บทที่ 357 ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว
แม้ว่าเธอจะขี้เกียจ แต่เธอก็ต้องเลี้ยงดูครอบครัวของเธอ
เสี่ยวเหยียนเองก็อาศัยเธอกินข้าวเช่นกัน อีกทั้งยังบวกกับเธอต้องการสร้างสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นสำหรับ เสี่ยวหมี่โต้ว ดังนั้นเธอจึงยังคงทำงานอย่างหนัก
เธอขี้เกียจ ก็เพราะไม่มีแรงกดดัน
ดังนั้นเธอจึงรับงานนี้มา
“แล้วยังไงต่อ?” หานมู่จื่อถามเบา ๆ
“แล้วฉันก็รอเธอถ่ายละคร จนกระทั่งเธอถ่ายทำจนเสร็จ ฉันก็เข้าไปวัดตัวเธอ รู้ไหมว่าเธอพูดอะไรกับฉัน? เธอบอกว่าเธอเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน แล้วเธอก็ทิ้งฉันไว้คนเดียว”
หานมู่จื่อ “…..”
เสี่ยวเหยียนเอ่ยอย่างขมขื่น “นี่ถือว่าแล้วไป จนกระทั่งเธอไปพักสิบนาที พอฉันไปวัดตัวให้เธอ เธอกลับบอกว่าฉันทำเธอเจ็บ! บอกว่าฉันไม่ใช่มืออาชีพ ตอนนี้ไม่ให้ฉันเข้าใกล้ตัวเธออีก”
หานมู่จื่อยกมือขึ้นมานวดขมับ “ดังนั้น?”
“เธอขอให้คุณมาด้วยตัวเอง และบอกว่างานนี้คุณเป็นคนรับก็ต้องเป็นคนมาวัดตัวให้เธอ เธอคิดว่าตนเองเป็นใครกัน เป็นดาวค้างฟ้าอันสูงส่งหรือไง? ฉันก็แค่สายไปนาทีเดียว แค่นาทีเดียวเองนะ! อีกทั้งฉันก็พร่ำขอโทษเธอแล้ว พูดอ้อนวอนไปตั้งมากมาย เธอถึงกับ….ทำให้ฉันโกรธจนแทบหานมู่จื่อฉันจะบอกกับคุณให้ วันนี้ฉันเปิดศึกกับเธอแล้วจริงๆ เธอคิดอยากให้คุณไปวัดตัวเธอด้วยตัวเอง ทำไมเธอไม่ลองคิดดูบ้าง ว่าตัวเธอมีคุณสมบัติอะไรกัน?”
หานมู่จื่อเอ่ยขึ้นเบา ๆ “แต่เธอโทรหาฉัน ไม่ใช่เพราะจะให้ฉันไปวัดตัวเธอด้วยตัวเองหรือ?”
“โอ้ย ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันแค่โกรธจริงๆ แล้ว อีกทั้งที่นี่ก็ไม่มีใครให้ฉันโอดครวญด้วยได้เธอรู้ใช่ไหม? เธอย่าได้มาเชียวนะ! วันนี้ฉันจะสู้เป็นสู้ตายกับเธอที่นี่”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา เธอเอ่ยเสียงนุ่ม “พูดไปพูดมา เธอก็คือให้ฉันไปที่นั่น”
“มู่จื่อ! “
“เอาล่ะ เธอส่งที่อยู่มาที่มือถือของฉัน ฉันไปส่งเสี่ยวหมี่โต้วกลับบ้านก่อนแล้วจะไปหาเธอ”
“ก็ได้ ฉันจะส่งที่อยู่ไปทันที มู่จื่อคนดี เธอรับมาช่วยฉันทีเถอะนะ ฉันแทบจะเป็นบ้าแล้ว”
คนที่เพิ่งจะบอกว่าจะสู้เป็นสู้ตายกับจ้าวยี่หรูอย่างเสี่ยวเหยียนอยู่ๆ ก็เปลี่ยนทิศลมทันที อีกทั้งยังเปลี่ยนได้รวดเร็วอย่างยิ่ง
หานมู่จื่อ “…..”
