บทที่416 ผู้หญิงที่เขาแคร์
เสียงที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้ทุกคนตกใจ แล้วเสียงนี้เป็นของใครกัน?
หานมู่จื่อคุ้นเคยกับเสียงนี้ดี แล้วไหนจะเงาของชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอ คล้ายกับกำลังต่อต้านคนเป็นกองทัพแทนเธอ
เย่โม่เซิน…..
เขากลับมาได้อย่างไร?
ฉินหยานเดิมทีมีสีหน้าลำบากใจ เพราะเขาเองก็ไม่ชอบนิสัยนี้ของเต้าเต้า ดังนั้นเขาเลยพยายามช่วยหานมู่จื่อพูดอย่างสุดความสามารถแล้ว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเย่โม่เซินจะโผล่มากะทันหัน ทั้งยังตำหนิเขาด้วยสายตาสุดทน
ในตอนนั้น ฉินหยานสีหน้าก็เปลี่ยนไป
เต้าเต้าที่ได้ยินดังนั้น โกรธจนควันออกหูในทันที แต่วินาทีถัดมาเธอก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อมองคนที่พึ่งมา
ชายที่เต็มไปด้วยรังสีความโกรธ นัยน์ตาสีดำคมกริบราวดวงตานกอินทรี ใบหน้าหล่อเหลาที่ดึงดูดความสนใจของทุกคน แต่ในตอนนี้ แววตาของชายคนนั้นกำลังมองเธออย่างเย้ยหยัน รู้สึกราวกับมีมวลน้ำแข็งหนาวเย็นหล่นใส่ร่างของเธอ
ไม่รู้เพราะอะไร เต้าเต้ารู้สึกว่าตัวเองหดเล็กลงมากในพริบตา
และผู้หญิงที่เธอด่าไปเมื่อสักครู่ถูกเขาลากไปหลบอยู่ข้างหลัง เทียบกับร่างสูงใหญ่ของผู้ชายแล้ว หญิงสาวในตอนนี้ดูตัวเล็กลงไปเลย เต้าเต้ารู้สึกไม่พอใจทันที ถือสิทธิ์อะไรกัน?
ก็แค่พนักงานตำแหน่งเล็กๆ ทำไมถึงได้มีผู้ชายที่เลิศเลอ มาคอยปกป้องเธอ?
คิดถึงตรงนี้ เต้าเต้าก็พูดด้วยความโกรธ “สุดหล่อคนนี้ ก่อนจะว่าให้คนอื่นกรุณาดูที่เกิดเหตุก่อน เป็นผู้หญิงคนนั้นที่ชนท้ายรถเราก่อน แล้วยังคิดจะโทรแจ้งตำรวจ โทรศัพท์ตกพื้นก็ยังจะให้ฉันเป็นคนเก็บ มีคนแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“หืม?” เย่โม่เซินเลิกคิ้วแล้วหัวเราะเสียงเย็น ก่อนที่เขาจะทันได้พูด ฉินหยานที่เปลี่ยนสีหน้าไปนานแล้วยืนอยู่ข้างเต้าเต้ารีบดึงเต้าเต้ามายืนข้างตัว “ไม่ต้องพูดแล้ว! คนนี้เธอหาเรื่องไม่ได้!”
ได้ยินดังนั้น เต้าเต้ายิ่งโมโหขึ้นไปอีก “เป็นใครกันฉันถึงหาเรื่องไม่ได้? อาหยาน คุณก็เห็นว่าพวกเขารังแกฉัน คุณยังไม่ช่วยฉันอีก! หาเรื่องพวกเราแล้วพวกแกอย่าได้คิดว่าจะได้อยู่ดีในเมืองเป่ย!”
เหอะ บริษัทตระกูลฉินในเมืองเป่ยถือว่ามีอิทธิพลพอสมควร เต้าเต้าที่คิดว่าตัวเองใกล้ชิดต้นไม้ใหญ่อย่างฉินหยานก็รู้สึกย่ามใจ
บวกกับเธอสามารถควบคุมผู้ชายได้อีกด้วย ดังนั้นฉินหยานจึงเชื่อฟังเธอมาโดยตลอด เธอไม่ถูกชะตาคนไหนก็สามารถจัดการคนนั้นได้
“เต้าเต้า!ไม่ต้องพูดแล้ว!” ฉินหยานหน้าเคร่งขรึม ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ เต้าเต้าตกใจเขา ขอบตาแดงระเรื่อ: “อาหยาน คุณเป็นอะไร? หรือฉันพูดอะไรผิด? พวกมันหาเรื่องพวกเราแบบนี้ พวกเราก็ทำให้พวกมันอยู่ในเมืองเป่ยต่อไปไม่ได้สิ คุณเมื่อก่อนรักฉันมาก ทำไมตอนนี้กลับใจร้ายกับฉันแล้ว?”
