บทที่ 401 คุณป้าคุณไม่มีมารยาทมากๆ
เสี่ยวหมี่โต้วกลับไปเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว แว่นกันแดดเกือบจะปิดหน้าของเขาครึ่งหนึ่ง
แว่นกันแดดตอนแรกหานมู่จื่อซื้อให้เขา ตอนนี้ใส่หมวกแล้ว ยังใส่แว่นกันแดดอีก น่าจะจำไม่ได้แล้ว หานมู่จื่อพอใจมาก “ไปกันเถอะ”
เสี่ยวหมี่โต้วขาสั้นๆ รีบเดินมากอดแขนของ หานมู่จื่อ : “หม่ามี๊พวกเราไปด้วยกัน”
“โอเค”
หานมู่จื่อกับเสี่ยวหมี่โต้วนั่งรถลุงหนาน หลังจากลุงหนานส่งพวกเขาที่บริษัทแล้วก็พูดว่า : “คุณมู่จื่อ นายหานบอกว่า อีกหนึ่งชั่วโมงจะมารับคุณกลับบ้านตระกูลหาน ”
“ฉันรู้แล้วลุงหนาน คุณขึ้นไปพักผ่อนเถอะ อีกหนึ่งชั่วโมงพวกเราก็ออกเดินทาง”
“ได้ครับคุณมู่จื่อ ”
หานมู่จื่อพาเสี่ยวหมี่โต้วขึ้นไปชั้นบนด้วยกัน ตอนแรกเธออยากพาเสี่ยวหมี่โต้วไปไว้ที่ห้องทำงาน แล้วตัวเองค่อยลงไป แต่ใครจะรู้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะตามแต่เธอ
ไม่มีทางอื่น หานมู่จื่อได้แต่เอาเขาไว้ข้างตัว ไปชั้นสามด้วยกัน
คนกลุ่มนึงเพราะว่าเมื่อคืนวานทำงานล่วงเวลา เพราะฉะนั้นตอนทำงานช่วงบ่ายเลยไม่ร่าเริง บ้างก็ฟุบลงที่โต๊ะแอบหลับ บ้างเล่นโทรศัพท์ สรุปคือไม่มีท่าทางที่จะทำงานเลย
ตอนที่ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้น ทุกคนก็แค่มองไป สุดท้ายพอเห็นหานมู่จื่อมาแล้ว ทุกคนก็นั่งตัวตรงขึ้นมา
ไม่ว่าจะยังไง หานมู่จื่อก็ยังถือว่าเป็นเจ้านายของพวกเขา
แต่จางยู่กลับไม่ได้สนใจเธอสักเท่าไหร่ แต่ก็พูดเหน็บแนม: “นี่เป็นใครกัน? ยังจะมีหน้ามา เมื่อคืนวานให้พวกเราทำงานล่วงเวลาวาดรูปออกแบบ สุดท้ายตัวเองกลับหนีไปมีความสุขที่ไหนไม่รู้ วันนี้สายขนาดนี้พึ่งโผล่หน้ามา! ช่างไม่มียางอาย! ”
ได้ยินแล้ว สีหน้าหานมู่จื่อค่อยๆ เปลี่ยน
ปกติคำพูดพวกนี้เธอก็ไม่ได้เก็บมาคิดอะไร แต่วันนี้เสี่ยวหมี่โต้วอยู่ตรงนี้……
ถ้ารู้ก่อน เธอควรจะพาเสี่ยวหมี่โต้วกลับไปก่อน
คิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็ก้มหน้ามองไปที่เสี่ยวหมี่โต้วที่อยู่ข้างตัว : “เสี่ยวหมี่โต้ว ลูกไปที่ชั้นห้าไปหาป้าเสี่ยวเหยียนก่อน ดีไหม? ”
เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตาดำๆ แต่ว่าซ่อนอยู่ภายใต้แว่นกันแดดไม่มีใครมองเห็น แต่ว่าริมฝีปากของเขาเบะ แล้วปฏิเสธอย่างเสียงดัง : “ไม่เอา ผมจะอยู่นี่เพื่อปกป้องหม่ามี๊! ”
ทันใดนั้นเสียงน้อยๆ ก็ดังขึ้นในห้องทำงาน เรียกได้ว่าทำให้ทุกคนตกใจได้
