เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 391 เจอกันอีกครั้งก็เป็นแค่คนแปลกหน้า

บทที่ 391 เจอกันอีกครั้งก็เป็นแค่คนแปลกหน้า

ความเร็วของหานมู่จื่อนั้นเร็วมาก หลังจากลงไปชั้นล่างเดินผ่านมุมถนนแล้วเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงร้านอาหารแห่งนั้นแล้ว

ในตอนที่เธอเข้าไปก็เห็นหลินชิงชิงนั่งอยู่ไม่ไกล

เธอหยุดก้าวไปชั่วขณะ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า ก่อนที่เธอจะโทรศัพท์ก็ใกล้เวลานัดหมายแล้ว เธอจึงรีบไปหาหล่อนอย่างเร่งรีบเล็กน้อย

แต่พอตอนนี้เห็นเธอนั่งอยู่ตรงนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังนั่งทานข้าวอยู่ด้วยกันกับเพื่อน มันจะไม่สะดวกหรือเปล่าถ้าเธอเดินเข้าไปทันที?

ในขณะที่กำลังคิด พนักงานก็เดินเข้ามาหาทันที

“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง ขออนุญาตถาม…”

เมื่อได้ยิน หานมู่จื่อก็ได้สติกลับมา แล้วยิ้มอย่างเรียบ ๆ ให้พนักงาน: “ฉันมาหาเพื่อนค่ะ ขอบคุณ”

หลังจากนั้นเธอถึงเดินไปหาหลินชิงชิง หลังจากที่เดินเข้าไปใกล้ เธอก็พบว่ามีแค่หล่อนคนเดียว

ไม่ใช่บอกว่าทานข้าวกับเพื่อนเหรอ? หานมู่จื่อรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

“คุณหลิน สวัสดีค่ะ”

หลินชิงชิงนั่งรออยู่ตลอด เพราะเย่โม่เซินไปเข้าห้องน้ำแล้วยังไม่กลับมาอีก นี่ก็ผ่านไปนานมากแล้วเขาก็ควรจะกลับมาได้แล้ว หรือว่าจะไม่อยากนั่งร่วมกับเธอที่นี่ ดังนั้นเลยไม่กลับมา?

เธอถอนหายใจขณะคิด ทันใดนั้นเองเสียงของหานมู่จื่อก็ดังขึ้นมา

หลินชิงชิงถึงได้สติกลับมา แล้วมองหานมู่จื่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าของตนเอง

“คุณเองเหรอ” น้ำเสียงของเธอปกปิดความผิวหวังไว้ไม่อยู่ มีท่าทางที่ไม่สนใจ

หานมู่จื่อฟังออกแล้วมองสักพัก “คุณหลิน พอดีฉันรีบนิดหน่อย ดังนั้นเธอไม่ได้ถามคุณว่าสะดวกไหม”

พูดจบหานมู่จื่อก็มองหน้าเธอแวบหนึ่ง: “ถ้าหากคุณไม่สะดวกล่ะก็ อย่างนั้นอีกสักพักฉันค่อยมาใหม่ดีไหม?”

“ไม่ต้องแล้ว คุณทำเถอะ” หลินชิงชิงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น: “เขาคงไปแล้ว”

ตอนนี้หลินชิงชิงคิดว่า เขาอาจจะโกหกว่าไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงคือกลับไปแล้ว

หานมู่จื่อมองอารมณ์ของเธอที่กำลังดิ่งลง ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่นั่งลงตรงหน้าเธอ จากนั้นยิ้มแล้วถาม: “ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ? ไม่อย่างนั้นไปนั่งที่บริษัทฉันสักพักไหม?”

หานมู่จื่อคิด ถ้าอยู่ตรงนี้แล้วอารมณ์ดิ่งลง ไม่สู้เปลี่ยนไปอยู่ที่บริษัทเธอ อาจจะดีขึ้นหน่อย?

หลินชิงชิงกระพริบตา ไปบริษัทของเธอ?

