บทที่417 นี่คือคุณติดหนี้ผม
“ให้เธอเก็บโทรศัพท์มาคืนฉันก็พอ แล้วปล่อยพวกเขาไปเถอะ” หานมู่จื่อเดินอ้อมออกมาจากด้านหลังเย่โม่เซิน พูดเสียงเบา
หานมู่จื่อมองใบหน้าของเต้าเต้า ดวงตาของสาวน้อยแดงก่ำ ราวกับว่าได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างมาก ทั้งที่เมื่อสักครู่คนที่ด่าคนอื่นก็เธอ อวดดีบ้าอำนาจก็เธอ แต่ตอนนี้ทำไมเหมือนกลายเป็นเธอคือคนที่ถูกรังแกแทน?
หานมู่จื่อมองเธอแล้วพูด “ชนรถพวกเธอเป็นความผิดของฉัน ฉันขอโทษมาตลอด พูดถึงเรื่องชดใช้ก็แล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้ก้าวร้าวกัดฉันไม่ยอมปล่อย ไม่ยอมให้ความร่วมมือ ฉันจะโทรเรียกตำรวจเธอก็พุ่งเข้ามาปัดโทรศัพท์ฉัน เรื่องนี้เธอผิด แต่เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันก็ไม่ต้องการอะไรมาก เธอไปเก็บโทรศัพท์มาคืนฉันก็พอแล้ว”
เธอไม่ขอโทษก็ได้ แต่ต้องไปเก็บโทรศัพท์มาให้เธอ
จุดนี้ หานมู่จื่อจะไม่ประนีประนอมให้
ทางออกเสนอให้แล้วก็แค่ยอมรับมา แต่เต้าเต้ากลับเบิกตาตะโกนสวนไป “ถือสิทธิ์อะไรให้ฉันเก็บโทรศัพท์ให้ เธอชนรถฉัน ฉันกัดเธอไม่ปล่อยแล้วจะทำไม? ฉันปัดโทรศัพท์เธอตกแล้วอย่างไร เธอทำผิดเองไม่ใช่ว่าควรต้องยอมรับมันเหรอ?”
สถานที่เกิดเหตุเงียบไปชั่วขณะ
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่พอใจ
หานมู่จื่อยื่นมือออกไปรั้งเขาไว้ “ฉันจัดการเอง”
“คุณ?” เย่โม่เซินหรี่ตา เอ่ยด้วยเสียงอันตราย “ทางที่ดีคุณไม่ควรฝืนอดทน ไม่อย่างนั้น….ผมเกรงว่าตัวเองจะทนไม่ไหวแล้วลงมือกับบริษัทตระกูลฉิน”
หานมู่จื่อมองเขาอย่างแปลกใจ เกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายคนนี้? ไม่ว่าต้องการทำให้เธออับอายเหรอ? ทำไมตอนนี้ถึงช่วยเธอ?
แม้จะยังคิดไม่ออก หานมู่จื่อไม่เปลืองเวลาคิดอีกต่อไป แล้วเดินไปข้างหน้าฉินหยานกับเต้าเต้า
“ในเมื่อเธอไม่ยอมไปเก็บโทรศัพท์ ไม่ยอมขอโทษ งั้นความเสียหายรถคันนี้ฉันเองก็ไม่รับผิดชอบ”
นี่คือเธอยอมถอยให้มากที่สุดแล้ว โทรศัพท์เธอเก็บเอง แต่ค่าเสียหายของรถเธอก็จะไม่จ่าย
“เธอ!”
เต้าเต้าหน้าเปลี่ยนสี ก้าวมาข้างหน้าผลักเธอเต็มแรง: “เธอมีสิทธิ์อะไรจะไม่รับผิดชอบ?”
แรงของเธอเยอะมาก ทำให้หานมู่จื่อถึงกับโซเซมาข้างหน้า
ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเธอจะล้มลง เงาของคนหนึ่งรองรับหานมู่จื่อไว้ได้
ฝ่ามือใหญ่ของเขาดึงคนตรงหน้าเข้ามาในอ้อมแขน มองที่ฉินหยานแล้วเอ่ยเสียงเย็น “ฉินหยาน วันนี้ฉันจำได้แล้ว กลับไปแล้วล้างคอให้สะอาดรอฉันได้เลย”
พูดจบ เขาไม่ได้ให้คนอื่นมีโอกาสได้พูดอะไรอีก ซ้อนตัวหานมู่จื่อขึ้นอุ้มทันที
หานมู่จื่อ: “……ปล่อยฉันลง!”
“เซียวซู่!” เย่โม่เซินเรียกเสียงเย็น เซียวซู่ที่แอบมองและหลบอยู่ในฝูงชนถึงกับสะดุ้ง
แม่เจ้า!
เขาคิดว่าตนเองหลบเนียนแล้วแท้ๆ ทำไมยังโดนจับได้อีก?
“ยังไม่รีบไสหัวออกมาจัดการอีก”
น้ำเสียงของเย่โม่เซินประหนึ่งบาดทะลุไม้ไผ่มาทางไหนก็ราบไปทางนั้น เซียวซู่รู้สึกถึงความโกรธของคุณชายเย่แล้ว ไม่กล้าซ่อนอยู่ในฝูงชนต่อจึงรีบออกมา
“คุณชายเย่”
ที่จริงแล้วเขากำลังมาถึงได้ไม่นาน บวกกับจุดที่เขายืนอยู่มองไม่เห็นใบหน้าของหานมู่จื่อ
เขาเพียงแค่อยากรู้ ว่าเป็นผู้หญิงคนไหนที่เย่โม่เซินหลงใหลในระยะนี้
เดินไปถึงด้านหน้าเย่โม่เซินแล้ว ในที่สุดเซียวซู่ก็เห็นผู้หญิงในอ้อมแขนของเย่โม่เซินอย่างชัดเจน เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาจนตาเบิกกว้าง
“มัวอึ้งอะไร? เรื่องนี้ยกให้นายจัดการต่อ”
น้ำเสียงเย็นเยียบของเย่โม่เซินดึงให้สติของเซียวซู่กลับมา เขาพยักหน้า “ครับ ผมจะจัดการให้ดี”
ทางนี้ เย่โม่เซินพาอีกคนเดินออกไปทันที ไม่สนว่าหานมู่จื่อจะตกลงหรือไม่
หานมู่จื่อถูกเขายัดลงในรถ เมื่อเขาก้มลงคาดเข็มขัดนิรภัยให้ เธอถึงรู้สึกตัว
เมื่อเธอคิดจะเอ่ยปากพูด ทว่าเย่โม่เซินชำเลืองมองเธอแวบหนึ่ง: “ถ้าคุณอยากบอกว่าจะกลับไปละก็ คงไม่ได้”
พูดจบ เขาก็ปิดประตูดังปัง แล้วเดินอ้อมมาอีกด้านเพื่อขับรถ
หานมู่จื่อ: “……”
ห้าปีผ่านไป คนคนนี้ยังคงเผด็จการแบบนี้?
เพียงแต่ว่า….หานมู่จื่อสายตาเป็นประกาย หยุดมองที่ขาของเขา
เมื่อก่อนนั่งบนเก้าอี้คนพิการ ออร่าของเขาไม่แพ้คนอื่นแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาลุกยืนได้แล้ว ออร่ายิ่งบดบังคนอื่น
หานมู่จื่อเม้มริมฝีปาก เสมองไปทางอื่น
ช่างเถอะ
“ถือว่าครั้งนี้ฉันติดหนี้น้ำใจคุณ”
เมื่อเขานั่งลงที่นั่งคนขับแล้ว หานมู่จื่อเอ่ยเสียงเบา
เย่โม่เซินชะงักไป หลังจากนั้นไม่นานเหมือนเขานึกถึงอะไรบางอย่าง นัยน์ตาแฝงความหมายลึกซึ้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ติดหนี้น้ำใจเขาครั้งหนึ่ง?