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปที่เด็กที่อยู่ข้างตัวหานมู่จื่อ
ตัวเล็กๆ ตัวก็แค่นั้น ยืนอยู่ข้างตัวหานมู่จื่อ ใส่เสื้อผ้าทันสมัยออกแนวตะวันตกมาก ใส่หมวกใส่แว่นกันแดด แต่ยังสามารถเผยให้เห็นว่าหน้าตาของเด็กคนนี้ดีมาก
วินาทีต่อมา เจ้าตัวเล็กนี่ก็ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง จากนั้นเดินไปที่หน้าจางยู่ : “คุณป้า คุณพูดใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้ไม่ถูกนะ หม่ามี๊ของผมเมื่อคืนวานแค่มือบาดเจ็บ เลยไม่ได้มาบริษัท อีกอย่างคุณว่าหม่ามี๊ของผมไร้ยางอาย เห็นได้ชัดว่าคุณป้าช่างไม่มีความคิดจริงๆ ”
ทุกคนอึ้ง คิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยจะเต็มไปด้วยความโกรธที่เป็นธรรมชาติ อีกอย่างยังพูดจาตรงไปตรงมาอีกด้วย
คิดๆ ดู ผู้หญิงคนใหญ่ โดนเด็กน้อยว่าไม่มีความคิด
นั่นเป็นผู้ใหญ่ เธอน่าจะเป็นคนที่ไม่มีความคิดขนาดไหนกัน
จางยู่ถูกเด็กน้อยคนนึงพูดว่าไม่มีความคิด หน้าก็แดงขึ้นทันที “นาย นายมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันไม่มีความคิด งั้นฉันพูดผิดตรงไหนหรอ? ”
เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตา ท่าทางน่ารัก
เขามองไปที่ทุกคน
“พี่ชายพี่สาวทุกคน เมื่อกี้ผมอธิบายไปแล้วใช่ไหม? ”
ทุกคนนิ่งไปสักพัก แล้วก็พยักหน้าโดยอัตโนมัติ
เลิงเยาเยาที่อยู่ข้างๆ เอามือทั้งคู่วางไว้ที่หน้าอก เย้ยหยันจางยู่ซึ่งหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ : “ฉันจะบอกให้นะ จางยู่ เมื่อกี้เด็กก็อธิบายไปแล้วไม่ใช่หรอ? เป็นเพราะได้รับบาดเจ็บเลยไม่ได้มาบริษัท แต่เธอก็กลับทำท่าทางเหมือนไม่ได้ยิน นี่เธอหูตึงแล้วหรอ หรือว่าฟังคำพูดของคนอื่นไม่เข้าไปแล้ว? ”
จางยู่:“เลิงเยาเยาเธอ!”
เลิงเยาเยาขมวดคิ้ว พูดพลางหัวเราะ : “ฉันทำไม? พวกเราทุกคนก็ได้ยินชัดเจนแล้ว”
จากนั้นเธอมองไปที่เด็กน้อย ยกมุมปากขึ้น : “เจ้าตัวเล็กสายตาไม่เลว ยังรู้จักเรียกพี่สาว จางยู่ก็คือป้า คราวหลังจำไว้ว่าต้องเรียกเธอว่าป้า ”
“เธอ! เลิงเยาเยานี่เธอเกินไปแล้ว! ฉันแค่แก่กว่าเธอไม่กี่ปีเอง มีสิทธิ์อะไรมาเรียกฉันว่าป้า แต่เรียกเธอพี่สาว นี่มันไม่ยุติธรรม! ”
“เอ้อ เธออย่าพูดเลย ถึงจะแค่ไม่กี่ปี แต่พวกเราก็ระดับเดียวกัน ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงที่อายุสามสิบต้นๆ ”
สีหน้าของจางยู่เปลี่ยนเป็นยิ่งไม่น่ามองแล้ว
หานมู่จื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ :“……”
ดูเหมือน เธอก็เป็นผู้หญิงที่อายุสามสิบต้นๆ แล้ว
แต่ก็ยังดี เธอมีลูกแล้ว เพราะฉะนั้นไม่กลัว
คิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อค่อยๆ โล่งใจ จากนั้นโบกมือไปที่เจ้าตัวเล็ก : “เสี่ยวหมี่โต้ว กลับมา ”
เสี่ยวหมี่โต้วโอ้ออกมาคำนึง จากนั้นเดินกลับมาทางหานมู่จื่อ
หลี่จุ้นเฟิงขมวดคิ้ว : “คุณมู่จื่อ เจ้าตัวเล็กน่ารักนี่ เป็นลูกชายของคุณจริงๆ หรอ? ”
หวังอานทนไม่ได้มุมปากเผยอขึ้น : “ดูยังวัยรุ่นอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าจะมีลูกแล้ว ลูกคนนี้คงไม่ใช่……” ในสมองเขาคิดถึงชื่อนึง แต่ไม่กล้าพูดออกมาจากปาก
หานชิง……คนนั้นไม่ง่ายที่จะยั่วยุ
ซูกั่วเอ๋อค่อยๆ ยิ้ม ความอับอายและความโกรธที่หานมู่จื่อพูดในวันนั้นหายไปอย่างสิ้นเชิง : “เจ้าตัวเล็กนี่ช่างน่ารัก แล้วยังตำหนิมีมารยาท”
จางยู่พอฟังพูดแล้ว อารมณ์บนใบหน้าก็บูดอีกครั้ง
คำพูดนี้ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจทำให้เธอหายใจไม่ออก
เธอรู้ ซูกั่วเอ๋อคือกำลังแก้แค้นเรื่องวันนั้นที่เธอพูดในที่ประชุม
“โอเค วันนี้ฉันมาก็มาดูผลงานที่พวกคุณทำเมื่อคืนวาน ฉันจะจัดการประชุมในอีกสิบนาที ทุกคนเตรียมตัวนะคะ ”
พูดจบ หานมู่จื่อก็จูงมือเสี่ยวหมี่โต้วจากไป
รอเธอไปแล้ว ในห้องทำงานก็ระเบิด
“เห้อ ฉันคิดว่าฉันจะมีโอกาส ตอนนี้คงไม่ต้องคิดแล้ว ” หลี่จุ้นเฟิงส่ายหัวอย่างจนใจ ท่าทางเหมือนอกหัก
ซูกั่วเอ๋อข้างๆ มองที่เขา : “ถึงแม้ไม่มีลูก นายก็ไม่มีโอกาส”
“แม่งเอ้ย! การมีลูกชายเป็นเรื่องที่ดี ติดตามผู้ชายอย่างนั้น มีลูกแล้วยังไง? ยิ่งไร้ยางอาย! ”
คนรอบข้างได้ฟังอยู่ หลี่จุ้นเฟิงเท้าคางพลางพูด
“ถ้าพูดแบบนี้ เธอก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของหานชิง พวกเราเข้าใจผิดหรือเปล่า? ”
“เข้าใจผิดอะไร? ไม่ใช่ผู้หญิงของหานชิงแล้วเป็นอะไร หานชิงจะใช้เงินมากมายขนาดนั้นกับผู้หญิงคนนึงง่ายๆ ขนาดนั้นเลยหรอ? ”
“จางยู่ เธอตื่นเต้นทำไม? ถึงหานชิงใช้เงินมากมายกับเธอขนาดนี้ แต่หานชิงก็ไม่ได้แต่งงาน แล้วก็ยังมีข่าวลือว่าขนาดแฟนก็ไม่มี ใช้เงินเยอะขนาดนี้ ก็เป็นเรื่องปกติ เธอก็ไม่ได้เป็นเมียน้อยซะหน่อย”
จางยู่เหอะออกมาคำนึง : “ไม่ใช่เมียน้อยแล้วไง หรือว่าพึ่งผู้ชายไต่เต้า! ”
“โห ฉันมองไม่ออกเลย เธอเองก็ไม่ใช่คนไม่มีความสามารถเลย ถ้าหากเธอแค่พึ่งผู้ชายไต่เต้า วันนั้นก็คงไม่พูดข้อเสียของเธอกับฉันออกมาหรอก”