ตอนที่ 361 ใกล้แต่ตาเห็น
เมื่อเสี่ยวเหยียนได้ยิน เธอก็ขมวดคิ้วทันที “จะต้องเอ่ยความจริงขนาดนั้นเลยหรือไง? ต่อให้ฉันรู้ตัวดีว่าตนเองต้องแก่ แต่ก็ไม่ต้องรอให้นายมารังเกียจกันหรอก? เสี่ยวหมี่โต้ว นายเล่นแบบนี้ กินปลาตุ๋นน้ำแดงที่ฉันทำแล้วมารื้อโต๊ะทิ้งกันซึ่งหน้า หรือว่าต่อไปไม่อยากให้น้าเสี่ยวเหยียนทำอาหารให้กินแล้วในอนาคต?”
เมื่อรู้สึกว่ามื้อข้าวในอนาคตถูกคุกคาม เสี่ยวหมี่โต้ว จึงรีบกลับคำทันที “น้าเสี่ยวเหยียนผมผิดไปแล้ว ต่อให้น้าเสี่ยวเหยียนจะแก่แล้วก็ยังเป็นคนงาม”
ประโยคนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเสี่ยวเหยียน เธอพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“ยกโทษให้นาย ครั้งหน้าจะทำปลาตุ๋นน้ำแดงให้กินอีก”
เธอไม่ได้สังเกตเลยว่า เสี่ยวหมี่โต้ว พูดประโยคนั้นพร้อมกับเอามือปิดหน้าอกของตนเองเอาไว้ ท่าทางราวกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีสูญหายไป
หานมู่จื่อมองเห็นก็ยื่นมือออกไปหยิกแก้ม เสี่ยวหมี่โต้ว แล้วกระซิบว่า “ซุกซน”
คืนนั้น ทั้งสามคนเก็บข้าวของ จากนั้นจึงขึ้นรถที่หานชิงส่งมารับ และมุ่งหน้าไปยังเมืองเป่ย
เสี่ยวเหยียนเป็นผู้ช่วยของหานมู่จื่อ แน่นอนว่าย่อมตามเธอไปด้วยโดยธรรมชาติ ถึงแม้จะไร้เหตุผลไปบ้าง แต่ใครจะสนใจกัน
ยังไงก็ตามความคิดของเสี่ยวเหยียนก็คือ เธออยู่คนเดียวในอพาร์ทเมนต์ที่นี่ออกจะเงียบเหงาเกินไป เธอตามไปด้วย อย่างแย่ ถึงเวลานั้นเธอก็ทำอาหารที่ เสี่ยวหมี่โต้ว ชอบกิน ถือว่าเธอไปทำอาหารก็ได้แล้ว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็คิดอย่างมีความสุข
*
อีกด้านหนึ่ง เย่โม่เซินเองก็กำลังจะกลับไปเมืองเป่ยเช่นกัน
ส้งอานออกมาส่งเขา “จะไม่อยู่ต่ออีกสักสองวันจริงๆ หรือ? ขับรถมาตั้งนานขนาดนี้ คุณอยู่แค่สองวัน? “
เย่โม่เซินได้ยิน ก็มองเธออย่างไม่พอใจ
“ฉันยังมีงาน”
“งานสำคัญหรือว่าป้าของนายสำคัญ? เฮ้อ ช่างเป็นเด็กอกตัญญู ไปเถอะไปเถอะ ขับรถระวังด้วย”
“อืม”
“จริงๆ เลยนะ ตอนนี้คนหนุ่มสาวแบบพวกนายมักจะไม่ค่อยเชื่อฟัง ขับรถดึกๆ ดื่นๆ วิสัยทัศน์ไม่ได้ดีอะไรนัก แต่กลับรอจนถึงเช้าค่อยไปไม่ได้”
ริมฝีปากบางของเย่โม่เซินเม้มแน่น จากนั้นจึงตรงเข้าไปในรถโดยไม่สนใจคำพูดของส้งอาน
ครู่ต่อมาเขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว “กลางคืนรถไม่ติด ราบรื่นดี”
“ไปแล้ว”
ส้งอานยืนอยู่ที่เดิม มองดูรถที่ค่อยๆ ห่างออกไป ไฟถนนค่อยๆ ทอดร่างของเธอ สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านผ้าพันคอผ้าไหมที่พาดอยู่บนไหล่ ส้งอานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน โม่เซินถึงจะเปิดใจที่ปิดแน่นสนิทของตนเองและรับผู้หญิงคนอื่นเข้าไปได้
เสิ่นเฉียว….
