บทที่ 400 นี่หมายความว่าคุณถูกบล็อกแล้ว
“……”
เซียวซู่ไอออกมาเสียงเบา อดไม่ได้อยากจะปิดตาของตัวเอง
เห็นได้ชัดว่าเย่โม่เซินยังไม่ได้การตอบสนองใดๆ แล้วมองไปยังจุดสีแดงที่ปรากฏอยู่และประโยคด้านล่างนั้น หลังจากนั้นหรี่ตามองเซียวซู่
“แบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”
ข้อความถูกส่งแล้ว แต่ถูกคู่สนทนาปฏิเสธ
มุมปากของเซียวซู่กระตุก ไม่ได้ตอบคำถามของเย่โม่เซิน
“เซียวซู่” น้ำเสียงของเย่โม่เซินเปลี่ยนเป็นเย็นชา สายตาเริ่มมีไอสังหาร
เซียวซู่ยิ้มแล้วหัวเราะแห้งๆ หลังจากนั้นอธิบายเสียงเบา: “คุณชายเย่ นี่หมายความว่าคุณถูกบล็อกแล้ว”
เย่โม่เซิน: “……”
“บล็อก?”
“ใช่ครับ” เซียวซู่พยักหน้าอย่างตั้งใจ “ก็คือหลังจากที่ฝ่ายนั้นอนุมัติคำขอเพิ่มเพื่อนของคุณแล้ว ได้ค้นหาข้อมูลส่วนตัวของคุณ หลังจากนั้นก็เพิ่มคุณเข้าไปในรายชื่อบัญชีดำ” เขากลัวว่าเย่โม่เซินจะไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงอธิบายอย่างละเอียด
พอพูดถึงประโยคสุดท้าย สีหน้าของเย่โม่เซนเรียกได้ว่ามีเมฆดำปกคลุมแล้ว
แบบนี้เซียวซู่ถึงเพิ่งจะรู้ว่าตนเองพูดมากเกินไป จึงรีบหยุด จากนั้นเหยียดตัวตรงขึ้นอีกครั้ง!
สมควรตาย สิ่งที่เขาเพิ่งพูดพวกนั้นคงไม่ทำให้ตัวเองรักษาชีวิตน้อยๆ ไว้ไม่ได้หรอกนะ? แต่ก็เพราะดูแล้วเย่โม่เซินไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ดังนั้นเลยอธิบายอย่างชัดเจน
ที่หน้าผากของเย่โม่เซินมีเส้นเลือดนูนขึ้นมา นิ้วที่ถือโทรศัพท์ก็ค่อยๆ บีบเข้ามาแล้ว จากนั้นริมฝีปากบางๆ ของเขาก็โค้งขึ้นอย่างเย็นชา: “บล็อกฉัน นี่หมายความว่าอีกฝ่ายรู้ว่าฉันเป็นใคร?”
เซียวซู่พยักหน้าอย่างมึนงง: “คงจะเป็นแบบนี้ ไม่อย่างนั้น…ก็คงไม่บล็อกคุณ”
เย่โม่เซินไม่พูด สายตามืดครึ้มจ้องไปที่หน้าWechat
เขาเพิ่มเพื่อนเธอนานขนาดนั้น ผลปรากฏว่าเธอเพิ่มตนเองเข้าไปแล้ว แล้วก็บล็อกเขาทันที
“ถ้าจะบล็อกฉัน ทำไมยังอนุมัติอีก?” ในใจของเย่โม่เซินรู้สึกไม่สบอารมณ์ แล้วถาม
เซียวซู่กระพริบตาแล้วพูด: “อาจจะ…แค่กดผิด?”
มุมปากของเย่โม่เซินกระตุก หลังจากนั้นสายตาที่อยากฆ่าคนของเขาก็พุ่งมาที่เซียวซู่
“ประธานเย่ เรื่องนี้คุณมาพูดเถอะ ชายชราคนนั้นไม่กล้า!”
สองคนที่โต้เถียงกันโมโหจนหน้าดำหน้าแดงก่อนหน้านี้มองเย่โมเซิน แล้วโยนต้นตอปัญหาให้เขา อย่างไรเสียเขาทะเลาะกันไปก็ไม่มีประโยชน์ อำนาจในการจัดการอยู่ที่เย่โม่เซินคนนั้น
ใครจะรู้ว่าเย่โม่เซินเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาเย็นชามองปราดเขาแวบหนึ่ง “อะไร?”