เย่โม่เซินไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำ แต่แค่ยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ริมทางเดิน หลังจากนั้นเขารู้สึกว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว จึงได้ดับบุหรี่ จากนั้นเดินกลับไป

พอเดินไปถึงข้างนอกเย่โม่เซินก็เห็นว่าโต๊ะที่หลินชิงชิงนั่งอยู่มีคนเพิ่มเข้ามาหนึ่งคน

สายตาเยือกเย็นของเขากวาดมองใบหน้าของคนๆ นั้นอย่างไม่ใส่ใจ

เย่โม่เซินหยุดก้าวอย่างฉับพลัน ใบหน้าหล่อเหลายังคงมีสีหน้าเย็นชา แต่ดวงตาดำกลับมีคลื่นลูกใหญ่โหมซัดเข้าใส่แล้ว

ในใจมีคลื่นลูกใหญ่มหาศาลซัด ที่ดูเหมือนจะจู่โจมเขาในพริบตา

เป็นภาพลวงตาหรือเปล่า?

ตอนนี้ผู้หญิงที่อยู่ในภาพลวงตาของเขาคนนั้นออกมาแล้ว?

สองครั้งก่อนที่เห็นผู้หญิงคนนี้ก็ล้วนหายแวบไป เย่โม่เซินคิด…ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน

ดังนั้น เขาจึงกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวและไม่กล้ากระพริบตา

หนึ่งวินาที สองวินาที…

ผ่านไปสิบวินาทีแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้ายังคงอยู่ในสายตาเขา ลักยิ้มที่น่ามอง

สรุปแล้วครั้งนี้ ไม่ใช่ภาพลวงตา?

เย่โม่เซินก้าวขาเหยียดตรงทั้งสองข้าง แล้วค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาเธอ

“เอาอย่างนั้นเถอะ พวกเราไปนั่งที่บริษัทคุณ ฉันขอไปชำระเงินก่อน”

หานมู่จื่อคิด ในเมื่อเป็นลูกค้าของตนเอง อย่างนั้นเธอก็ช่วยเช็คบิลให้หล่อนได้

พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็จับกระเป๋าแล้วลุกขึ้นและพูดว่า: “ฉันไปเถอะ คุณนั่งรอก่อนสักครู่”

หานมู่จื่อหยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้น กำลังคิดจะเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน ในขณะที่ลุกขึ้นแล้วเงยหน้านั้น ก็มีเงาร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านพุ่งเข้ามาตรงหน้า

ภายใต้คิ้วที่เย็นชามีดวงตาคู่หนึ่งที่ดุดันราวกับเหยี่ยว ดูเหมือนผ่านประสบการณ์มานานหลายปี มีบางสิ่งที่ตกตะกอนหลบซ่อนอยู่ในส่วนลึก จมูกโด่ง ริมฝีปากที่ยังคงบางราวกับใบมีดและเม้มลงอย่างเยือกเย็นและเงียบเหงา

ใบหน้านี้……

หานมู่จื่อหยุดก้าวไปชั่วครู่ รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงแวบหนึ่งแล้วดูเหมือนจะหยุดนิ่ง

เป็น…เธอที่มองผิดไปใช่ไหม?

คนๆ นั้นจะปรากฏตัวตรงหน้าเธอได้อย่างไร?

แถมยังใกล้ขนาดนี้?

มือของหานมู่จื่อกำกระเป๋าแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แล้วก็แน่นขึ้นอีก

เพราะแบบนี้มือขาวเรียวเล็กนั้นจึงมีเส้นเลือดโผล่ออกมา

ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก หานมู่จื่อยังคงได้กลิ่นลมหายใจที่รุนแรงของผู้ชายจากตัวเขา ดูเหมือนจะพลิ้วไหวโอบล้อมเธอไว้ แล้วขังเธอไว้ข้างใน

เย่โม่เซินจ้องมองเธออย่างเย็นชา

คือเธอจริงๆ ด้วย!

เขายังนึกว่าเป็นภาพลวงตาตัวเองเสียแล้ว!

“โม่เซิน?” เสียงน่ารักและอ่อนหวานที่ร้องเรียกอย่างตกใจนี้ได้ทำลายสถานการณ์ที่หยุดชะงักนี้ลง

หลินชิงชิงที่นั่งอยู่ด้านข้างเงยหน้ามองขึ้นไปก็เห็นเย่โม่เซิน จึงยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจแล้วเรียกชื่อเขา: “เป็นคุณจริงเหรอ? คุณยังไม่ไป?”

