บทที่ 393 ต้องจิตใจสงบนิ่งดั่งสายน้ำให้ได้
“ไม่เป็นไร” หานมู่จื่อคิดอย่างรอบคอบ หลังจากนั้นส่ายหัวทันที หลุบตาจ้องมองข้อมูลตรงหน้า
ไม่ควรเป็นแบบนี้
เธอควรที่จะจิตใจสงบนิ่งดั่งสายน้ำ แม้ว่าตอนนี้เธอจะเจอเขา แต่เธอก็ควรปฏิบัติกับเขาเหมือนคนแปลกหน้า
หานมู่จื่อหลับตาลง แต่กลับว่าจิตใจและความคิดของเธอยุ่งเหยิงไปหมด
“เป็นแน่นอน!” เสี่ยวเหยียนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเธอมาห้าปี ต้องเข้าใจหานมู่จื่ออย่างแน่นอน เสี่ยวเหยียนก็สัมผัสได้ในแวบเดียวว่าหานมู่จื่อมีอารมณ์ความรู้สึกอย่างไร เธอหรี่ตาแล้วเอนตัวเข้าไปใกล้หล่อน: “เธอบอกว่าจะไปหาหลินชิงชิงไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมเธอกลับมาเร็วอย่างนี้ล่ะ? บอกฉัน หลินชิงชิงคนนั้นรังแกเธอใช่ไหม?”
พอได้ยิน หานมู่จื่อก็เงยหน้ามองเสี่ยวเหยียนแวบหนึ่ง เธอมีท่าทางขึงขัง คล้ายกับจะไปมีเรื่อง
หานมู่จื่อรู้สึกมีความสุขในช่วงเวลาที่เป็นทุกข์แล้วยิ้มออกมา: “ถ้าฉันบอกว่าใช่ เธอจะทำอย่างไร?”
ในตอนนั้นเสี่ยวเหยียนก็กำมือแล้วทำเสียงกรอบแกรบ: “ถ้าหลินชิงชิงคนนั้นรังแกเธอล่ะก็ อย่างนั้นฉันก็รีบพุ่งไปทุบตีเธอสักหน่อย อย่างไรฉันก็เป็นผู้หญิง ไม่มีใครกล้าว่าฉันตีผู้หญิงหรอก”
“…ขอร้องล่ะ สังคมนี้อยู่ภายใต้กฎหมาย ตีคนเรื่อยเปื่อยจะต้องถูกลงโทษนะ ”
เสี่ยวเหยียนหัวเราะหึหึ: “แล้วจะทำไม จัดการบุญคุณความแค้นส่วนตัวเองไม่ได้เลยใช่แหมะ? ยิ่งไปกว่านั้นฉันแค่จะตีให้เธอเจ็บ ไม่ได้ทำให้เธอตายเสียหน่อย”
“ไม่แกล้งเธอแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรจริง ๆ ที่ฉันกลับมาเร็วก็เพราะคุณหลินลูกค้าของพวกเรามีธุระอื่นต่อ ดังนั้นฉันเลยกลับมาก่อน”
“แต่ดูสีหน้าเธอไม่ได้เป็นแบบนี้นะ” เสี่ยวเหยียนเอามือเท้าคางแล้วทำท่าครุ่นคิด: “รีบบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกใช่ไหม?”
พอได้ยิน หานมู่จื่อก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หลังจากนั้นก็ยิ้มอย่างจนปัญญา: “ทำไมขี้นินทาอย่างนี้ จะมีเรื่องอะไรได้?”
“อย่างนั้นเธอนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนี้นานขนาดนั้นทำไม?”
“เพราะฉันกำลังคิดว่าคุณหลินอยากให้ออกแบบออกมาอย่างไร”
เสี่ยวเหยียนก็ยอมเชื่อเธออย่างไม่เต็มใจ: “อย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้ามีเรื่องอะไรเธอต้องจำไว้นะว่าต้องบอกฉัน อย่าเก็บไว้ในใจคนเดียว”
“อืม”
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนออกไป หานมู่จื่อก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ความคิดและจิตใจของเด็กคนนี้…มีความรู้สึกไวจริง ๆ
เพียงแต่เธอก็ต้องตำหนิตัวเองเช่นกัน ที่ไม่ปิดบังความรู้สึกของตนเองให้ดี
ขนาดเสี่ยวเหยียนก็รู้สึกได้ถึงท่าทางที่ผิดปกติสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างนี้ของเธอ อย่างนั้นเย่โมเซินก็ต้องมองออกไม่ใช่เหรอ?
ไม่ได้……
เมื่อห้าปีก่อนเธอสูญเสียศักดิ์ศรีทั้งหมด ขอร้องให้เขาพบหน้าเธอสักครั้ง แม้กระทั่งยอมคุกเข่าเพื่อขอร้อง แต่สุดท้ายสัญญาหย่าร้างฉบับนั้นก็ยังอยู่ตรงหน้าเธอ
เธอสูญเสียความเหมาะสม สูญเสียความสามารถต่อหน้าเขา
แต่เธอก็ต้องทำต้องจิตใจสงบนิ่งดั่งสายน้ำให้ได้
ผู้ชายคนนั้น สำหรับเธอกลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว
กริ๊ง——
โทรศัพท์สั่นสักพัก หลินชิงชิงส่งข้อความมา
หลินชิงชิง: {ขอโทษด้วยนะคะ Shelly ที่วันนี้เกิดสถานการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ฉันรู้สึกผิดมากที่ต้องเลื่อนเวลาคุณถ้าอย่างนั้นคืนนี้พวกนัดกันอีกครั้งไหมคะ? ที่ร้านนั้นเหมือนเดิม ฉันเลี้ยงคุณเอง }
คืนนี้? ดวงตาของหานมู่จื่อครุ่นคิดสักพัก นิ้วเรียวขาวเคาะลงบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว
หานมู่จื่อ: {ขอโทษนะคะคุณหลิน คืนนี้ฉันต้องทำงานล่วงเวลา อาจจะไม่มีเวลา}
หลินชิงชิง: {อย่างนี้เอง อย่างนั้นไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพวกคุณว่างเมื่อไหร่พวกเราค่อยนัดกันใหม่ }
หานมู่จื่อ: {นอกจากคืนนี้ที่ฉันทำงานล่วงเวลา เวลาอื่นหลังจากนี้คุณหลินก็สามารถนัดได้เลยค่ะ ขอโทษนะคะ }
หลินชิงชิง: {ไม่เป็นไร คนที่ต้องขอโทษควรจะเป็นฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันจัดการไม่ดี คุณก็คงไม่ต้องไปเสียเที่ยว จริงสิคุณนักออกแบบ Shelly บริษัทของพวกคุณเพิ่งจะเปิดได้ไม่นานใช่ไหม? }
หานมู่จื่อ: {อืม}
หลินชิงชิง: {ฉันแนะนำนามบัตรของคุณให้โม่เซิน เขาคงจะช่วยดูแลธุรกิจให้คุณ หลังจากนี้ฉันก็จะแนะนำให้กับเพื่อนสนิทของฉันให้เยอะ ๆ }
แนะนำนามบัตรในWechatของเธอให้เย่โม่เซิน?
ขณะนั้น หานมู่จื่อรู้สึกเหมือนในใจของตนเองสั่นตุบ ๆ แต่ในไม่ช้าเธอก็ได้สติกลับมา
หานมู่จื่อ: {ขอบคุณมากค่ะ}
หลังจากนั้นเธอก็วางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะ แล้วเอนตัวพิงเบาะหลัง เอื้อมมือไปนวดระหว่างคิ้วที่เหนื่อยล้า
ในตอนห้าโมงเย็น ขณะที่หานมู่จื่อกำลังจะไปทานข้าวที่โรงอาหาร พอเพิ่งออกจากประตูก็เห็นเสี่ยวเหยียนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่จริงจังแล้วพูดว่า: “มู่จื่อ เกิดเรื่องแล้ว”
พอเห็นใบหน้าที่จริงจังของเธอ หานมู่จื่อเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ: “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เซียวยียีเพิ่งจะวิ่งมาบอกกับฉันว่า หลินเจิงเกิดเรื่องแล้ว หลังจากนั้นเธอก็ร้องไห้แล้ววิ่งไป ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ท่าทางของเธอดูเคร่งเครียดมาก พวกเราต้อง?”