รังสีอำนาจข่มจากร่างเย่โม่เซินทำให้ฉินหยานเหงื่อกาฬแตกซิก
แม้ว่าบริษัทตระกูลฉินมีตำแหน่งในเมืองเป่ย แต่เทียบไม่ได้กับตระกูลที่เจริญรุ่งเรืองดั่งดวงอาทิตย์กลางท้องฟ้าแล้วยังยืนหยัดมานานอย่างบริษัทตระกูลเย่ พูดได้ว่าต่างกันราวกับเมฆและโคลน ใครก็ไม่กล้ามีเรื่องกับตระกูลเย่
โดยเฉพาะบริษัทตระกูลเย่หลังจากที่เย่โม่เซินรับช่วงต่อมา
ความเฉียบขาด ฝีมือราวกระแสไฟ สายตาที่เฉียบแหลมและร้อนแรงของชายคนนี้ ใครจะกล้ามีเรื่องกับคนประเภทนี้? นั่นไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกเหรอ?
ฉินหยานไม่สนใจความคิดของเต้าเต้า รีบไปที่ด้านหน้าเย่โม่เซิน เหงื่อแตกพลั่ก
“คุณชายเย่ เต้าเต้าเธอไม่รู้ความ เมื่อสักครู่ล้วนพูดจาเหลวไหล ท่านอย่าคิดเล็กคิดน้อยเธอเลย”
“เหลวไหล?” เย่โม่เซินยิ้มเย็น “ถ้าไม่ใช่เพราะได้แกหนุนหลัง เธอจะพูดอะไรแบบนี้ได้? ฉินหยานดูเหมือนว่าบริษัทตระกูลฉินคิดจะขัดแย้งกับบริษัทตระกูลเย่”
ได้ยินแบบนั้นฉินหยานตกใจมาก หน้าซีดขาวทันที
“คุณชายเย่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว บริษัทตระกูลฉินจะเป็นศัตรูกับบริษัทตระกูลเย่ได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นเราไม่เคยมีการติดต่อธุรกิจใดๆ กันมาก่อน แล้ว….ผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังท่าน”
ฉินหยานลอบมองหานมู่จื่อที่อยู่ด้านหลังเขา
“ถ้ายังมองอีกจะควักลูกตาแกซะ” เย่โม่เซินตำหนิไปหนึ่งประโยค
ฉินหยานลากสายตากลับมาทันที ฝีเท้าเริ่มอ่อนแรงแล้ว แวบแรกก็คิดว่าผู้หญิงคนนั้นมีราศีความสูงส่งอยู่รอบตัว สายตาและลักษณะท่าทางเฉพาะตัวไม่เหมือนคนรอบข้าง เขาเลยไม่อยากสร้างความลำบากใจให้เธอ คิดไม่ถึงว่าเต้าเต้าจะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉินหยานยิ่งไม่คิดว่าอยู่ๆ เย่โม่เซินจะโผล่มา แถมยังซี้ซั้วอ้างถึงบริษัทตระกูลเย่!
ถูกเย่โม่เซินบังไว้ข้างหลังอย่างหานมู่จื่อ: “……”
นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมอยู่ๆ เย่โม่เซินถึงมาที่นี่ได้? เธอไม่ใช่ว่าบอกลาเขาไปแล้วเหรอ? ตอนนี้….เขาควรอยู่ที่บริษัทสิถึงจะถูก
หรือว่า….เขาบังเอิญผ่านมา?
แล้วเขาจะไม่เห็นสภาพน่าอายของเธอเหรอ?
และยังได้ยินเขาอ้างถึงบริษัทตระกูลเย่อย่างดุเดือดอีกด้วย หานมู่จื่อถึงกลับหมดคำพูด เธอเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของเย่โม่เซินโดยไม่รู้ตัว
เย่โม่เซินที่เต็มไปด้วยความโมโห ทว่าหลังจากรู้สึกถึงการกระทำเล็กๆ ของเธอ เขาหันกลับไปมองก็พบว่าหานมู่จื่อจ้องเขาอยู่: “นายเย่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันจัดการเองได้”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาบาง เย่โม่เซินพอใจมากในจุดนี้
อย่างไรเสียเธอไม่ได้ไม่ไว้หน้าเขา คิดถึงตรงนี้ เย่โม่เซินหัวเราะเสียงเย็น “วิธีจัดการของคุณคือปล่อยให้ผู้หญิงแบบนั้นสาดน้ำลายสกปรกใส่เหรอ?”
หานมู่จื่อ: “……”
นี่เธอถูกเมิน?
ตอนเย่โม่เซินคุยกับหานมู่จื่อ ฉินหยานเฝ้าดูอยู่ข้างๆ ในแวดวงธุรกิจผู้ชายเย็นชาที่ไม่ใกล้ชิดผู้หญิงคนไหนในตอนนี้กำลังปกป้องผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วยังก้มหน้าคุยกับเธอ เย่โม่เซินแววตาฉายแววอ่อนโยนจนน่าแปลกใจ
ข่าวลือว่าไม่เข้าใกล้ผู้หญิง แต่วันนี้ปกป้องผู้หญิงคนหนึ่งยกเอาทั้งตระกูลเย่ออกมาก็แล้ว คุยกับเธอด้วยสีหน้าท่าทางแบบนั้นอีก ชัดเจนเลยว่ามีความรักใคร่ห่วงใย
เกรงว่าในใจของเย่โม่เซินนั้นผู้หญิงคนนี้มีตำแหน่งที่ไม่ธรรมดา
คิดถึงตรงนี้ ฉินหยานคิดได้ทันทีว่าวันนี้เตะโดนแผ่นเหล็กเข้าแล้ว เขาเห็นท่าไม่ดี ถ้าบริษัทตระกูลเย่จัดการบริษัทตระกูลฉินขึ้นมา….
ไม่กล้าคิดถึงผลที่ตามมาเลยจริงๆ
เย่โม่เซินเห็นหานมู่จื่อที่โดนเขากวนไม่ตอบสักคำ ก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย แง้มริมฝีปาก “รอดีๆ ผมจัดการเอง”
หานมู่จื่อ: “……”
เธอปฏิเสธได้ไหม? เธอไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับเย่โม่เซินเพราะอะไรที่ไม่จำเป็นเลย เขาช่วยเธอแบบนี้ เธอจะไม่ต้องติดหนี้น้ำใจเขาหรอกเหรอ?
คิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อรู้สึกว่าเซลล์ทั้งร่างกายกำลังดิ้น
“อาหยาน เขาเป็นใครกันแน่ คุณกลัวเขาทำไม?” เต้าเต้าที่ถูกทิ้งไว้ด้านข้าง รู้สึกยอมแพ้ไม่ได้ เดินมากอดแขนของฉินหยานด้วยขอบตาแดงก่ำ เอ่ยพร้อมน้ำตานองหน้า “ฉันก็ไม่อยากทำให้คุณลำบากแล้ว คุณให้เธอขอโทษฉัน แล้วชดใช้ค่าเสียหายให้รถเรา ดีไหม?”
ฉินหยานเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ให้ผู้หญิงของเย่โม่เซินขอโทษเขา? เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้
“ขอโทษ? เหอะ สมควรขอโทษจริงๆ” เย่โม่เซินบอกเสียงเย็น สายตาเหลี่ยมจัดมองหน้าเต้าเต้า: “เก็บโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วมาขอโทษเธอ”
ในน้ำเสียงของเขามีความเด็ดขาดที่ไม่ง่ายจะปฏิเสธ ทำให้ผู้คนโดยรอบพากันสั่นเทา
พวกเขาพบว่า ตั้งแต่หลังจากที่ชายคนนี้ปรากฏตัว พวกเขาก็ลืมไปแล้วว่ากำลังคุยกันอยู่
“ช่างมันเถอะ” หานมู่จื่อไม่ใช่คนมีนิสัยไร้เหตุผล ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่ได้อะไรมากกับเรื่องพวกนี้ ถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเธออาจจะต้องเป็นหนี้น้ำใจเย่โม่เซินเข้าจริงๆ