดีจริง ๆ เลย พอดูดี ๆ แล้วพวกเขาก็ดูคล้าย ๆ กันอยู่นะ เห้อ อยากจะถามจริง ๆ ว่าเขาน่ะมีแฟนรึยัง พอจะขอแอดวีแชทหรืออะไรไปได้มั้ย”
“คิดไปไกลแล้ว ผู้ชายแบบนี้น่ะเขาไม่มาสนใจเธอหรอก แน่นอนว่าต้องมีผู้หญิงสวย ๆ รอมาให้เค้าเลือกแน่ ๆ เธอเองก็ไม่ได้เด่นอะไร เค้าจะมาสนใจเธอได้ยังไงกันล่ะ?”
พนักงานสาวหลายคนต่างก็มองเย่โม่เซินกับส้งอานที่เดินจากไปไกล ๆ อย่างน่าเสียดาย
เย่โม่เซินก็ยังคงขมวดคิ้วอยู่เช่นนั้น เหมือนว่าเขานั้นจะได้ยินคำพูดพวกนั้น แต่ก็เหมือนกับว่าไม่ได้ยิน
แต่ว่าส้งอานได้ยินชัด จึงยิ้มขึ้นและหันหน้าไปถามเย่โม่เซิน。
“ดูเหมือนว่าเสน่ห์ของหลานชายฉันจะไม่ได้ลดลงเลยนะ ไปที่ไหนก็มีผู้หญิงมองทุกที่”
เมื่อได้ยิน เย่โม่เซินก็เหมือนกับมีท่าทางไม่ค่อยพอใจนัก “ป้า”
“โอเค ๆ ไม่แกล้งเธอแล้ว รู้น่าว่าเธอน่ะไม่ใช่คนที่ชอบเล่น” ส้งอานพูดจบ ก็ถอนหายใจออกมาและพูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ว่า: “ตั้งแต่ที่เสิ่นเฉียวจากไป เธอก็……”
“ป้า!” ชื่อนั้นราวกับว่าเป็นการล้ำเส้นของเย่โม่เซินไปแล้ว เขาขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ และหยุดฝีก้าวลงทันที
ส้งอานยักคิ้ว และเบะปากออกเล็กน้อย “ถือซะว่าป้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน ไปกันเถอะ”
ทั้งคู่รีบขึ้นไปที่ชั้นสอง
หลังจากที่ เย่โม่เซินและส้งอานขึ้นไปที่ชั้นสองแล้ว
หานมู่จื่อก็พาเสี่ยวหมี่โต้วของเธอมาถึงที่ซูเปอร์มาร์เก็ตพอดี เมื่อเข้าไปแล้วเสี่ยวหมี่โต้วก็เงยหน้าขึ้น: “หม่ามี๊ ผมสามารถถอดหมวกออกได้มั้ย?”
เมื่อได้ยิน หานมู่จื่อก็มองไปรอบ ๆ อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้ยังเช้าอยู่ ไม่มีคนตามพวกเขา
แล้วก็ เนื่องจากเมื่อวานเพิ่งกลับประเทศมาก็มีนักข่าวมาตามไปแล้ว เพราะงั้นก็คงไม่มีเหตุผลที่จะมาตามถ่ายในวันนี้อีก ดังนั้นตอนนี้ก็ยังคงวางใจได้
เมื่อคิดได้เช่นนั้นหานมู่จื่อก็พยักหน้าและพูดขึ้น: “ได้สิ เธอถอดหมวกออกเถอะ”
เมื่อเสี่ยวหมี่โต้วได้ยิน ก็ถอดหมวกที่อยู่บนหัวออกด้วยความดีใจ “ขอบคุณครับหม่ามี๊”
หานมู่จื่อยื่นมือไปลูบหัวของเขา: “ไปกันเถอะ พวกเราไปเอารถเข็นกัน แล้วก็ไปดูโซนของสดกันหน่อย”
“หม่ามี๊ให้ผมเข็นเอง!” เสี่ยวหมี่โต้วรีบเสนอตัวเองอย่างมุ่งมั่น และเข็นรถเข็นด้วยขาสั้น ๆ ของเขา
พนักงานสาวเหล่านั้นหลังจากที่เพิ่งจะเม้าเรื่องของเย่โม่เซิน เมื่อเห็นเสี่ยวหมี่โต้วมาก็อดไม่ได้ที่จะสนใจ ดวงตาของพวกเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ และต่างก็ดึงแขนเสื้อกัน
“ฉันบอกแล้วเห็นมั้ยล่ะ ผู้ชายดี ๆ แบบนั้นน่ะไม่มาถึงมือพวกเราหรอก ฉันแค่คิดว่าเค้าน่ะคงจะมีแฟนแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าถึงขนาดมีลูกที่โตขนาดนี้แล้ว!”
“ลูก?เธอพูดบ้าอะไรของเธอน่ะ?”
“เธอก็ดูไปที่เด็กคนนั้นสิ หน้าตาเหมือนกับผู้ชายคนเมื่อกี้นี้แป๊ะเลยไม่ใช่รึยังไง?”
และพริบตาที่เธอชี้ไปให้เพื่อนของเธอดูนั้น: “บ้าแล้ว นี่ออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันรึยังไงเนี่ย?ทำไมถึงเหมือนกันขนาดนี้?ฉันยังคิดอยู่เลยว่าจะหน้าด้านไปขอวีแชทเค้า ไม่คิดเลยว่าถึงขนาดว่ามีลูกแล้วนะเนี่ย?ฉันรู้สึกเหมือนโดนดาเมจมหาศาล!”
