บทที่ 367 เหมือนฉันจะเห็นเธอ
วันที่สอง
เนื่องจาก หานมู่จื่อกลับบ้าน ดังนั้นทั้งตระกูลหานจึงดูมีชีวิตชีวาคึกคักขึ้นมาทันที
“ได้ยินมาว่าเมื่อคืนนี้คุณหนูของเรากลับมาแล้ว อีกทั้งยังพาคุณชายน้อยกลับมาด้วย อยากเจอจังเลย”
สาวใช้หลายคนพูดคุยกัน
“ตอนนี้คงยังไม่ตื่นมั้ง เมื่อคืนกว่าจะกลับมาถึงก็ดึกดื่นแล้ว เกรงว่าต้องนอนถึงกลางวันถึงตื่นและค่อยเจอ ได้ยินว่าคุณหนูของเราคล้ายกับคุณผู้หญิงท่านนั้นมาก ทั้งหน้าตาและบุคลิกก็เหมือนอย่างยิ่ง”
“จริงเหรอ? ก่อนหน้านี้ห้าปีก่อนฉันก็บอกพวกเธอไปอย่างเงียบๆ ว่าตัวปลอมคนนั้นบุคลิกนิสัยไม่คล้ายคนตระกูลหานมากนัก คิดไม่ถึงว่าที่ฉันคิดจะเป็นเรื่องจริง ที่แท้เธอก็เป็นตัวปลอม”
“ของปลอมไม่สามารถเป็นของจริง ของจริงปลอมไม่ได้ เมื่อเวลาผ่านไปก็จะรู้ได้เอง ตอนนี้คุณหนูกลับมาแล้ว ตัวปลอมย่อมต้องหนีไปอย่างไม่มีทางเลือก”
“เฮ้อ ห้าปีก่อนเธอก็ถูกไล่ไปจากตระกูลหานแล้ว แล้วไปไหนต่อนะ?”
“ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน แต่ว่าผู้หญิงแบบนั้น…เห็นทีไม่ควรมีจุดจบที่ดีแน่”
“ไม่พูดถึงตัวปลอมนั่นแล้ว พูดแล้วก็รู้สึกพะอืดพะอม ได้ยินมาว่าลูกชายของคุณหนูก็คือคุณชายน้อยของเรา หน้าตาน่ารักอย่างมาก อีกทั้งยังหล่อเหลาด้วย”
“จริงหรือ? “
“อดตั้งตารอไม่ไหวแล้ว! ”
หลายคนถูมือของตน สีหน้าแสดงออกว่ากำลังตื่นเต้นมาก
หานมู่จื่อกว่าจะตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงวันแล้ว เมื่อคืนเธอเหน็ดเหนื่อยมากเกินไป เมื่อเธอลุกขึ้นก็พบว่า เสี่ยวหมี่โต้วที่ หายไป เธออึ้งไปชั่วขณะ เมื่อนึกได้ว่าที่นี่คือบ้านตระกูลหานเสี่ยวหมี่โต้ว คงลงไปชั้นล่างก่อนแล้ว เธอจึงไม่รีบร้อนและค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ จากนั้นจึงไปล้างหน้าล้างตาและลงไปชั้นล่าง
ในขณะที่กำลังจะลงบันได หานมู่จื่อก็เห็นร่างเล็กๆ อยู่ที่ชั้นล่าง เขาถูกรายล้อมไปด้วยฝูงชน และไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร
เสี่ยวหมี่โต้ว เป็นที่นิยม ไปไหนก็มักจะเช่นนี้
หานมู่จื่อเองก็เคยชินกับสถานการณ์เช่นนี้แล้ว
ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวลงไป ด้านหลังก็มีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นมา “มู่จื่อ! มู่จื่อมู่จื่อ! ”
หลังจากได้ยิน หานมู่จื่อก็ชะงักลง เมื่อเธอหันกลับไปก็เห็นเสี่ยวเหยียนซ่อนตัวอยู่ที่หัวมุม กำลังมองมาที่ตนอย่างร้อนรน เมื่อเห็นเธอหันกลับมา เสี่ยวเหยียนก็รีบโบกมือให้เธอเดินเข้าไปหา
หานมู่จื่อเดินตรงไปหาเธอ
“เป็นอะไร? แอบอยู่ตรงนี้ทำไม? เธอเป็นขโมยหรือไง?”