เหอะ ก็ไม่เลว
“ในอนาคตมีอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือจากฉัน นายเย่สามารถบอกมาได้เลย ตราบเท่าที่ฉันทำได้”
“อะไรก็ได้?” เย่โม่เซินสายตาเปลี่ยนเป็นร้อนแรง กวาดมองหน้าเธออย่างคาดหวัง
หานมู่จื่อหน้าร้อนขึ้นในชั่วพริบตา กัดกรามเอ่ย “จำกัดแค่เรื่องงานเท่านั้น เรื่องส่วนตัวฉันเกรงว่าจะช่วยอะไรไม่ได้”
“สรุปแล้ว” ทันใดนั้นเย่โม่เซินโน้มตัวเข้าใกล้เธอ จนลมหายใจใกล้มาก “นี่คือคุณติดหนี้ผม แล้วผมสามารถทวงคืน”
หานมู่จื่อ: “นายเย่มีอะไรต้องการให้ฉันช่วย?”
“ไว้คิดออกแล้วค่อยบอกคุณ”
เขาเอนตัวกลับไป แล้วหมุนพวงมาลัยเพื่อออกไปจากที่นี่
หานมู่จื่อขมวดคิ้วสวยจนยุ่ง อยากถามเรื่องโทรศัพท์กับรถของตัวเอง แต่เมื่อนึกถึงความสามารถของเซียวซู่ก็ไม่คิดจะถามอะไรอีก
เธอรู้จักเซียวซู่ดี คนคนนี้สามารถอยู่ข้างเย่โม่เซินได้ตั้งนาน ความสามารถในการจัดการเรื่องต่างๆ พูดได้ว่ายอดเยี่ยม
เชื่อว่าอีกไม่นานทั้งโทรศัพท์และรถคงส่งถึงมือเธอ
คิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อยิ่งวางใจ เอนพิงเบาะแล้วมองทิวทัศน์ข้างทางที่ผ่านไปเรื่อยๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ราวกับความฝัน
แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่คิดว่าหลังจากที่เธอกลับมาจากต่างประเทศแล้วจะได้เจอเย่โม่เซินเร็วขนาดนี้ แล้วก็…..ยังมีความสัมพันธ์ที่ต้องร่วมงานกับเขา เกรงว่าต่อไปอาจจะต้องได้เจอกันบ่อยขึ้น
ตอนนี้…..เธอนั่งอยู่บนรถเขาอีกแล้ว
แน่นอนว่า…..เธอตั้งใจที่จะอยู่ห่างจากเขา เมื่อเจอเขาก็แสร้งทำเป็นคนแปลกหน้า
แต่ตอนนี้เรื่องกับบานปลาย ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเธอตั้งแต่แรกทำอย่างไรดี?
“ไปบริษัทคุณ?” เย่โม่เซินอยู่ๆ ก็ถาม
หานมู่จื่อดึงสายตากลับมา พยักหน้า “อืม ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการที่บริษัท ขอบคุณค่ะ”
ในรถเกิดความเงียบขึ้นมา มุ่งหน้าไปทางบริษัทของเธอ
จนกระทั่งสิบหน้านาทีต่อมา รถของเย่โม่เซินขับมาถึงหน้าบริษัทของเธอ
“ผมยังมีธุระ” เย่โม่เซินสายตาชั่วร้ายมองเธอ: “คุณขึ้นไปเองนะ”
ฟังจบ หานมู่จื่อที่ปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็วชะงักไป คนคนนี้พูดหมายความว่าอย่างไร? ถ้าเขาไม่มีธุระก็จะขึ้นไปเป็นเพื่อนเธอ?
อีกอย่าง เธอไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาขึ้นไปด้วยกันตั้งแต่แรก
“หึ นี่คุณด่าผมในใจอยู่?” เย่โม่เซินพูดมาอีกหนึ่งประโยค
หานมู่จื่อรีบปลดเข็มขัดนิรภัยออก เปิดประตูลงจากรถ “ขอบคุณนายเย่ที่มาส่ง ฉันคงต้องไปแล้ว บนท้องถนนอย่าประมาท”
พูดจบหานมู่จื่อเผยรอยยิ้มที่เป็นทางการให้แล้วหมุนตัวเดินจากไป
เย่โม่เซินมองตามหลังเธอหรี่ตาลงช้าๆ แล้วหัวเราะเสียงเบา
“ผู้หญิงใจดำ”