หลังจากวางสาย หานมู่จื่อก็เก็บโทรศัพท์มือถือไป กำลังคิดจะก้มหน้าลงไปอธิบายกับ เสี่ยวหมี่โต้ว แต่เสี่ยวหมี่โต้ว กลับเอ่ยขึ้นก่อน “หม่ามี๊ คุณน้าเสี่ยวเหยียนกำลังมีปัญหาใช่ไหม หม่ามี๊ไปช่วยเธอเถอะ ผมอยู่บ้านเองได้”
แม้ว่า เสี่ยวหมี่โต้ว จะอายุน้อย แต่เขาก็มีเหตุผลอย่างยิ่ง อาจเป็นเพราะเขาอยู่ในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว แม้ว่า เสี่ยวหมี่โต้วจะเข้าใจอะไรง่ายมาก แต่กลับทำให้ หานมู่จื่อยิ่งรักและสงสารเขามากกว่าเดิม
เธอเอื้อมมือไปลูบหัว เสี่ยวหมี่โต้ว “เสี่ยวหมี่โต้ว เก่งมาก หม่ามี๊ไปช่วยน้าเสี่ยวเหยียน แล้วก็จะพาเธอกลับมาทำปลาตุ๋นน้ำแดงให้ลูกกินตอนเย็นๆ”
เมื่อได้ยินคำว่าปลาตุ๋นน้ำแดง ดวงตาของ เสี่ยวหมี่โต้ว ก็สว่างขึ้นทันที เขาพยักหน้าติดๆ กัน “ดีคร้าบหม่ามี๊! “
คนขับรับเงินอย่างอารมณ์ดี หลังจากส่งพวกเธอเข้าไปที่ชุมชนจากนั้นช่วยขนย้ายสิ่งของทั้งหมดไปที่หน้าประตูและยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเกรงใจอย่างยิ่ง เนื่องจากหานมู่จื่อยังต้องไปหาเสี่ยวเหยียน ดังนั้นจึงขอให้เขายังคงรอตัวเองอยู่ที่ชั้นล่างต่ออีกห้านาที
คนขับตกลงอย่างมีความสุขและลงลิฟต์ไป
จากนั้น หานมู่จื่อก็ออกแรงเล็กน้อยในการลากของทั้งหมดเข้าไปในห้องกับ เสี่ยวหมี่โต้ว และใส่ลงในตู้เย็น เมื่อเธอจัดการเสร็จเธอก็พูดขึ้น “หม่ามี๊ไปก่อนนะ จากเวลาขับรถไป – กลับและเวลาทำงาน หม่ามี๊น่าจะกลับมาในตอนบ่ายเสี่ยวหมี่โต้วถ้าหิวก็กินขนมปังรองท้องไปก่อนดีไหม?”
เสี่ยวหมี่โต้ว พยักหน้า “ครับหม่ามี๊”
เมื่อ หานมู่จื่อออกไป เดินไปได้ครึ่งทางเธอก็อดที่จะหันกลับมามองไม่ได้ “เสี่ยวหมี่โต้ว หรือว่า….ลูกไปกับหม่ามี๊ไหม? เดี๋ยวพอเสร็จงาน คุณน้าเสี่ยวเหยียนและหม่ามี๊พาลูกออกไปทานอาหารเย็นข้างนอก? “
“ไม่เป็นไรหม่ามี๊ พาผมไปด้วยยุ่งยากอยู่นิดหน่อย หม่ามี๊ไปช่วยป้า สี่ยวเหยียนก่อน เสี่ยวหมี่โต้ว จัดการกับอาหารกลางวันด้วยตัวเองได้! “
พูดจบ เสี่ยวหมี่โต้ว ก็เดินหน้าเข้ามาจูบ หานมู่จื่อที่แก้ม จากนั้นจึงโบกมือให้เธอ บ่งบอกว่าให้เธอรีบไปรีบกลับโดยเร็ว
เมื่อไร้หนทางหานมู่จื่อจึงได้แต่จากไปด้วยตนเอง
หลายๆ ครั้ง เธอคิดอยากจะอยู่กับ เสี่ยวหมี่โต้ว ให้มากขึ้นอีกหน่อย
เนื่องจากเขาไม่มีพ่อ ดังนั้นจึงไม่อาจปล่อยให้ความรักของแม่ก็ขาดไปด้วยเช่นกัน
แต่ว่า….หลายอย่างๆ มักไม่เป็นไปดั่งหวัง
เธอต้องการสร้างสภาพความเป็นอยู่ที่ดีให้กับ เสี่ยวหมี่โต้ว ดังนั้นเธอจึงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงิน เมื่อเธอเริ่มทำงาน หลายๆ ครั้งเธอก็มักจะเพิกเฉยหรือละเลย เสี่ยวหมี่โต้วไป
โชคดีที่…หลายปีมานี้เสี่ยวเหยียนอยู่กับเธอมาตลอด เสี่ยวเหยียนช่วยดูแลเสี่ยวหมี่โต้วให้เธอเป็นอย่างมาก
เสี่ยวหมี่โต้ว รอหม่ามี๊ก่อนนะ หม่ามี๊จะรีบกลับมาเร็วๆ