ใบหน้าของเสี่ยวเหยียน เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “ทั้งหมดไม่ใช่เพราะเธอหรือไง! “
“ฉันทำไม?”
“ถ้าเมื่อคืนเธอปลุกฉัน มันคงไม่น่าอายขนาดนี้ ตอนนี้ฉัน…..ไม่กล้าลงไปชั้นล่าง ฉันกลัวจะเจอพี่ชายของเธอ”
เมื่อได้ยิน หานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว เธอจำได้ว่าเมื่อคืนพอเธอถามเสี่ยวเหยียนว่าเกิดอะไรขึ้น ผลคือเธอแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ไล่ซักถามอะไร
แต่มาตอนนี้เธอกลับพูดขึ้นต่อหน้าตนอีกครั้ง อย่างนี้หานมู่จื่อจึงต้องถามขึ้นมาแล้วจริงๆ
“เมื่อคืน เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเธอถึงเอาแต่บอกว่าเป็นเรื่องน่าอาย? หรือว่าเธอทำอะไรกับพี่ชายฉัน?”
พอได้ยิน เสี่ยวเหยียนก็เบิกตากว้างและส่ายหัว “มู่จื่อ เธอใส่ร้ายพี่ชายเธอแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
หานมู่จื่อ “….”
เธอไม่ได้พูดแล้วโอเคไหม จากนั้นจึงหันตัวกลับไปชั้น
เสี่ยวเหยียนจับแขนเสื้อเธออย่างประหม่าที่ “อย่าเพิ่งไป ช่วยฉันก่อน”
“ช่วยเธอยังไง?”
“ช่วยดูหน่อยว่าพี่ชายของเธออยู่ชั้นล่างไหม?”
“ไม่อยู่”
“จริงหรือ? อย่าโกหกฉันนะ? เธอยังไม่ได้ดูด้วยซ้ำ”
“เมื่อกี้ฉันดูแล้ว” หานมู่จื่อเอ่ยอย่างอ่อนใจ
เสี่ยวเหยียนถึงค่อยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “โอเค อย่างนั้นฉันจะไปกับเธอ”
พูดจบเสี่ยวเหยียนก็ตามหลัง หานมู่จื่อและคิดจะลงไปพร้อมกับเธอ ผมคือพอลงบันไดไปได้ขั้นแรก เสี่ยวเหยียนก็เห็นว่าหานชิงกำลังเดินเข้ามาจากประตู
หานชิงยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา สีหน้าของเสี่ยวเหยียนก็เปลี่ยนไปทันที ในขณะที่หานมู่จื่อยังไม่ทันได้ตอบสนองเธอก็รีบวิ่งเข้าไปหลบด้านหลังของหานมู่จื่อ
เมื่อ หานมู่จื่อหันกลับมา ก็พบว่า เสี่ยวเหยียนไม่ได้อยู่ข้างหลังเธออีกต่อไป
หานมู่จื่อ “….”
วิ่งเร็วอะไรขนาดนั้น
สุดท้ายหานมู่จื่อก็ลงไปชั้นล่างคนเดียว
“พี่ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”
“หือ?” สายตาหานชิงเต็มไปด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น? “
หานมู่จื่อแทบกระอักพูดไม่ออก เสี่ยวเหยียนเห็นหานชิงก็รีบวิ่งหนีไปราวกับหนูที่เห็นแมว แต่ผลคือหานชิงกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด ดังนั้นนี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ไม่มีอะไร” หานมู่หัวเราะ จากนั้นจึงเอ่ยเสียงนุ่ม “วันนี้จะไปไหน? “
“ทานข้าวก่อน หลังจากทานเสร็จฉันจะพาเธอไปที่ๆ หนึ่ง”
“อืม”
ในที่สุดคนรับใช้ก็ได้พบกับ หานมู่จื่อเพียงแต่ว่าในเวลานั้นพวกเขาถูกครอบงำด้วยความฉลาดและน่ารักของ เสี่ยวหมี่โต้ว ไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงเอาแต่วนเวียนอยู่รอบเขาและถามคำถามเขามากมาย อีกทั้งยังขอถ่ายรูปกับเขาอีกด้วย
หลังจากถ่ายรูปกับเสี่ยวหมี่โต้วไปหลายรูปก็เอารูปลงในโซเชี่ยลเพื่ออวดเพื่อนๆ
พอถึงเวลาทานข้าวเสี่ยวหมี่โต้ว ถึงค่อยได้กลับมาอยู่ข้างๆ หานมู่จื่อ
“คุณลุง ทานข้าวหรือยังครับ?”
