บทที่ 378 หลักการ
“ตอนนี้ไม่มีลูกค้า ไม่ได้หมายความว่าหลังจากนี้จะไม่มี” หานมู่จื่อเก็บสายตากลับคืนมา ปากกาหมึกซึมสีดำกำลังหมุนอยู่บนมือของเธอ หลี่จุ้นเฟิงก็จ้องไปที่นิ้วมือของเธออีก
นิ้วมือของเธอเรียวยาว นิ้วมือทั้งสิบนิ้วขาวเนียน นิ้วมือก็เล็กกลมๆน่ารัก ทั้งยังไม่เหมือนผู้หญิงพวกนั้นที่เขารู้จัก ทาสีเล็บจนนิ้วลายเป็นสีๆ นิ้วมือของเธอสะอาดมาก บนเล็บมือยังมีลายรูปเสี้ยวพระจันทร์ที่สวยงาม
“ให้พวกคุณมาประชุม นอกจากให้พวกคุณดูข้อมูลเอกสารพวกนี้แล้ว ยังอยากดูว่ามีกี่คนที่อยากอยู่บริษัทต่อไป” พูดถึงตรงนี้หานมู่จื่อวางปากกาลง
“ไม่ว่าพวกคุณจะเข้ามาห้องประชุมเพราะเหตุใด พวกคุณยินยอมมา ฉันก็ดีใจ ขอบคุณ”
“มา ประชุมกันเถอะ”
*
“ผู้หญิงคนนั้นรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้มันสถานการณ์อะไร? เพิ่งจะเริ่มต้นก็บอกว่าจะประชุม เธอรู้สึกว่าเธอสามารถเป็นเจ้านายที่ดีของพวกเราได้เหรอ? ดูท่าทางของเธอ ฉันรู้สึกว่าบริษัทนี้คงอยู่ได้ไม่นานหรอก ถ้าไม่งั้น……”
คนที่ไม่ไปประชุมจับกลุ่มคุยกัน หนึ่งในนั้นก็คือจางยู่มองหน้าเลิงเยาเยาและหวังอานอย่างลังเล แล้วก็พูดเบาๆ
ฟังแล้ว เลิงเยาเยาหัวเราะอย่างเย็นชาสองสามคำ แล้วก็ทนไม่ไหวที่จะมองหน้าเธอ: “จางยู่ อีแม่นายอย่างฉันไม่ไปประชุมก็เพราะปวดท้องไม่อยากไป เกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ? หวังอานเป็นนักติดสอยห้อยตาม คุณก็เป็นกับเค้าเหรอ?”
สีหน้าของเธอซีเซียว หน้าผากยังเหงื่อไหลออกมาด้วย ดูแล้วเหมือนจะไม่ค่อยสบายจริงๆ
ส่วนหวังอานก็รีบรินน้ำอุ่นมาให้เลิงเยาเยา: “เยาเยา คุณดื่มน้ำอุ่นก่อนนะ”
เลิงเยาเยาเห็นน้ำอุ่นแก้วนั้นแล้ว ยื่นมือไปอย่างรีบร้อนจนแก้วน้ำหกลงบนโต๊ะ
“คุณเป็นบ้าอะไร? ฉันปวดท้อง คุณให้ฉันดื่มน้ำร้อนมันจะดีขึ้นเหรอ?”
น้ำที่หกอยู่บนโต๊ะ แค่แป๊บเดียวก็ทำให้คีย์บอร์ดที่อยู่ข้างๆเปียกน้ำหมด สีหน้าของจางยู่เปลี่ยนไป ในใจกำลังคิดอยู่ว่า เลิงเยาเยาคนนี้อารมณ์ร้อนจริงๆอย่างที่เค้าว่ากัน ยังไม่ทันไรก็โมโหใส่อารมณ์สักแล้ว”
ส่วนหวังอานตกใจกับกิริยาอาการของเธอ แต่ก็รีบดึงทิชชู่ออกมาเช็ดน้ำบนแป้นพิมพ์และน้ำบนโต๊ะ แล้วก็พูดอย่างระมัดระวังว่า: “เยาเยาคุณอย่าโกรธเลยนะ ฉันเช็ดน้ำให้แห้งก่อน คุณระวังอย่าให้แขนเสื้อเปียกนะ”
น้ำกำลังไหลไปที่แขนเสื้อของเลิงเยาเยาแล้ว หวังอานรีบดึงกระดาษทิชชู่เยอะๆไปเช็ดน้ำข้างๆมือของเธอ เลิงเยาเยาเห็นเธอเข้าใกล้จนรู้สึกหงุดหงิด จึงยื่นมือฟาดไปตีเขา
“ไปไกลๆหน่อยได้ไหม? เห็นหน้าคุณก็เบื่อ!”