หานมู่จื่อขึ้นรถไปและบอกที่อยู่กับคนขับ จากนั้นคนขับก็เลี้ยวรถและออกจากหมู่บ้านคอนโดรุ่ยซินไป
หลังจากขับรถไปสักพัก คุณลุงคนขับก็คุยกับเธออย่างกระตือรือร้น
“เด็กเมื่อครู่คือลูกชายของคุณหรือ? หน้าตาดีอย่างยิ่ง ฉันขับรถมาตั้งนานเพิ่งจะเคยเห็นเด็กที่น่ารักขนาดนี้”
เมื่อได้ยินคำชมของเขาเกี่ยวกับ เสี่ยวหมี่โต้ว หานมู่จื่อก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มจริงใจ
“อืม ลูกของฉันค่ะ”
“ยินดีอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเชื่อฟังว่าง่ายขนาดนั้น ว่าแต่….ผู้หญิงตัวคนเดียวจะเลี้ยงลูกได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้หานมู่จื่อก็ลดสายตาลงและปล่อยให้ขนตายาวของเธอปกปิดอารมณ์เอาไว้ เธอพูดเสียงเบา “วันนี้พ่อของเด็กมีธุระไปข้างนอก ค่ำๆ จึงค่อยกลับมา”
ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นคนเลว แต่เธอเป็นผู้หญิงที่มีลูกเล็ก ดังนั้นจึงต้องคอยระวัง คนขับที่เพิ่งจะเจอหน้าครั้งเดียวแบบนี้จู่ๆ ก็ถามคำถามนี้ขึ้น ดังนั้นเธอจึงต้องป้องกันเอาไว้
“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง อย่างนั้นก็ดี” คุณลุงคนขับรถหัวเราะขึ้นมา และไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร
ความเร็วของรถไม่เลว ไม่นานนักเธอก็ถึงที่หมาย
“เส้นทางนี้ ฉันเคยพาคนมาไม่น้อย ล้วนเป็นพวกดาราตัวเล็กๆ แต่ว่า…เธอแต่งตัวแบบนี้คงไม่ได้มาถ่ายทำอะไรหรอกมั้ง?”
“อืม ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อถ่ายทำ ฉันมาที่นี่เพื่อหาคน” หานมู่จื่อพยักหน้า จากนั้นจึงจ่ายค่าโดยสารและเปิดประตูลงจากรถไป
หลังจากหานมู่จื่อลงจากรถ เธอก็ส่งข้อความถึงเสี่ยวเหยียนว่าตนเองมาถึงแล้ว และให้เธอออกมารับ
เสี่ยวเหยียนให้เธอรอ จากนั้นก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธอทันทีภายในสองนาที
“มู่จื่อที่นี่ ที่นี่! “
หานมู่จื่อหันไปมองที่เธอ และเห็นเสี่ยวเหยียนกำลังยืนอยู่ที่ทางเข้า เธอเก็บมือถือและมุ่งหน้าไป
เมื่อเสี่ยวเหยียนเห็นหานมู่จื่อเธอรู้สึกราวกับได้เจอพระเจ้าช่วยชีวิต จนแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้ง
หลังจากที่เธอมาถึง เสี่ยวเหยียนก็ยื่นมือออกมากอดเธอเอาไว้
“มู่จื่อ! ดีจัง! ในที่สุดเธอก็มาถึง! ถ้าเธอยังไม่มาอีกฉันรู้สึกว่าฉันคงต้องถูกผู้หญิงที่ชั่วร้ายคนนั้นทรมานจนตายแน่ ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ขนาดนี้ แต่เธอกลับให้ฉันรออยู่ข้างนอกตั้งนาน”
ตอนที่เธอกอดเข้ามา หานมู่จื่อก็เพิ่งเห็นว่าที่หลังหูของเธอเต็มไปด้วยหยดเหงื่อ อีกทั้งหลังคอเสื้อของเธอก็เปียกไปหมด
ดวงตาของเธอเข้มขึ้น หานมู่จื่อเม้มริมฝีปากสีแดง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รีบจัดการให้มันเสร็จๆไป พาฉันไปเถอะ”