หลินเจิงเกิดเรื่องแล้ว?
หานมู่จื่อกลับไปคิดถึงชายหนุ่มที่ท่าทางเย็นชาคนนั้น แล้วจึงพูดออกมาว่า: “เธอช่วยตรวจสอบข้อมูลที ลองดูที่อยู่ของหลินเจิงหลังจากนั้นพวกเราลองไปดูกัน”
“ได้!” เสี่ยวเหยียนพยักหน้าทันที หลังจากนั้นพลิกดูที่อยู่ของหลินเจิง
ตอนที่เธอเข้ามาในมือยังถือข้อมูลติดมือมาด้วย “หาเจอแล้ว ที่อยู่ก็คือที่นี่”
“ไปเถอะ”
หานมู่จื่อกับเสี่ยวเหยียนออกจากบริษัทด้วยกัน เดิมทีหานมู่จื่ออยากจะขับรถไปด้วยตัวเอง แต่เธอไม่รู้จักที่อยู่ของหลินเจิง ดังนั้นทั้งสองคนจึงทำได้เพียงเรียกรถแท็กซี่ไป
เพิ่งจะขึ้นรถได้ไม่นาน คนขับก็อดเหลือบมองข้างหลังไม่ได้ จากนั้นถาม: “ผู้หญิงอย่างพวกคุณสองคนจะไปอะไรในพื้นที่ยากจน?”
“พื้นที่ยากจน?” เสี่ยวเหยียนถามอย่างสงสัย
คนขับรถมองเธอแวบหนึ่งแล้วพยักหน้า: “พวกคุณไม่รู้เหรอ? นั่นเป็นเขตพื้นที่ยากจนที่มีชื่อเสียง ผู้คนที่นั่นท่าทางดุร้าย แถมยังมีแต่พวกผีห่าซาตานทั้งหลาย ถ้าหากพวกคุณไม่ใช่คนที่นั่นผมแนะนำว่าพวกคุณอย่าไปที่นั่นเลยดีกว่า ผู้หญิงแค่สองคน มันอันตรายมากเลยนะ ”
พอได้ยินแบบนั้น เสี่ยวเหยียนก็อดมองหานมู่จื่อแวบหนึ่งไม่ได้
หานมู่จื่อยิ้มบาง ๆ “คนขับรถคะ พวกเราไปตามหาคน ยังจะไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
“อืม เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับดวงแล้ว ผมก็ไม่รู้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นั่น เพียงแต่เคยได้ยินคนที่เคยผ่านไปเล่าว่ามีแต่คนที่นั่นดุร้ายมาก”
จู่ ๆ เสี่ยวเหยียนก็เริ่มกังวล กัดริมฝีปากแล้วพูดว่า: “ไม่อย่างนั้น…พวกเราหาคนไปด้วยดีไหม?”
“ไม่ทันแล้ว ถ้าหาคนเกรงว่าจะต้องเสียเวลาอีก หานมู่จื่อหลุบตาลงอย่างครุ่นคิดครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ถามว่า “คนขับรถคะ คุณบอกว่าพื้นที่ยากจนกำลังอยู่ระหว่างการรื้อถอนใช่ไหม?”
“เรื่องนี้เหรอ…ดูเหมือนจะไม่ใช่นะ” คนขับรถจับพวงมาลัยข้างเดียว: “เดิมทีเมืองเป่ยที่เจริญรุ่งเรืองของพวกเราก็ไม่ควรมีพื้นที่ยากจนแบบนี้ แต่มุมนั้นฝืนเกินไปแล้ว แถมคนก็ยังดุร้าย หัวแข็งไม่ยอมให้รื้อพื้นที่ส่วนนั้น ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กันและกัน ก็เลยเป็นอยู่อย่างนี้”
พอได้ยินแบบนี้ หานมู่จื่อก็เหมือนจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว
“ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณ”
ในเวลาเดียวกันเธอก็รู้ด้วยว่า เธอสามารถไปกับเสี่ยวเหยียนได้ โดยไม่ต้องเรียกใคร
ถ้าเรียกคนล่ะก็ คาดว่า…มีโอกาสมากที่พวกเธอจะถูกโยนออกมา