“คนในครอบครัวก็ต้องมาซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยกันสิ พอเลย ๆ หนุ่มหล่อคนนั้นมีแฟนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมีครอบครัวแล้วอีก พอแล้วล่ะ คงต้องเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย”
ในพนักงานเหล่านั้นมีอยู่คนหนึ่งที่อดไม่ได้ที่จะเข้าไปและคุยกับเสี่ยวหมี่โต้ว: “เจ้าตัวน้อย พ่อของเธอขึ้นไปชั้นบนแล้วนะ”
เสี่ยวหมี่โต้วทำเสียงสงสัย และเอานิ้วชี้ไปที่ตัวเองอย่างงง ๆ : “พี่สาวเรียกผมหรอครับ?”
“ว้าว น่ารักจังเลย!ต่างกับผู้ชายที่ที่ดูเย็นชาไปทั้งตัวคนนั้นอย่างสิ้นเชิง!”
หญิงสาวหลายคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะเดินมาใกล้ ๆ กับเสี่ยวหมี่โต้ว และช่วยเข็นรถเข็นแทนเขา พยักหน้าแล้วก็พูดขึ้นว่า: “ใช่แล้ว เรียกเธอนี่แหละ พ่อของเธอน่ะขึ้นไปชั้นสองแล้วนะ”
เธอคิดว่าเธอนั้นพูดเตือนไปด้วยเจตนาที่ดี
เสี่ยวหมี่โต้วกระพริบตาปริบ ๆ แม้ว่าเขานั้นจะฟังไม่รู้เรื่องว่าพี่สาวนั้นกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ แต่ว่าพี่สาวนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นคนใจดีเพราะงั้นเขาก็เลยพยักหน้าตอบรับ “ขอบคุณครับพี่สาวสุดสวย ผมเข้าใจแล้ว”
“น่ารักจริง ๆ เลย……ฉันขอ……บีบแก้มเธอหน่อยได้มั้ย?”
ในกลุ่มนั้นมีคนที่อดใจตัวเองไม่ได้ที่จะพูดขอร้องในเรื่องที่ไม่ค่อยสมควรนัก
เสี่ยวหมี่โต้วนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกนิ้วขึ้นมา 1 นิ้ว ในตอนที่หญิงสาวนั้นกำลังคิดว่าเขาจะบอกว่าให้จับได้แค่นิดเดียวเท่านั้นนะ แต่ว่าเขานั้นกลับส่ายนิ้วของเขาด้วยท่าทีที่จริงจัง: “ไม่ได้ครับ”
หญิงสาวรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง และหญิงสาวที่อยู่รอบ ๆ เธอนั้นก็ต่างรู้สึกเสียดาย
กึก ๆ ——
เสียงของรองเท้าส้นสูงดังตรงมา
หานมู่จื่อที่ถือกระเป๋าอยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ด้วยใบหน้าที่ยิ้มเล็กน้อย: “สวัสดี ไม่ทราบว่าพวกคุณมีธุระอะไรงั้นเหรอ?”
“หม่ามี๊~” เสี่ยวหมี่โต้วเดินกลับไปที่ข้าง ๆ หานมู่จื่อและจับมือของเธอไว้
เมื่อได้ยินเสี่ยวหมี่โต้วเรียกหม่ามี๊ หญิงสาวทั้งหลายก็ทำหน้าไม่ค่อยถูกนัก: “ต้องขอประทานโทษด้วยค่ะคุณผู้หญิง พอดีว่าลูกของคุณน่ารักมากเกินไป เพราะงั้นพวกเรา……ก็เลยเข้ามาทักทายเค้าค่ะ”
เรื่องเช่นนี้นั้นหานมู่จื่อก็ค่อนข้างที่จะชินกับมันแล้ว แต่อย่างไรก็ควรที่จะถามตามมารยาทเสียก่อน
“เป็นอย่างนี้นี่เอง เสี่ยวหมี่โต้วบอกลาพี่สาวทุกคนเร็วเข้าสิ พวกเรายังต้องไปซื้อของต่ออีกนะ”
“พี่สาวครับบ๊ายบาย”
หานมู่จื่อยิ้มให้กับพวกเธอ หลังจากนั้นก็พาเสี่ยวหมี่โต้วไป
เมื่อเธอเดินไปแล้ว พนักงานต่างก็รวมตัวคุยกันอีกครั้ง
“เห็นรึยังล่ะ?ภรรยาของเขาน่ะทั้งดูดีมีสง่าราศี คนอย่างพวกเราไม่มีทางที่จะไปเทียบได้หรอก”
“……ก็จริง ยังไงก็เลิกหวังเถอะ กลับไปทำงานกันดีกว่า”
“นี่ พวกเธอเห็นมั้ยว่าพวกเขาแยกกันเดิน คนก่อนหน้าก็ขึ้นไปที่ชั้นสอง ส่วนนี่ก็ไปโซนอาหารสด ทำไมกันล่ะ?”
“ก็จะทำไมกันอีกล่ะ ก็แยกกันซื้อของไง ไม่เห็นหรอว่าพวกเขาน่ะเข้ามาไม่พร้อมกันนะ?”