ชื่อนี้หายไปจากชีวิตของเขาเป็นเวลานานกว่าห้าปีและไม่เคยปรากฏขึ้นอีกเลย
ส้งอานไม่รู้ว่าเธอไปไหน แต่สำหรับเธอแล้ว ตอนนั้นเธอชอบเด็กคนนั้นมาก แต่ว่า…เด็กทั้งสองคนกลับไม่มีวาสนาร่วมกัน
ช่างเถอะ ให้ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามโชคชะตาเถอะ
เธออายุปูนนี้แล้ว ไม่มีแรงจะไปร้องขออะไรแล้วจริงๆ
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ส้งอานก็กระชับผ้าพันคอไหม จากนั้นจึงหันหลังกลับขึ้นไปชั้นบน
แต่เดิมคิดว่าการขับรถตอนกลางคืนจะราบรื่น แต่กลับไม่คาดคิดว่าพอถึงเที่ยงคืน จะเกิดเหตุระเบิดขึ้นบนทางด่วน จนกีดขวางถนนข้างหน้าไปโดยสิ้นเชิง
หานมู่จื่อและพรรคพวกอยู่ห่างจากจุดระเบิดค่อนข้างไกล เได้ยินเพียงเสียงระเบิดเท่านั้น หลังจากนั้นรถด้านหน้าทั้งหมดก็หยุดลง เสี่ยวเหยียนกำลังนอนพิงกับพนักเก้าอี้ และตื่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียง
หลังจากนั้นหานมู่จื่อก็เห็นไฟระเบิดต่อหน้าต่อตา เธอมองอย่างตกตะลึง จากนั้นจึงดึง เสี่ยวหมี่โต้ว เข้ามากอดไว้โดยไม่รู้ตัว
“แม่เจ้า เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” เสี่ยวเหยียนลดหน้าต่างลง จากนั้นจึงยื่นหน้าออกไปและเห็นว่าเปลวเพลิงด้านหน้านั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง
“พระเจ้า ข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น?” พูดจบเธอก็รีบหดหัวกลับเข้ามาทันที จากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับหานมู่จื่อ “มู่จื่อพวกเราควรจะทิ้งรถไว้ไหม? ที่นี่ออกจะอันตรายจัง”
ไฟไหม้อยู่ไม่ไกล หานมู่จื่อหันกลับไปมองรถที่จอดอยู่ข้างหลัง เธอรู้สึกว่าการติดอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยอยู่บ้าง
ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าและเอ่ยเสียงเครียด “ลุงหนาน ล็อกหน้าต่างรถก่อน จากนั้นพวกเราลงจากรถกันเถอะ”
ลุงหนานดับรถ จากนั้นจึงพยักหน้า
หลังจากที่พวกเธอลงจากรถ รถคันข้างหน้าและข้างหลังเมื่อเห็นว่าพวกเธอลงมา พวกเขาจึงตามลงมาด้วยเช่นกัน
คนเรามักจะมีสัญชาตญาณในการหลีกเลี่ยงอันตรายอยู่เสมอ แต่ละคนล้วนหวงแหนชีวิตของตน เว้นแต่จะมีความคิดอื่น ๆ
ดังนั้นไม่นานนัก บนทางด่วนก็เต็มไปด้วยผู้คนยืนอยู่
“ถอยไปด้านหลัง พยายามอยู่ห่างจากการระเบิด”
ฝูงชนถอยไปด้านหลัง และมีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ บนทางด่วน
ไม่นานนัก เสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังขึ้น
ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ก่อนรายงานให้ทุกคนทราบ
“ทุกคนไม่ต้องกังวล เป็นรถข้างหน้าระเบิด ตอนนี้พวกเราได้แยกออกไปแล้ว และกำลังรีบจัดการกับมันโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ทางข้างหน้ายังไม่สามารถผ่านไปได้ชั่วคราว”
เสี่ยวเหยียนจับแขน หานมู่จื่อและพูดด้วยความหดหู่ “เกิดอะไรขึ้นน่ะ? อยู่ดีๆ ทำไมรถถึงได้ระเบิด? หรือว่าบรรทุกสินค้าไวไฟมา?”
“มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดการระเบิด สถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่แน่ชัด รอสักครู่เถอะ”
หลายๆ คนออกมาจากรถและหยุดอยู่ที่ป้ายรถ เย่โม่เซินเองก็อยู่บนถนนเช่นกัน เขาเองก็ได้ยินเสียงระเบิด จากนั้นในไม่ช้าก็เห็นผู้คนจำนวนมากแออัดกันอยู่ที่ข้างทาง
สีหน้าของเขาเรียบเฉยจากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเวลา เพิ่งจะขึ้นทางด่วนก็เกิดสิ่งนี้เกิดขึ้น อีกทั้งด้านหลังยังมีรถขวางทางอยู่
ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะแยกย้ายได้ อีกทั้งในรถก็อากาศอบอ้าว
เย่โม่เซินยื่นมือออกมานวดขมับของตน จากนั้นจึงเปิดประตูรถและลุกขึ้นยืนเพื่อสูดอากาศ
ท่ามกลางความมืด ชายหนุ่มออกมาจากรถ ขายาวตรงของเขาก้าวอย่างมั่นคง แทนที่จะเดินไปทางฝูงชน เขากลับเดินไปอีกฟากหนึ่งของทางหลวงและมองไปยังทิวทัศน์ห่างไกล
ความแปลกแยกนี้ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมา
“ว้าว พวกเธอดูสิผู้ชายคนนั้นหล่อมาก! “
หญิงสาวในฝูงชนเห็นเย่โม่เซินเข้าก็ร้องอุทานทันที
เมื่อเธอพูดขึ้นมา สายตาของฝูงชนก็หันตามทางทันที
“เห็นแค่ด้านหลังเท่านั้น เธอรู้ได้ไงว่าเขาหล่อ?”
“ฉันเห็นหน้าเขาตอนลงจากรถ! เห็นทุกมุม ไม่เพียงแต่หน้าตาดี หุ่นยังดีมากด้วย! ”
“พอเถอะ สามีของเธอยืนอยู่ที่นี่นะ สามีเธอหุ่นไม่ดีหรือไง?”
“ชิ ผู้ชายคนนั้นแค่เห็นก็รู้ว่ามีกล้ามหน้าท้องเป็นมัดๆ? ส่วนคุณมีแต่ไขมันไม่ใช่หรือไง?”
“เธอห้ามทำแบบนี้เลยนะ….”
บทสนทนาเหล่านี้ไม่พลาดที่จะดังไปยังหูของ หานมู่จื่อและ เสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียนเหลือบมองไปที่เธอ หานมู่จื่อมองกลับ จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็เข้ามาและกระซิบเบาๆ “เชื่อแล้วจริงๆ ในช่วงเวลาที่อันตรายแบบนี้ยังมีใจไปมองคนหล่ออีก”
เมื่อได้ยิน มุมปากของหานมู่จื่อก็ยกขึ้น “ผู้คนมักสนใจสิ่งสวยงามเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น..ตอนนี้ก็ยังไม่ใช่เวลาคอขาดบาดตายอะไร”
“ก็ถูก ก็แค่วันนี้ออกจะแย่เกินไปอยู่บ้าง รู้งี้ไม่ฟังพี่ชายของเธอแล้วออกจากบ้านตอนเช้าก็ดี”
“ไม่เป็นไร” หานมู่จื่อย่อตัวลงไปและมอง เสี่ยวหมี่โต้ว “เหนื่อยไหม? ต้องการให้หม่ามี๊แบกขึ้นหลังไหม?”