เสียงของเธอปิดบังความดีใจไว้ไม่มิด ดวงตาดูคล้ายกับจะมีน้ำตา: “ฉันยังคิดว่าฉันถูกทิ้งเสียแล้ว!”

คำว่าโม่เซิน ช่วยดึงสติของหานมู่จื่อให้กลับมา เธอได้สติทันที จึงตระหนักว่าตนเองกับเยโม่เซินเกือบจะชนกันแล้ว ดังนั้นจึงถอยหลังออกมาเพื่อรักษาระยะห่าง

หลังจากนั้นหลุบสายตาลง ขนตางอนยาวช่วยปิดบังความคิดในแววตาของเธอ

ที่แท้….คนที่ทำให้อารมณ์ของหลินชิงชิงดำดิ่ง ก็คือเย่โม่เซิน?

หลินชิงชิงที่เห็นเย่โม่เซินไปแล้วกลับมา ดังนั้นในเวลานี้เธอจึงมีความสุขมาก ไม่มีความคิดที่จะสนใจสิ่งอื่นสนใจแต่อารมณ์และสายตาของเขา

สายตาของเย่โม่เซินอยู่ที่ร่างของหานมู่จื่อตลอด ราวกับมีรากงอกขึ้นมาแล้ว

หานมู่จื่อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วระงับอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่วุ่นวายในใจลง จากนั้นไม่นานเธอก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้ หลินชิงชิง: “ดูเหมือนว่าคุณหลินจะยังมีธุระอยู่ อย่างนั้นฉันไปก่อนนะคะ”

แน่นอนว่าหลินชิงชิงหวงแหนเวลาที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพัง เธอจึงพยักหน้าอย่างเขินอายและตอบรับอย่างเป็นธรรมชาติ

ในตอนที่หานมู่จื่อกำลังจะก้าวออกไปนั้น ร่างที่ยืนนิ่งไม่ขยับของเย่โม่เซินที่ยังคงจับจ้องใบหน้าเธอกลับเอ่ยปากอย่างกะทันหัน

น้ำเสียงของเขาเยือกเย็น ราวกับหิมะตกหนักในวันเพ็ญเดือนสิบสอง

“เพื่อนคุณ?”

หลินชิงชิงอึ้งไปสักพัก จากนั้นไม่นานก็ได้สติว่าเย่โม่เซินกำลังถามเธออยู่ เธอพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหัวแล้วตอบอย่างสุภาพขึ้นมา

“คุณเย่ ท่านนี้คือคุณ Shelly นักออกแบบเสื้อผ้าที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ Shelly ท่านนี้คือคุณเย่ ประธานบริษัทตระกูลเย่ เย่โม่เซิน เขาเป็น…” พอพูดถึงตรงนี้ แก้มสีขาวเนียนของหลินชิงชิงก็อดที่จะเขินอายไม่ได้

เธอจะแนะนำเขาอย่างไรดีนะ? ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าเย่โม่เซินจะต้องอยู่ด้วยกันกับเธอแน่นอน แต่ถ้าแนะนำตอนนี้คงไม่เหมาะสม ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นคู่นัดบอดก็ไม่ดีเกินไป

สุดท้ายหลินชิงชิงจึงได้แก้คำแนะนำใหม่อีกครั้ง

“เป็นเพื่อนของฉัน”

แน่นอนว่าหานมู่จื่อรู้อยู่แล้วว่าเขาคือประธานบริษัทตระกูลเย่

เรื่องนี้เธอรู้ดีตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน เพียงแต่ว่า…ตอนนี้เธอไม่อยากรู้เรื่องเหล่านี้

เพื่อรักษาหน้าของลูกค้า หานมู่จื่อจึงตอบด้วยแววตาที่นิ่งเฉย: “สวัสดีค่ะ คุณเย่”

คุณเย่?

พอได้ยินคำเรียกนี้ เย่โม่เซินก็หรี่ตาขึ้นมา ทั่วทั้งร่างมีกลิ่นอายที่อันตรายและน่ากลัวขึ้นมา

ห้าปีแล้ว แต่เธอกับเรียนรู้ที่จะเรียกตนเองว่าคุณเย่?

หึ แบบนี้ดีจริง ๆ

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset