บทที่ 383 ไร้ยางอาย
หลินชิงชิงไม่เพียงแต่จะหน้าตาดี ไอคิวสูง เรื่องความรักก็ไม่เลว
สำหรับผู้ชายที่เยือกเย็นเช่นนี้ เธอจึงต้องใช้มารยาสักหน่อยแล้ว
ตามปกติแล้ว ถ้าเขามีจิตใจเมตตาอารี น่าจะอยู่ต่อเป็นเพื่อนเธอ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ยินดีอยู่หลินชิงชิงไม่มีทางจะย่อท้อ
ยังมีโอกาสหน้า
พูดคำนั้นแล้วหลินชิงชิงเงยหน้าขึ้น แววตาเต็มไปด้วยการขอร้องเย่โม่เซิน บนใบหน้าเล็กๆเต็มไปด้วยความดื้อรั้น
เย่โม่เซินไม่ใช่คนที่ขี้สงสารคนอยู่แล้ว เธอจะเสียหน้าหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับเขา?
แต่ว่าตอนที่ผู้หญิงคนนี้เงยหน้าขึ้นมานั้น แววตาที่ร้องขอ กลับ……เหมือนท่าทางของหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในความทรงจำของเขา
กาลครั้งหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้น……ก็เคยใช้แววตาเช่นนี้มองตนเอง
บ้าจริงๆ!
ทำไมเขาคิดถึงเธออีกแล้ว สองวันมานี้เธอโผล่มาในหัวของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“นายเย่?” หลินชิงชิงเห็นเขายืนเหม่ออยู่ตรงหน้ากะทันหัน เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเรียกเขาหนึ่งคำ
เย่โม่เซินได้สติกลับมา แล้วก็มองดูผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
ตรงไหนยังมีเงาของผู้หญิงคนนั้น?
“ขอโทษจริงๆนะ ฉันรู้ว่าฉันขอร้องคุณมากเกินไป แต่ว่า……”
ยังไม่ทันพูดจบ เย่โม่เซินก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง สีหน้าเยือกเย็นและพูดว่า: “อย่ากวนผม”
หลินชิงชิงแสดงอาการดีใจมาก รีบกลับไปนั่งลงตรงที่ของตนเอง
ดีจังเลย ผู้ชายคนนี้หน้านิ่งแต่ใจดีจริงๆ
ภายนอกดูแล้วเหมือนน้ำแข็ง แต่—-ข้างในนั้นมีไฟที่ร้อนระอุอยู่
ขอแค่……เธอทนได้ เธอต้องสามารถละลายน้ำแข็งที่ปิดล้อมลูกไฟได้อย่างแน่นอน
คิดเช่นนี้แล้วหลินชิงชิงหลับตาลงและยิ้มอย่างเขินอาย
เย่โม่เซินให้เธออย่ากวนเขา เธอก็รู้ตัวจึงไม่เอ่ยปากพูดกับเขาอีก แต่ก็เงยหน้าขึ้นมาแอบมองเขาในบางครั้ง ยิ่งดูยิ่งรู้สึกว่าเย่โม่เซินมีหน้าตาที่ตรงกับสเปคของเธอมาก
เธอชอบผู้ชายที่มีหน้าตาหล่อเท่ห์แบบนั้น แต่ว่าคนที่มาตามจีบเธอ ก็หน้าตาหล่อๆทั้งนั้น แต่ส่วนมากจะหล่อแบบมีเล่ห์นัย
แต่ความรู้สึกที่เย่โม่เซินมีให้เธอไม่เหมือนกัน
ผู้ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเข้มแข็งมาก บวกกับสง่าราศีที่แรงมากบนตัวของเขา เปรียบเสมือนราชาผู้ยิ่งใหญ่
ผู้ชายแบบนี้ ถึงจะเป็นแบบที่เธออยากจะหา
ดังนั้นหลินชิงชิงตัดสินใจในใจลึกๆว่า ถึงแม้ครั้งนี้เธอจะเป็นคนที่ไปตามจีบผู้ชาย เธอก็จะยอมทุ่มเทอย่างเต็มที่ ต้องจีบเย่โม่เซินให้ได้
เย่โม่เซินไม่ใช่ไม่รู้สึกถึงแววตาของผู้หญิงคนนั้นที่กำลังจ้องมองบนตัวของเขาไปทั่ว ในใจของเขายิ่งหงุดหงิดมากขึ้น
ทำไมส้งอานต้องให้เขามาสถานที่น่าเบื่อเช่นนี้ด้วย?
อยากให้เขาหาผู้หญิง เขาสามารถหาได้ง่ายๆอยู่แล้ว ทำไมต้อง…..เป็นลูกสาวของเพื่อนตนเอง
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว ในใจไม่พอใจอย่างมาก
“ห้านาที”
เขาเอ่ยปากพูดขึ้นมากะทันหัน
หลินชิงชิงที่อยู่ตรงข้ามตะลึงไปสักพัก งงกับสิ่งที่เขาพูดและร้องอ้าหนึ่งคำ
แต่เย่โม่เซินไม่ให้เธอตอบโต้อีกหลินชิงชิงรีบมองดูเวลา
หลังจากห้านาทีแล้ว เย่โม่เซินก็ลุกขึ้นเดินออกไป ไม่หันกลับมาอีกเลย
หลินชิงชิงยังไม่ทันไปขัดขวาง เธอได้แต่หยิบมือถือขึ้นมาดู ถึงรู้ว่าห้านาทีของเย่โม่เซินที่พูดเมื่อสักครู่หมายความว่าอะไร
ที่แท้ห้านาทีของเขา คือเขาจะอยู่ตรงนั้นแค่ห้านาที
ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว เขาจึงไป
ถึงแม้การนัดบอดในวันนี้จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่หลินชิงชิงกลับจดจำคนๆนี้ไว้ในใจตลอดเวลา
เธอไม่โกรธเลยสักนิด รีบเก็บของและเดินตามออกไป ขึ้นไปนั่งในรถและหลังจากนั้นหลินชิงชิงอดใจไม่ไหวรีบส่งข้อความไปบอกหลินซิงหั่วพี่สาวของเธอ
หลินชิงชิง: {พี่สาวคะ วันนี้ฉันถูกแม่ลากไปนัดบอด ~}
ส่งข้อความบนวีแชทออกไปแล้วไม่มีคนตอบกลับหลินชิงชิงก็ไม่ถือสา เก็บความตื่นเต้นในใจไว้และเก็บมือถือเข้ากระเป๋า พี่สาวคนนี้ของเธอเป็นดารานักแสดงที่มีชื่อเสียง ตอนนี้คงกำลังแสดงละครอยู่ ดังนั้นเธอจึงไม่หวังว่าหลินซิงหั่วจะตอบข้อความของเธอ
*
อีกที่หนึ่ง
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนเอาเบอร์โทรศัพท์ให้รองผู้กำกับการแสดงคนนั้นแล้ว รองผู้กำกับได้ส่งข้อความให้เธอด้วยตนเอง ถามเธอว่ามีเวลาว่างเมื่อไหร่
หานมู่จื่อคิดไปคิดมา จึงส่งที่อยู่ของบริษัทไปให้เขา
รองผู้กำกับละครเห็นว่าเธอเปิดบริษัทแล้ว ชื่นชมเธอไม่หยุด ยังพูดด้วยความเกรงใจว่า: { ตอนแรกผมอยากจะดึงคุณเข้ามาวงการนี้ นึกไม่ถึงว่าคุณมีบริษัทแล้วด้วย งั้นคงไม่มีโอกาสแล้ว }
เห็นข้อความนี้แล้วหานมู่จื่อยิ้มนิดๆ
{ขอบคุณที่ท่านเมตตาเอ็นดู แต่ฉันไม่มีพรสวรรค์ทางด้านการแสดง}
{ถ้ามีเวลาว่าง ให้ผู้จัดการนักแสดงเข้ามาคุยที่บริษัทได้นะคะ}
{ไม่มีปัญหาครับ ผมคุยกับเธอดูก่อน}
หานมู่จื่อก็อยากถือโอกาสนี้ดูว่าอีกฝ่ายจะเย่อหยิ่งไหม ถ้าเธอบอกว่าให้ฝ่ายเขามาเจรจาที่บริษัทล่ะก็ ตามที่คืนก่อนเจอจ้าวยี่หรูอย่างนั้นคงจะถูกชี้นิ้วด่าไปทั่วแล้ว
ตอนเวลาค่ำๆหานมู่จื่อได้รับโทรศัพท์ เหมือนจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวของดาราหญิงคนนั้น คุยกับเธอไปสักพัก ทั้งสองคนนัดไว้ว่าพรุ่งนี้เจอกันที่บริษัท จากนั้นก็วางสาย
จากที่คุยและได้ยินกับความอ่อนน้อมของอีกฝ่ายแล้ว พอจะฟังออกว่าการร่วมมือในงานครั้งนี้น่าจะไม่มีปัญหา
เพราะว่า คนที่เป็นคนแบบจ้าวยี่หรูนั้น มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
*
วันที่สอง ตอนที่หานมู่จื่อเข้างาน ไปขึ้นลิฟต์กับเสี่ยวเหยียนด้วยกัน เจอหลี่จุ้นเฟิงพอดี
ในมือของเขาถือของหนึ่งถุง เห็นหานมู่จื่อแล้วรีบยิ้มให้เธอ
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณมู่จื่อ ทานอาหารเช้าหรือยังครับ?”
เสียงที่กระตือรือร้นนี้ทำให้หานมู่จื่อทนไม่ไหวที่จะเหล่ตามองเขาหนึ่งครั้ง
คนๆนี้เหมือนไม่มีหนังหน้าไร้ยางอายจริงๆ
“สวัสดี” เธอตอบด้วยเสียงที่เย็นชาหนึ่งคำ
หลี่จุ้นเฟิงขมวดจมูกขึ้นแล้วก็ยื่นใบหน้าที่ยิ้มแย้มไปใกล้ๆ: “อาหารเช้าที่ผมเอามา คุณมู่จื่ออยากทานดูสักคำไหมครับ?”
หานมู่จื่อยังไม่ทันตอบอะไร เสี่ยวเหยียนก็มาขัดขวางไว้ “คุณทำอะไรอ่า? พูดจาต้องใกล้ขนาดนี้เลยเหรอ?”
“แหมๆ น้องเสี่ยวเหยียน ~”หลี่จุ้นเฟิงเห็นเสี่ยวเหยียนเอาตัวบังไว้ด้านหน้าของหานมู่จื่อไว้ จึงต่อปากต่อคำ: “ช่วยไม่ได้นิครับ ผมเป็นโรคที่ไม่เข้าใกล้แล้วจะพูดไม่ออก”
เสี่ยวเหยียน: “……คุณนี่มันหน้าด้านจริงๆ!”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนยื่นมือไปผลักเขาออกไปอีกทาง
ร่างของหลี่จุ้นเฟิงเก้าถอยหลังตามแรงผลักของเธอและพิงที่ผนังอย่างอ่อนตัว “น้องเสี่ยวเหยียนครับ คุณกล้าแตะต้องตัวผม คุณกำลังคิดอยากจะทำอะไรกับตัวผมเหรอ?”
เสี่ยวเหยียน: “……ไปตายซะ!”
หลี่จุ้นเฟิง: “คุณคิดจะตายเพราะผมเหรอครับ?”
“ฮาฮา” เสี่ยวเหยียนทนไม่ไหวแล้ว ในที่สุดก็กำหมัด ยิ้มด้วยความอาฆาตและเข้าไปใกล้ๆหลี่จุ้นเฟิง: “คุณอยากจะลองดูรสชาติของหมัดฉันไหม?”
หานมู่จื่อที่อยู่ข้างๆทนดูไม่ได้แล้ว เธอยื่นมือไปนวดขมับตนเองและคิดว่าตนเองไม่ควรไปสนใจจะดีกว่า
ติง ——
ประตูลิฟต์เปิดออกพอดีหลี่จุ้นเฟิงรีบเผ่นหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
“คุณมู่จื่อ น้องเสี่ยวเหยียน ผมไปก่อนนะ ตอนเที่ยงเราเจอกันที่ห้องอาหารนะครับ”
ติง ——
ประตูลิฟต์ปิดลงอีกครั้ง เสี่ยวเหยียนพูดไม่ออก: “หลี่จุ้นเฟิงคนนี้หน้าด้านไร้ยางอายจริงๆ จริงสิมู่จื่อ แกว่าวันนี้ดาราหญิงคนนั้นจะมาบริษัทเราไหม?”
หานมู่จื่อเม้มริมฝีปาก เอียงหัวและพูดว่า: “ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะมาด้วยตนเอง หรือว่าให้ผู้จัดการส่วนตัวของเธอมาเอง”
“หลังจากที่เมื่อคืนแกบอกฉันแล้ว ฉันไปค้นหาข้อมูลดูหลินซิงหั่ว——เป็นดารานักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก เธอไม่ใช่ดังเพราะหน้าตาดีอย่างเดียว ”