ทั้งสองคนหน้าเปลี่ยนสี: “ประธานเย่?”
เซียวซู่แทบจะไม่มองแล้วกระซิบว่า:“เกี่ยวกับเรื่องการบุกเบิกที่ดินเฝิงซื่อผืนนั้น”
“อ้อ” เย่โม่เซินยกยิ้มขึ้น:“เรื่องนั้นฉันยังไม่ได้คิดดี วันนี้พอแค่นี้ เลิกประชุม”
ทุกคน:“……”
เย่โม่เซินก็ขี้เกียจจะสนใจว่าทุกคนจะมีปฏิกิริยาอย่างไร หยิบมือถือแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมไป
ผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงสมควรตายคนนั้น
ไม่คาดคิดว่าหลังจากที่อนุมัติคำขอเป็นเพื่อนของเขาเสร็จ ก็บล็อกเขาแล้ว
ดูแล้ว เธอคงรู้ชัดเจนแล้วว่าเขาเป็นใคร
เพียงแต่ คิดไม่ถึงว่าเธอจะปฏิบัติต่อลูกค้าในอนาคตแบบนี้?
หึ ดีมากจริงๆ !
หลังจากที่กลับมาห้องทำงาน เย่โม่เซินก็เปลี่ยนเป็นบัญชีอื่น อยากที่จะเพิ่มเพื่อนฝ่ายนั้นอีก ปรากฏว่าไม่มีเสียงหรือปฏิกิริยาใด ๆ
พอคิดแบบนี้ ดูเหมือนเย่โม่เซินจะได้สติกลับมาแล้ว
เมื่อวานเขาใช้บัญชีมากมายขนาดนั้นเพิ่มเพื่อนไป ถ้าผู้หญิงคนนั้นฉลาดพอ ก็คงจะเดาออกแล้ว
เย่โม่เซินเม้มริมฝีปาก หลังจากนั้นวางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะ รู้สึกสับสนวุ่นวายใจจนแทบทนไม่ไหว
ต่อไปจะทำอย่างไร?
นับตั้งแต่ที่ได้วิธีการติดต่อจากหลินชิงชิง ทั้งหมดนี้เขาทำตามหัวใจตัวเอง เขาก็คิดไม่ถึงว่า…จะเจอเธอที่นั่น
เรื่องหลังจากนี้…เย่โม่เซินหลับตา
ดูเหมือน…ทั้งหมดนี้จะเสียแผนไปหมดแล้ว ไม่เป็นรูปเป็นร่าง
หานมู่จื่ออยู่รักษาตัวที่บ้านในตอนเช้า หานชิงดูแลเอาใจใส่มือของเธอเป็นพิเศษ เรียกหมอมาเปลี่ยนยาที่บ้านให้เธออีกแล้ว
ในตอนที่เปลี่ยนยาหานมู่จื่อก็พอว่ามือของตัวเองรู้สึกปวดไม่เท่าเมื่อวานแล้ว ดูแล้วคงเป็นเพราะยาของหมอมีประสิทธิภาพ
หลังจากเปลี่ยนยา หานมู่จื่อก็อยากออกเดินทางไปที่บริษัท แต่กลับถูกหานชิงรั้งไว้
“สองสามวันนี้ก็เธออยู่รักษาตัวที่บ้านแล้วกัน”
พอได้ยิน หานมู่จื่อก็ขมวดคิ้ว: “พี่ชาย!”
“เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหน จนกว่าอาการบาดเจ็บที่มือจะหายดี”
“พี่ชาย!!” หานมู่จื่อโกรธขึ้นมากนิดหน่อยแล้ว: “บริษัทนี้คุณช่วยเปิดให้ฉัน ตอนนี้คนอยู่ที่บริษัทเยอะขนาดนี้ ฉันยังมีลูกค้ารออยู่ แต่คุณกลับบอกไม่ให้ฉันไปก็ไม่ให้ฉันไป แล้วอย่างนั้นลูกค้าฉันจะทำอย่างไร?”
หานชิงไม่คิดว่าเธอจะโกรธ เลยอึ้งไปสักพัก แล้วถอนหายใจอย่างจนปัญญาทันที
“มู่จื่อ พี่ชายทำเพราะหวังดีกับเธอ เธอบาดเจ็บขนาดนี้ พี่ชายก็ต้องเป็นห่วง ยิ่งไปกว่านั้น มือเธอเป็นแบบนี้จะไปทำอะไรที่บริษัท?”
พอได้ยินเสียงถอนหายใจของหานชิง หานมู่จื่อก็ตกใจที่ตัวเองเพิ่งจะบันดาลโทสะไป เธอจึงสงบลงแล้วขอร้องเสียงเบา “พี่ชาย ฉันไม่ได้ไปทำงาน ฉันแค่จะไปดูว่ารูปวาดออกแบบของพวกเธอเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ฉันแค่จะชี้แนะให้พวกเธอแค่นั้นเอง คุณก็พูดแล้ว ตอนนี้มือของฉันใช้การไม่ได้ ดังนั้นฉันจะไม่ใช่มือ ดีไหม?”
“ดังนั้น พี่ชายที่แสนดีของฉัน ฉันรู้ว่าคุณห่วงฉัน แต่ฉันแค่ไปดูแค่แวบหนึ่ง! ดีไหม?”
สุดท้ายหานชิงก็ถูกเธอขอร้องจนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่พยักหน้า
“ก็ได้ อย่างนั้นให้ลุงหนานไปส่งเธอ ภายในหนึ่งชั่วโมงเธอต้องกลับมา”
หนึ่งชั่วโมง ก็พอแล้ว
แบบนี้หานมู่จื่อจึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ:“ขอบคุณพี่ชายแล้ว”
หลังจากนั้นเธอก็รีบหมุนตัวเดินขึ้นตึกไป เสี่ยวหมี่โต้วได้ยินว่าเธอจะไปทำงาน จึงรีบมาตรงหน้าแล้วกอดขาเธอไว้
“หม่ามี๊ผมก็จะไป ผมก็จะไป!”
หานมู่จื่อมึนงง: “ลูกจะไปทำอะไร? หม่ามี๊ออกไปแค่หนึ่งชั่วโมง เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
“ไม่เอา” เสี่ยวหมี่โต้วกอดแขนของเธอ: “หม่ามี๊ได้รับบาดเจ็บแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วจะไปปกป้องหม่ามี๊!”
หานมู่จื่อ: “…ถั่วงอกน้อยอย่างลูก ลูกจะไปทำอะไรได้? เพิ่มความยุ่งยาก หืม?”
พอพูดจบ หานมู่จื้อก็ก้มลงแล้วหัวเราะเยาะเขา
เสี่ยวหมี่โต้วเม้มปากอย่างไม่พอใจ
“หม่ามี๊เป็นไข่เน่า คิดไม่ถึงว่าจะหัวเราะเยาะเสี่ยวหมี่โต้ว!”
หานมู่จื้อก็แค่จะแกล้งเขา แต่พอเห็นท่าทางแบบนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้ “เด็กนี่ อยากไปก็ไปเถอะ กลับห้องไปเอาแว่นตากับหมวกมาสวมด้วย”
“ครับ อย่างนั้นหม่ามี๊รอเสี่ยวหมี่โต้วก่อน”
เสี่ยวหมี่โต้ววิ่งกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
หานมู่จื่อมองเงาแผ่นหลังของเขา อย่างใจลอยเล็กน้อย
เมื่อก่อนตอนที่อยู่ต่างประเทศเธอไม่ต้องเกรงกลัวใคร แต่ตอนนี้…เธอกลับทำไม่ได้
โดยเฉพาะเมื่อวานหลังจากที่เจอคนๆ นั้น เธอมองใบหน้านี้ของเสี่ยวหมี่โต้วที่ดูเหมือนกับคนๆ นั้น ราวกับกลัวว่าคำตอบจะปรากฏออกมา
แต่ว่า…เธอกลับไม่กล้าคิดมาก่อน
ไร้สาระเกินไปแล้วจริงๆ มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
ตอนนี้เสี่ยวหมี่โต้วจะออกไปข้างนอกทางที่ดีควรปิดบังรูปลักษณ์ของตัวเองไปก่อน ไม่อย่างนั้น…กลัวจะมีข่าวลือที่น่าหวาดกลัวมากมายปรากฏ
ผลสุดท้าย คงไม่สะดวกที่จะอยู่เมืองเดียวกัน