บทที่ 366 ไม่กล้ามองตรงๆ
“ตื่นได้แล้ว เสี่ยวเหยียน รีบตื่น” หานมู่จื่อก้มตัวลงและตบที่แก้มแดงก่ำของเสี่ยวเหยียนเบาๆ พยายามปลุกเธอ
ใครจะรู้ คราวนี้เสี่ยวเหยียนก็ยังคงหัวเราะเบาๆ และยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
“ฉันช่วยพาเธอขึ้นไปชั้นบน” ในขณะที่หานมู่จื่อกำลังอ่อนใจ น้ำเสียงของหานชิงก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง
หานมู่จื่อมองย้อนกลับไป “พี่ได้หรือ? “
“อืม วันนี้เธอเองก็เหนื่อยแล้ว รีบพาเสี่ยวหมี่โต้วขึ้นไปชั้นบนพักผ่อน ที่นี่ให้ฉันจัดการ”
หานมู่จื่อมองไปที่เสี่ยวเหยียน และพยักหน้า “ตกลง อย่างนั้นฉันจะไปชั้นบนก่อน”
“ป้าเหลียน”
เมื่อได้พบป้าเหลียนอีกครั้งหานมู่จื่อก็มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้น ป้าเหลียนยังคงนุ่มนวลอบอุ่นเช่นเดิม และมองมายังเธอด้วยรอยยิ้มใจดี “คุณหนูมากับฉัน”
หลังจาก หานมู่จื่อและ เสี่ยวหมี่โต้ว จากไป หานชิงก็มองไปที่เสี่ยวเหยียนที่นั่งอยู่ข้างใน
ที่นั่งของเธออยู่ห่างจากประตูเล็กน้อย เขาทำได้เพียงแค่เอนตัวลงครึ่งหนึ่งและเรียกด้วยเสียงเบาๆ “ตื่นตื่น”
เสี่ยวเหยียนไม่ได้ยินเลยสักนิด เธอยังคงหลับตาจมอยู่กับฝันอันยิ่งใหญ่
หานชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นเธอเป็นแบบนี้ดูท่าคืนนี้คงไม่ตื่นแล้วแน่
ช่างเถอะ เห็นแก่หน้ามู่จื่อ พอเธอขึ้นไปชั้นบนก็แล้วกัน
เมื่อคิดได้ดังนี้ หานชิงจึงต้องอ้อมไปยังอีกด้านของรถและเปิดประตูออก จากนั้นจึงก้มตัวลงไปอุ้มเธอขึ้นมา มือที่ยังไม่ทันถูกตัวเสี่ยวเหยียนก็ค้างอยู่กลางอากาศ
เขาไม่ชอบสัมผัสตัวผู้หญิง
ฮั่นชิงลุกขึ้นอีกครั้ง จากนั้นจึงมองไปรอบๆ นอกจากลุงหนานแล้วก็ไม่มีใครช่วยได้อีก
หรือว่าเขาจะขอให้ลุงหนานอุ้มเสี่ยวเหยียนไป? ไม่ต้องพูดถึงว่าร่างกายของลุงหนานจะรับไหวหรือไม่ แต่แค่การให้คนชราอย่างเขาอุ้มผู้หญิงขึ้นชั้นบนไปก็ไม่เหมาะแล้ว
เมื่อคิดว่าเขาได้ตกลงกับมู่จื่อไปแล้ว หานชิงก็ได้แต่ลองเรียกเสี่ยวเหยีนอีกหลายครั้ง ก่อนจะพบว่าเธอหลับราวกับตาย สุดท้ายหานชิงจึงไร้หนทางและได้แต่ยื่นมือออกไปอุ้มเธอ
เสี่ยวเหยียนซึ่งกำลังนอนหลับเหมือนหมูเมื่อถูกเขาอุ้มขึ้นมาเธอก็เอื้อมมือไปกอดคอของเขาเอาไว้ มือเล็กที่อ่อนนุ่มไร้กระดูกของเธอแนบอยู่ที่คอของหานชิงจนเขาอดขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“อืม….ฮิฮิฮิฮิ”
หานชิงก้มลงไปมองเธอ จากนั้นจึงพบว่าเธอกำลังหัวเราะราวกับคนโง่ ท่าทางและน้ำเสียงฟังแล้วโง่งมอย่างยิ่ง