“อืม ล้างมือแล้วยัง?”
“ล้างแล้วครับ เอ๋ น้าเสี่ยวเหยียนล่ะครับ? ” เสี่ยวหมี่โต้ว มองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นร่างของเสี่ยวเหยียน ดังนั้นเขาจึงถามด้วยความสงสัย
เมื่อได้ยินชื่อของเสี่ยวเหยียน คิ้วของหานชิงหานชิงก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย เขานึกขึ้นได้ถึงท่าทางบ้าบอของเธอเมื่อคืน ขนาดเขาเดินออกไปแล้วก็ยังได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอที่ดังขึ้น
ผู้หญิงคนนี้ ช่างวุ่นวายเสียจริงๆ
“น้าเสี่ยวเหยียนของลูกอาจจะมีเรื่องนิดหน่อย” หานมู่จื่อหันไปจัดเสื้อผ้าของ เสี่ยวหมี่โต้ว แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่อย่างนั้นลูกลองไปเรียกคุณป้าดูหน่อย?”
“ได้คร้าบ~” เสี่ยวหมี่โต้ว กระโดดออกจากเก้าอี้และวิ่งขึ้นไปชั้นบน
ผลคือหลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมา การแสดงออกบนใบหน้าเล็กๆ ดูหดหู่เล็กน้อย “น้าเสี่ยวเหยียนบอกว่าเธอรู้สึกไม่สบาย ไม่กินข้าวกับพวกเรา”
หานมู่จื่อยิ้มเล็กๆ ผู้หญิงคนนี้จริงๆ เลย..
“อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร พวกเรากินกันไปก่อน เดี๋ยวอีกสักครู่ค่อยใช้คนรับใช้เอาขึ้นให้น้าเสี่ยวเหยียนกิน”
“อื้ม”
*
โรงพยาบาลประชาชน เมืองเป่ย
ส้งอานไม่คาดคิดว่าเมื่อคืนที่พึ่งจะส่งเย่โม่เซินไปเมืองซู แต่ผลสุดท้ายคือเธอกลับต้องนั่งรถมาทั้งคืนเพื่อมายังเมืองเป่ย อีกทั้งยังต้องตรงมาที่โรงพยาบาลอีกด้วย
“บอกมาว่านี่มันเรื่องอะไร? ก่อนจะไปฉันไม่ได้บอกหรือไงว่าให้ขับรถดีๆ ระวังความปลอดภัย?”
ส้งอานถลึงตาใส่เย่โม่เซินที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล และเอ่ยอย่างไม่ได้ดั่งใจ “ผลคือแกรถชน กล้าประสบอุบัติเหตุรถยนต์ในเมืองเป่ยเฉิงกลางดึก! นี่แกไม่เห็นชีวิตของตัวเองอยู่ในสายตาเลยหรือไง?”
เย่โม่เซินฟังคำบ่นเหล่านี้ แต่กลับไม่มีการตอบสนอง
อีกทั้งดวงตาเขากลับหลุบลง ดวงตาสีเข้มนั้นเปล่งประกายล้ำลึก ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ป้าพูดกับแก แกควรจะตอบสักคำไหม! “
“ป้าครับ”
ริมฝีปากของเย่โม่เซินในที่สุดก็ขยับเล็กน้อย
ส้งอานหรี่ตา “หา? “
“ดูเหมือนผมจะเจอเธอแล้ว”
ส้งอาสูดลมหายใจ “ใคร? “