บทที่410 ให้เธอมาหาฉันเอง
“ฉัน…..เสี่ยวเหยียน มันไม่ใช่แบบที่เธอคิด” เห็นเสี่ยวเหยียนมีสีหน้าบูดบึ้ง จางยู่เองก็อยากจะปะทุอารมณ์โกรธออกมาเหมือนกัน แต่ก็กลัวว่าถ้าเกิดว่าเหวี่ยงออกไปแล้ว เสี่ยวเหยียนจะอาศัยอำนาจส่วนรวมในการแก้แค้นส่วนตัว ก็เลยได้กล้ำกลืนความโกรธของตัวเองไว้
“รอดูผลเอาแล้วกัน” หลังจากพูดจบเสี่ยวเหยียนก็ออกไปทันที
จางยู่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แล้วก็กำหมัดแน่น
ยัยชั้นต่ำ! รอให้ฉันถูกบริษัทตระกูลเย่เลือกก่อนเถอะ จะดูว่าเธอยังจะเย่อหยิ่งได้แค่ไหนกันอีก
เพียงแค่ว่าเสี่ยวเหยียนคิดเรื่องราวต่างๆง่ายเกินไป ยังไงเย่โม่เซินก็เคยเป็นเจ้านายของเธอ เพราะฉะนั้นตอนที่เธอโทรหาเย่โม่เซินนั้นยังคงมีความรู้สึกกลัวอยู่หน่อยๆ แต่ว่าเพื่อมู่จื่อแล้วนั้น เธอก็จำใจต้องกัดฟัน
ตอนที่เธอยิ้มเตรียมจะแนะนำนักออกแบบให้กับเย่โม่เซินนั้น อีกฝ่ายก็พูดตอบกลับมาอย่างเฉื่อยชา
“ให้เธอมาหาฉันด้วยตัวเอง”
“อะ อะไรนะคะ” เสี่ยวเหยียนนึกว่าตัวเองฟังผิดไป “คือว่านายเย่คะ……”
“ทำไม? นักออกแบบคนดังShelly อยากจะผลักไสรายการสั่งซื้อขนาดใหญ่ขนาดนี้ให้คนอื่นยังงั้นหรอ?”
เสี่ยวเหยียน: “นายเย่คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ Shellyเป็นหัวหน้าของบริษัทเรา เพราะฉะนั้น……”
“เพราะฉะนั้นจะบอกว่าเธอไม่ใช่นักออกแบบงั้นหรอ?”
“ค่ะ”
“บ่ายสองเป็นต้นไปฉันว่าง ให้เธอติดต่อฉันมา”
เสี่ยวเหยียนยังคงอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ว่าเย่โม่เซินก็ตัดสายไปแล้ว
พอได้ยินเสียงตู้ดๆมาจากปลายสาย เสี่ยวเหยียนก็โกรธจนพูดอะไรไม่ออก แต่เพราะว่าเธอรับปากกับหานมู่จื่อไว้แล้ว ก็เลยทำได้แค่โทรไปอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าใครจะไปรู้ว่าไอ้เลวอย่างเย่โม่เซินจะปิดโทรศัพท์ไปแล้ว
จริงๆเลย ไอ้เลวนี่ หรือว่านี่เขากำลังอยากจะบีบบังคับมู่จื่อ?
ฉันไม่ปล่อยให้เขาประสบความสำเร็จหรอก
บ่ายสอง
เย่โม่เซินจ้องโทรศัพท์ด้วยความใจลอย ผลก็คือเซียวซู่ผลักประตูเข้ามา
“คุณชายเย่ มีคนจากบริษัทออกแบบมาหาคุณครับ”
มาแล้วงั้นหรอ?
ริมฝีปากของเย่โม่เซินคลี่เส้นโค้งที่สวยงาม วินาทีหลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก
เซียวซู่:”คุณชายเย่? ใครกันหรอครับ?”
เย่โม่เซินก้าวยาวออกไปด้านนอก “ไม่เกี่ยวกับนาย”
หลังจากพูดจบเขาก็เดินลงไปด้านล่างทันที ไม่คิดเลยว่าจะเรียกไปพบในเลานจ์ แค่เพราะว่า……ในใจเขานั้นแทบจะรอไม่ไหวแล้ว เสี่ยวเหยียนรออย่างประหม่าอยู่ที่ล็อบบี้ชั้นล่าง เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับหานมู่จื่อ และก็ตัดสินใจมาหาเย่โม่เซินด้วยตัวเอง เธอคิดว่ายังไงเธอก็มาที่นี่แล้ว เย่โม่เซินคงไม่ปฏิเสธหรอกนะ?
แน่นอนว่าเย่โม่เซินรู้จักเสี่ยวเหยียน ผู้หญิงที่เขารู้จักดีเมื่อห้าปีก่อน
เพราะฉะนั้นตอนที่เขามาถึงล็อบบี้ชั้นล่างนั้น แล้วได้เห็นร่างหนึ่งเดินกลับไปกลับมา แววตาและสีหน้าของเย่โม่เซินก็มืดมนลงทันที
“เธอล่ะ?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแววตาที่ดุดันคู่นั้น เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกชาไปหมด “นายเย่ Shellyมีธุระอื่นอีก เพราะฉะนั้น……ฉันก็เลยมาปรึกษากับคุณเรื่องการเลือกนักออกแบบก่อนค่ะ”
หลังจากได้ยินดังนั้น สายตาของเย่โม่เซินก็ปรากฏแววตาความอันตราย น้ำเสียงดูบีบบังคับ “ฉันเคยพูดแล้วไม่ใช่หรอ?”
“คะ?”
“ว่าให้เธอมาหาฉันด้วยตัวเอง”
เสี่ยวเหยียน:“แต่ว่า……”
“ไม่ยังงั้น ก็ทำตามขั้นตอนการทำผิดสัญญาแล้วกัน”
สีหน้าของเสี่ยวเหยียนซีดเผือดลงทันที “นายเย่ คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ ตอนนี้มู่จื่อเป็นหัวหน้าของบริษัทเรานะคะ!”
มู่จื่อ? ชื่อที่แปลกประหลาดทำให้เย่โม่เซินอึ้งไป แต่หลังจากนั้นเขาก็ดึงสติกลับมา แล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “มู่จื่อ? นี่เป็นชื่อของเธอตอนนี้หรอ?”
ดีมาก แม้แต่ชื่อยังเปลี่ยนเลย
แต่ว่ามันจะสามารถลบอดีตออกไปได้ยังงั้นหรอ?
เย่โม่เซินพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “บนสัญญาบอกว่าห้ามเลือกเธอยังงั้นหรอ?”
“……”
“ให้เธอมาหาฉันภายในครึ่งชั่วโมง ไม่ยังงั้น……”
“รับผิดชอบต่อผลของมันเองแล้วกัน” น้ำเสียงของผู้ชายคนนี้เยือกเย็นเหมือนกับหิมะในเดือนธันวาคม เต็มไปด้วยความเยือกเย็นที่ไม่มีที่สิ้นสุด
เย่โม่เซินไม่ได้มองเธออีกด้วยซ้ำ เขาหันหลังแล้วเดินออกไปทันที
*
ในห้องทำงาน หานมู่จื่อกำลังออกแบบงานของหลินชิงชิงอย่างจริงจัง หลังจากนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าด้วยกันด้วยความปวดหัว
ความต้องการของหลินชิงชิงนี่ช่าง……ไม่เหมือนใครจริงๆ
แต่ว่าโชคดีที่เธอไม่ใช่คนประเภทที่ชอบโทษคนอื่น สิ่งที่ลูกค้าชอบ ลูกค้าต้องการ เธอก็จะพยายามทำให้เหมาะสมได้ถึงจุดที่เพอร์เฟคมากที่สุด หลังจากนั้นก็ผสมผสานมันเข้าไปกับงานออกแบบ
ประตูถูกผลักเข้ามา เสี่ยวเหยียนก็พุ่งเข้ามาอย่างหอบ
“มู่จื่อ”
หานมู่จื่อขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน “ทำไมหรอ?”
เสี่ยวเหยียนนั่งลงตรงหน้าเธอด้วยสีหน้าหงุดหงิด แล้วก็อธิบาย
“ฉันติดต่อเย่โม่เซินไปแล้ว แต่ว่าไอ้นั่นกับขอให้เธอไปหาเขาด้วยตัวเอง ฉันไม่อยากรบกวนให้เธอไปบริษัทตระกูลเย่ด้วยตัวเอง ตอนแรกฉันก็นึกว่าถ้าเกิดว่าฉันไปหาเขาเองเขาก็จะยอมรับ แต่ใครจะไปรู้ว่าไอ้เลวนั้นไม่ไว้หน้าฉันเลยแม้แต่นิดเดียว เดินออกไปทันที แถมยังบอกว่า……”
หานมู่จื่อเหมือนกับว่าไม่สนใจเลย เธอก้มหน้าวาดภาพออกแบบต่อ แล้วก็ถามส่งๆไป “พูดว่าอะไร?”
“ยังบอกว่าให้เธอไปหาเขาด้วยตัวเอง ถ้าเกิดว่าเธอไม่ไป จะถือว่าบริษัทเราทำผิดสัญญา”
ปลายปากกาหานมู่จื่อหยุดวาดทันที
หลังจากผ่านไปนานเธอก็เงยหน้าขึ้นมา “ถือว่าผิดสัญญางั้นหรอ?”
นี่มันช่างทำให้คนปวดหัวจริงๆ
เย่โม่เซินนี่…..สรุปแล้วเขาจะทำอะไรกันแน่?
“มู่จื่อ หรือว่าพวกเราไม่ต้องเปิดบริษัทแล้วดี ฉันว่ายังไงเขาก็จงใจ ไอ้เลวนี้ก็เกินไปแล้วจริงๆ ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ยังอยากจะทำให้เธออับอายขายหน้าอยู่อีกหรอ?”
มู่จื่อ : อับอายขายหน้างั้นหรอ?
หานมู่จื่อลดสายตาลง ใช่ เมื่อห้าปีก่อนเขาเอาสัญญาการหย่ามาให้ฉัน ไม่ว่าเธอจะขอร้องยังไงเขาก็ไม่ยอมเจอหน้าเธอเลย แม้แต่ที่วิลล่าไห่เจียงหรือบริษัทก็ไม่ให้เธอก้าวเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว
แต่ว่าห้าปีหลังจากนั้นกลับมาสั่งออเดอร์ที่บริษัทเธอ หลังจากนั้นก็ให้เธอไปบริการเขาด้วยตัวเอง
ปกติแล้วเรื่องแบบนี้สำหรับหานมู่จื่อมันก็เป็นแค่หนึ่งในหน้าที่ของอาชีพเธอ
แต่ว่าไปหาเย่โม่เซิน มันจะไม่ใช่ความอัปยศอดสูได้ยังไง?
พอคิดได้แบบนี้ หานมู่จื่อก็เงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็วางปากกาลง “ฉันไปหาเขาเองแล้วกัน”
เสี่ยวเหยียนลุกขึ้นด้วยความกังวลในทันที “มู่จื่อ เธออย่าไปเลย อย่างมากเราก็แค่ไม่ต้องเปิดบริษัทแล้ว ฉันไม่อยากเห็นเธอไม่ได้รับความเป็นธรรม”
หลังจากได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อก็ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา แล้วก็ยื่นมือไปบีบแก้มเสี่ยวเหยียนเบาๆ
“ไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไรกัน? พวกเราทำงานแบบนี้ ใครจะไม่เคยไม่ได้รับความเป็นธรรมบ้างล่ะ? ถ้าเกิดว่าโดนนิดหน่อยก็ไม่ทำแล้ว แล้วหลังจากนี้พวกเราจะกินอะไรกันล่ะ?”
พอเสี่ยวเหยียนได้ยินดังนั้น ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที “แต่ว่า….เขาไม่เหมือนกัน….เขาเป็น……”
“ตอนนี้สำหรับฉันแล้ว เขาก็เหมือนกับคนอื่นนั่นแหละ”
“จริงหรอ? แต่ว่าก็เห็นได้ชัดอยู่ว่าเธอ….”
“พอแล้ว ฉันจะไปหาเขาก่อนนะ ควรจะรักษาอารมณ์ของทั้งคู่ให้มั่นคงก่อน ถ้าเกิดว่าผิดสัญญาจริงฉันจ่ายไม่ไหวหรอกนะ”
“เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไรน่ะ? ทำไมจะจ่ายไม่ได้? พี่ชายเธอรักเธอขนาดนั้น ยังไงก็ทนดูเธอไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ได้หรอก หรือว่า พวกเราไปขอให้พี่ชายเธอช่วยดี”
พอได้ยินชื่อหานชิง ใบหน้าของหานมู่จื่อก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นทันที “ไม่ได้!”
“มู่จื่อ……”
“หลังจากฉันไปหาเขาแล้ว เธอห้ามโทรหาพี่ชายฉันเด็ดขาด”
หลังจากที่เธอกลับไปที่ตระกูลหานนั้น หานชิงทำอะไรเพื่อเธอเยอะแยะมากมาย มากจนเขาลืมไปว่าตัวเองควรจะทำอะไรด้วยซ้ำ เธอไม่สามารถไปทำให้พี่ชายเธอเหนื่อยได้อีกแล้ว
เสี่ยวเหยียนเห็นเธอดูดุ น่าจะจริงจัง ก็เลยได้แต่ทำเสียงฮึ ไม่ยอมรับและก็ไม่ปฏิเสธ
หลังจากคุยกับเสี่ยวเหยียนเสร็จ หานมู่จื่อก็ออกจากห้องทำงานไป สีหน้าก็มืดมนลงทันที
เย่โม่เซิน……
เธอจะไปดูหน่อยว่าสรุปแล้วเขาจะทำให้เธออับอายไปจนถึงเมื่อไหร่กัน?