ริมฝีปากบางของหานชิงเม้มขึ้น จากนั้นสองขายาวของเขาก็รีบก้าวขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว
ห้องรับแขกของตระกูลหานมักจะมีการทำความสะอาดเป็นระยะๆ อยู่แล้ว ดังนั้นหานชิงจึงพาเสี่ยวเหยียนไปที่ห้องพักแขกโดยตรง จากนั้นจึงวางเธอลงบนเตียงใหญ่ ในขณะที่กำลังคิดจะชักมือกลับมา กลับพบว่ามือของเสี่ยวเหยียนโอบรอบคอของเขาไว้แน่นไม่ยอมคลายออก
“ปล่อย!” หานชิงตำหนิเสียงเย็น จากนั้นก็พยายามดึงมือของเธอลง
เสี่ยวเหยียนไม่ยอมปล่อย แต่กลับโอบรอบคอเขาแน่นกว่าเดิม หานชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตอบสนองก็เห็นว่าเสี่ยวเหยียนที่นอนอยู่บนเตียงจู่ ๆ ก็ยื่นปากขึ้นมาและโน้มตัวเข้ามาใกล้ตนเอง
ใบหน้าของหานชิงเปลี่ยนไปทันที ในตอนที่เขากำลังคิดจะหยุดเธอเอาไว้ เสี่ยวเหยียนก็ลืมตาขึ้น
ดวงตาใสกระจ่างคู่นั้นสบตากับเขาอย่างไร้การป้องกัน สายตาง่วงงุนของแฝงด้วยความโง่งมเล็กน้อย อีกทั้ง…ยังมีสิ่งอื่นที่พิงมาด้วย
ใบหน้าของหานชิงเยียบเย็น ดวงตาคมปลาบจ้องมองเธอ
อาจเป็นเพราะรังสีจากตัวของเขา การกระทำของเสี่ยวเหยียนหยุดลงทันที จากนั้น….มันหยุดลงหลังจากที่เกือบจะแตะเข้าให้กับ หานชิง
ในช่วงเวลานั้น เธอคล้ายกับโดยไฟช็อตก็มิปาน ดังนั้นจึงยังหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม แม้กระทั่งท่าทางก็ยังค้างเติ่งไม่เคลื่อนไหว
เสี่ยวเหยียนมองไปที่ หานชิงที่อยู่ใกล้หน้าของเธออย่างยิ่ง ทั้งคู่ใกล้กันจนแทบจะเป็นหนึ่งเดียว
เธอ….เธอกำลังฝันหรือ?
แต่ว่า…เธอจำได้ว่าในความฝัน เทพบุตรเป็นฝ่ายจูบเธอนี่ อีกทั้งยังจูบได้หนักหน่วงมาก จนเธอแทบจะหายใจไม่ออก
แต่เธอรู้ว่า ในความเป็นจริงหานชิงไม่มีวันทำแบบนั้นกับเธอแน่ๆ เพราะความเป็นจริงแล้วหานชิงเป็นพวกคลั่งน้องสาว อีกทั้งต่อให้เขาจะหาผู้หญิงสักคน เขาก็ไม่มีทางมาหาตนเองแน่
เธอทั้งโง่และซื่อบื้อ อีกทั้งยังไร้สมอง หน้าตาก็พอปานกลางเท่านั้น แม้กระทั่งเปรียบเทียบกับผู้หญิงหลายๆ คนยังเทียบไปได้
ดังนั้นในความฝันเธอจึงพยายามจูบกลับไป
แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทันทีที่ลืมตาขึ้นเธอถึงเห็นใบหน้าเย็นชาของหานชิงอีกทั้ง…นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่?
ในที่สุดเสี่ยวเหยียนก็สังเกตเห็นริมฝีปากยื่นของตน และมองไปยังหานชิงที่ขมวดคิ้วแน่นอีกครั้ง เธอรู้ว่า….มีบางอย่างในใจกำลังแตกสลาย
พระเจ้า!
นี่ฉันทำอะไรเนี่ย?
ทันใดนั้นเสี่ยวเหยียนก็ปล่อยมือออก ท่าทางกระตือรือร้นแปรเปลี่ยนเป็นหลังมือทันที
ตุบ!