เลิงเยาเยาเพิ่งทำเล็บมาสวยๆ บนเล็บยังติดเม็ดเพชรประกายวาววับ ทีนี้ไปขูดโดนหน้าของหวังอาน จนทำให้หน้าข้างซ้ายของเขามีรอยแผลเล็กๆ จางยู่ที่อยู่ข้างๆเห็นแล้วตกใจจนรีบลุกขึ้นมา
“หวังอาน หน้าของคุณบาดเจ็บแล้ว” พูดจบ เธอมองหน้าของเลิงเยาเยาอย่างไม่น่าเชื่อสายตา: “คุณเป็นอะไรเหรอ? หวังอานก็แค่ห่วงใยคุณเท่านั้น ส่วนเธอทำให้น้ำหกไม่ว่า ยังจะทำให้เค้าบาดเจ็บอีก”
เลิงเยาเยาเจ็บจนทนไม่ค่อยไหวแล้ว ได้ยินเช่นนั้นแล้ว เธอก็ยังพยายามทนและเงยหน้าขึ้นมามองจางยู่: “เกี่ยวอะไรกับแก? หวังอานเขาเต็มใจทำเองนิ ฉันบอกให้เขาไปไกลๆเขาก็ไม่ไป ติดตามฉันอยู่นั่นแหล่ะ ถ้าเค้าไม่ตามฉันมันจะเกิดเรื่องอย่างนี้เหรอ? ทำไม? ชอบหวังอานเหรอ?”
จางยู่ถูกคำพูดประโยคนี้ของเธอว่าจนหน้าแดงขึ้นมาและกัดฟันไว้: “เลิงเยาเยาคุณเป็นคนไม่มีเหตุผลจริงเลย”
“ฉันไม่มีเหตุผลตรงไหนยังไง ฉันปวดท้องอยากจะพักผ่อนตรงนี้ พวกแกไม่อยากไปห้องประชุม ยังจะมาบอกว่าอยู่เพื่อจะดูแลฉัน ชิ คงคิดว่าฉันไม่รู้ว่าพวกแกคิดยังไงเหรอ”
พูดถึงตรงนี้ เลิงเยาเยาทำหน้าตาที่น่าเกลียด เธอความเจ็บปวดตรงท้องของเธอ จากนั้นลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก
แต่ว่าเธอเดินอย่างทุลักทุเล หวังอานเป็นห่วงจึงรีบเดินหน้าเข้าไปอยากจะช่วยพยุงเธอ: “เยาเยา เจ็บจนทนไม่ไหวแล้วใช่ไหม? งั้นผมส่งคุณไปโรงพยาบาลนะครับ?”
“ออกไป อย่างกวนฉัน” เลิงเยาเยาด่ากลับไปหนึ่งคำ ไม่อยากจะสนใจเขาเลยสักนิด
จางยู่ยังยืนอยู่ที่เดิม โมโหจนกำมือไว้แน่นๆและตะโกนดังๆว่า: “หวังอาน ในเมื่อเธอไม่อยากสนใจนาย นายก็อย่าไปยุ่งกับเธอเลย นายเป็นผู้ชายอกสามศอก ทำไมหน้าด้านอย่างนี้?”
คำนี้เหมือนจะกระทบโดนใจของหวังอานสักแล้ว เขาหยุดเดินแล้วก็หันกลับมามองหน้าจางยู่: “คนอย่างผมทำอะไร ไม่ต้องให้คุณมาสอนหรอก อีกอย่าง ผมตามจีบเยาเยา เธอเป็นคนยังไงผมรู้ดีแก่ใจ!”
เปรี้ยงปัง_ _
เลิงเยาเยาที่อยู่ข้างหน้า ในที่สุดก็ทนไม่ไหว แล้วก็ล้มตัวลงไป
“เยาเยา!”
หวังอานสีหน้าตกใจ รีบพุ่งเข้าไปอุ้มตัวเธอขึ้นมา จากนั้นรีบออกไปจากตรงนั้น
“นายจะไปไหน!?”
หวังอานไม่ตอบคำถามของเธอ อุ้มตัวของเลิงเยาเยาแล้วก็หายไป ทันใดนั้นในห้องทำงานเหลือแค่จางยู่เพียงคนเดียว เธอยืนอยู่ที่เดิมและคิดอยู่ตั้งนาน แล้วก็รีบเดินตามออกไป
ในห้องประชุม
“เอกสารที่ให้พวกคุณดูเสร็จแล้วมีข้อคิดเห็นอะไรไหม?”