เธอล้มลงบนเตียงนุ่ม หัวของเธอสัมผัสกับหมอนอ่อนนุ่ม จากนั้นจึงมองไปที่หานชิงด้วยความงุนงง
“หาน คุณหาน… ” เสี่ยวเหยียนลิ้นพันกัน และเอ่ยย่างตะกุกตะกัก “ฉัน เมื่อครู่ฉันหลับลึกเกินไป ไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรลงไป”
หานชิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงเย็นชาของเขาพูดขึ้น “พักผ่อนเถอะ”
จากนั้นเขาก็หมุนตัวออกไป และปิดประตูห้องพักแขกลง
หลังจากที่เขาจากไป เสี่ยวเหยียนก็นิ่งงันไปเกือบสิบวินาทีก่อนที่เธอจะได้สติกลับมา เธอเอื้อมมือไปปิดแก้มแล้วร้องลั่น!
“อ๊ากกกกก เสี่ยวเหยียนเธอทำอะไรลงไป?
จะบ้าตาย!!
เทพบุตรสุดหล่ออุ้มเธอขึ้นมาชั้นบนได้ยังไง? อีกทั้ง…อีกทั้งยัง…เธอถึงกับยื่นปากออกไปใกล้หน้าเขา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็รีบลุกขึ้นนั่งและแตะที่มุมปากของเธอ
โชคดีที่ไม่มีน้ำลายไหล มู่จื่อก็จริงๆ เลย ทำไมถึงไม่ปลุกเธอ? จนทำให้เธอต้องทำตัวน่าอับอายต่อหน้าเทพบุตรแบบนี้
ฉันไม่รู้ว่าที่เธอยื่นปากออกไปเมื่อกี้นี้จะไปทำให้เกิดเงามืดในใจของหานชิงขึ้นรึเปล่า? ต่อไปนี้ยามเจอหน้ากันเขาจะกล้าสบตาเธอไหม?
ด้วยเหตุนี้ เสี่ยวเหยียนจึงเริ่มบ้าคลั่งขึ้นอีกครั้ง เธอกอดหมอนและกลิ้งไปมา
รู้สึกอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว!
เธอโมโหจนจะบ้า!
เสี่ยวเหยียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าและส่งข้อความถึง หานมู่จื่อ และโทษว่าเธอได้ทำเรื่องเลวร้ายลงไป
[เธอ ทำไมถึงไม่ปลุกฉัน? เธอรู้ไหมว่าฉันเพิ่งหน้าแตกครั้งใหญ่ไป?]
หานมู่จื่อเพิ่งจัดการให้ เสี่ยวหมี่โต้วเข้านอนเสร็จ และกำลังจะไปอาบน้ำเพื่อผ่อนคลายประสาท โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงานก็สั่นขึ้นพอดี เธอหยิบมันขึ้นมาดู และพบว่าเป็น wechat จากเสี่ยวเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
[จะปลุกก็ต้องเรียกแล้วตื่นสิ เธอนอนหลับอย่างกับหมู อีกทั้งยังเอาหัวเราะคิกคักไม่หยุด ฉันเรียกเธออยู่ตั้งหลายครั้ง]
[แย่แล้ว? ฉันถึงกับเอาแต่หัวเราะคิกคักตลอดเวลา? จบแล้วจบแล้ว ภาพลักษณ์ของฉันพังลงหมดแล้ว]
[แต่เดิมเธอก็ไม่มีภาพลักษณ์อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง? อีกทั้งเรื่องภาพลักษณ์สำหรับเธอแล้วมันคืออะไรกัน? ในห้าปีที่ผ่านมาเธอบอกว่าเธอไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ยึดมั่นเรื่องของการเอาชนะจิตใจเป็นหลักไม่ใช่หรือไง?]
[ช่างจิตใจมันสิ!]
ต่อหน้าเทพบุตรสุดหล่อ จิตใจเป็นเรื่องบ้าบออะไรกัน?
ตอนนี้เธอแทบจะทำให้เทพบุตรเผ่นแน่บไปแล้ว จากนี้ไป…เกรงว่าแม้กระทั่งสบตาเทพบุตรของเธอยังทำไม่ลง
[อีกทั้ง ฉันให้โอกาสนี้กับเธอเธอควรจะขอบคุณฉันสิ }
[โอกาสกะผีสิ หน้าของฉันแตกลงยับเยินไปแล้ว]
[ฉันรู้สึกว่าพี่ชายของเธอคงไม่กล้ามองหน้าฉันอีกต่อไปแล้ว ทำไมฉันถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้เนี่ย?]
[เธอทำอะไรลงไป?]
เสี่ยวเหยียนเห็นประโยคนี้ ก็ไร้คำพูดใดๆ อีก เธอรีบวางโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ด้านหนึ่ง