แววตาของหานมู่จื่อมองดูทุกคนอย่างเย็นชา ถามด้วยเสียงที่เยือกเย็น
ปรากฏว่า ในเวลานี้ประตูของห้องประชุมมีเสียงดังปั้งและถูกเปิดออก จางยู่วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจ: “แย่แล้ว……”
การประชุมถูกขัดขวางกะทันหัน คิ้วที่สวยๆของหานมู่จื่อขมวดขึ้นมาทันทีและมองหน้าจางยู่ที่วิ่งเข้ามา เสี่ยวเหยียนก็ลุกขึ้นมาทันทีทันใด: “พวกคุณไม่อยากมาเข้าร่วมประชุมไม่ใช่เหรอ? มาที่นี่กะทันหันทำอะไร?”
“เลิงเยาเยาเธอ……”
“ออกไป”
เสียงที่เข้มงวดคำหนึ่งขัดคำพูดของจางยู่ เสี่ยวเหยียนหันกลับไปดู เห็นหานมู่จื่อมีสีหน้าที่เย็นชา แววตาที่เยือกเย็นมองไปที่หน้าของจางยู่
จางยู่ตกตะลึง “คุณ คุณพูดอะไรนะ”
“ในขณะที่ประชุมอยู่ ก่อนที่จะประชุมเสร็จเรียบร้อย ห้ามใครเข้ามารบกวนเด็ดขาด”
จางยู่เพิ่งจะรู้สึกตัว เธอกำลังว่าตนเองเป็นผู้บุกรุก ไล่เธอออกไป สีหน้าของจางยู่เปลี่ยนไปทันทีและกัดฟันพูด: “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะบุกรุกเข้ามานะ ฉันแค่มีเรื่องอยากจะบอก”
“งั้นก็รอจนประชุมเสร็จก่อน”
“คุณยังมีหัวใจไหม ฉันบอกว่ามีเรื่องด่วนจะแจ้งคุณ”
หานมู่จื่อออกเสียงฮึ่ม: “เสี่ยวเหยียน เชิญเธอออกไป”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าและเดินไปตรงด้านหน้าของจางยู่: “ก่อนหน้านั้นเรียกคุณมาก็ไม่มา ตอนนี้เพิ่งจะมา เสียดายตอนนี้หน้าเข้า ออกไปซะ”
จางยู่กัดริมฝีปากด้านล่างไว้ ยื่นอยู่กับที่ไม่ยอมออกไป
“ถ้าคุณยังไม่ยอมไปอีก อย่าโทษฉันต้องใช้ไม่แข็งนะ” เสี่ยวเหยียนพูดไปด้วย กำมือไปด้วยและชกมือดังๆเพี้ยๆ
อย่าดูถูก เธอใช่หญิงปัญญาอ่อนที่ไหน เธอไม่เพียงเป็นผู้ช่วยของหานมู่จื่อ เธอยังทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้หานมู่จื่อสักด้วยแล้ว อย่างน้อยเธอก็เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง เรื่องชกต่อยต่อสู้ขึ้นมาล่ะก็ ไม่มีใครดุร้ายกว่าเธอแล้ว
จางยู่มองดูท่าทางของเธอแล้ว เหมือนว่าเธอจะเอาจริง จึงโมโหและหันตัวออกไป
ปั้ง—-
ประตูห้องประชุมถูกปิดอีกครั้ง
เซียวยียีเห็นเช่นนี้แล้ว รู้สึกตื่นตกใจ: “อย่างนี้จะไม่เป็นไรจริงๆเหรอ? เธอดูเหมือน……มีเรื่องจะพูดจริงๆ”
ซูกั่วเอ๋อที่อยู่ด้านข้างหัวเราะเบาๆ: “จะเป็นอะไรไป? เสี่ยวเหยียนพูดถูก เมื่อกี้เรียกให้เธอมาก็ไม่มา แล้วตอนนี้เธอคิดจะมาก็มาได้อย่างนั้นเหรอ?”
หลี่จุ้นเฟิงยิ้มและพูดขึ้นมาว่า: “ถูกต้อง มีหลักการ”
และยังพูดเพิ่มเติมขึ้นมาอีกว่า: “ผมชอบ”
เซียวยียีจ้องหน้าเขาอย่างดุร้าย: “หน้าด้าน!”