บทที่ 431 ทำไมยังโผล่มาอีก
ยังไม่ได้กินอะไรทั้งวัน?
เย่โม่เซินขมวดคิ้วแล้วมองผู้หญิงที่สลบไสลคนนั้น ไม่แปลกใจที่เธอปวดท้องแบบนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ใส่ใจร่างกายของตัวเองอย่างจริงจัง
หลังจากเสี่ยวเหยียนพูดจบ ถึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองปากโป้งอะไรออกไป จึงรีบหุบปาก
หลังจากนั้นถาม: “คุณเย่ คุณช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าตอนนี้พวกคุณอยู่โรงพยาบาลไหน? ฉันจะได้ไปเยี่ยม”
“ไม่สะดวก”
เย่โม่เซินพูดเสร็จก็วางสายไป
เสี่ยวเหยียนได้ยินเสียงตู๊ดตู๊ดดังมาจากในโทรศัพท์มือถือ: “……”
เชี้ย!
เย่โม่เซินคนเลว!
ถือว่าตัวเองเป็นลูกค้าแล้วจะทำตามอำเภอใจแบบนี้ได้เหรอ? สารเลว! ไม่แปลกใจเลยที่มู่จื่อไม่สนใจเขา!
คนๆ นี้พาลแล้วก็ไม่มีเหตุผลเกินไปแล้ว
แต่ว่า…เสี่ยวเหยียนเม้มปากตัวเอง แล้วทำท่าทางขบคิด ถึงแม้จะบอกว่าเกลียดเย่โม่เซินมาก แต่ตอนที่เขาคุยกับเธอเมื่อครู่เห็นได้ชัดว่ามู่จื่อได้สลบไปแล้วและฟังดูเหมือนเขาจะไม่สบอารมณ์อย่างมาก
เขาคงจะเป็นห่วงมู่จื่อมากใช่ไหม? เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่โรงพยาบาล อย่างนั้นตอนนี้คาดว่าคงจะอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว?
ในที่สุดเสี่ยวเหยียนก็ยังไม่วางใจ แล้วส่งข้อความไป
[คุณเย่ ขอถามหน่อยตอนนี้มู่จื่ออยู่โรงพยาบาลใช่หรือเปล่า?]
ขอเพียงแค่เธอรู้เท่านี้ก็พอแล้ว
ติ๊ง——
เย่โม่เซินส่งข้อความกลับมาอย่างรวดเร็ว แค่หนึ่งคำ: ใช่
ถึงแม้ว่าจะเย็นชามาก แต่เสี่ยวเหยียนก็วางใจลงมากหลังจากที่ได้เห็นข้อความนี้ เธอจึงได้เรียบเรียงข้อความอีกแล้วส่งไป
{อย่างนั้นวันนี้คงต้องรบกวนคุณเย่ดูแลมู่จื่อแล้ว ขอแค่เธอไม่เป็นอะไร ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยรีบโทรศัพท์หาฉัน}
เดิมทีเย่โม่เซินไม่คิดจะสนใจเสี่ยวเหยียน แต่พอนึกถึงคำพูดที่คุณหมอเพิ่งจะพูดแล้ว ดังนั้นเขาจึงถ่ายทอดคำพูดของคุณหมอให้เสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียนเข้าใจทันทีแล้วบอกว่าตนเองจะรีบไปเตรียมตัว
เย่โม่เซินยังถือโอกาสบอกชื่อโรงพยาบาลกับเธอ
ในตอนที่เสี่ยวเหยียนมาถึงโรงพยาบาลก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
ภายในโรงพยาบาลเงียบมาก มีเพียงเสียงเบา ๆ จากเครื่องมือเล็กน้อย เสี่ยวเหยียนเคาะประตูห้องคนไข้ หลังจากนั้นผลักเข้าไป
สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักผู้ป่วยเดี่ยวเก็บเสียงมาก ภายในห้องพักผู้ป่วยมีเพียงเย่โม่เซินกับหานมู่จื่อแค่สองคน
เสี่วเหยียนเดินเข้ามาเงียบๆ พร้อมกับกระติกน้ำร้อน แล้วก็เจอกับสายตาที่เย็นชาของเย่โม่เซินทันที
ทันใดนั้น เสี่ยวเหยียนรู้สึกเย็นหลังเล็กน้อย
สายตาของผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริงๆ !
เธอนำกระติกน้ำร้อนวางไว้บนโต๊ะหลังจากนั้นพูดเสียงเบา: “ยังไม่ตื่นเหรอ?”
“อืม” เย่โม่เซินส่งเสียงในลำคอคำหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรอีก เขานั่งอยู่ตรงขอบเตียงและมองมู่จื่อที่ยังสลบอยู่ตลอด เสี่ยวเหยียนครุ่นคิดสักพัก หลังจากนั้นสูดหายใจแล้วเดินไปแอบดูหานมู่จื่อแวบหนึ่ง
ในตอนนี้สีหน้าของเธอซีดขาวมาก มองแวบเดียวก็รู้ว่าอาการไม่ดีมาก
“เธอเป็นอะไรไป? ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ไม่ร้ายแรง” สายตาเย็นๆ ของเขาตกลงบนใบหน้าของเธอ หลังจากเห็นกระติกน้ำร้อนด้านข้าง จึงเอ่ยเสียงเย็น: “ดึกแล้ว คุณกลับไปเถอะ”
เสี่ยวเหยียนเบะปากแล้วกัดฟันพูดว่า: “ไหนๆ ฉันก็มาแล้ว ให้ฉันก็อยู่ดูแลเธอที่นี่สักหน่อยเถอะ คุณเย่…ชายหญิงอยู่ในห้องเดียวกันแบบนี้คงจะดูไม่ดีมาก ถ้าไม่อย่างนั้นคุณกลับไปก่อนดีไหม?”
เย่โม่เซิน: “……”
เขาไม่ได้ตอบ แต่เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายทั่วร่างเปลี่ยนไปเพราะประโยคนี้ เสี่ยวเหยียนกลืนน้ำลายด้วยความตกใจ ในขณะที่เธอกำลังลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่างนั้น ก็มีเสียงดังมาจากประตู
เสี่ยวเหยียนหันกลับมา จึงเห็นว่าเซียวซู่ยืนอยู่หน้าประตู
ขณะที่สบตากัน ขณะนั้นเสี่ยวเหยียนก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา
เซียวซู่อยู่ที่นี้ได้อย่างไร?
“ส่งเธอกลับไป” เย่โม่เซินไม่แม้แต่จะหันไปแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา
“ครับ” เซียวซู่รีบพยักหน้า หลังจากนั้นมองเสี่ยวเหยียน: “ไปเถอะครับ ตอนนี้ดึกเกินไปแล้วไม่ปลอดภัย ผมส่งคุณกลับ”
เสี่ยวเหยียน : “……”
เชี้ย! คนๆ นี้เตรียมพร้อมหลังจากที่บอกเธอว่าที่อยู่โรงพยาบาลอยู่ตรงไหนแล้วเหรอ? เขาไม่ต้องการให้เธออยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก เขาต้องการยึดมู่จื่อไว้คนเดียว!
พอคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็สูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก้าวเข้าไปด้านหลังของเย่โม่เซิน ยากที่จะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาแบบนี้: “คุณเย่ ถึงแม้ว่าเมื่อห้าปีก่อนคุณกับมู่จื่อจะเคยเกี่ยวข้องกัน แต่เรื่องนั้นมันได้จบไปแล้ว เวลาผ่านไป ความคิดและจิตใจคนก็เปลี่ยนแปลง วันนี้ฉันไม่อยู่ที่นี่ก็ได้ แต่ฉันหวังว่าคุณเย่จะให้เกียรติผู้อื่นด้วย ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ฉันก็ขอบคุณที่คุณช่วยมู่จื่อไว้ คุณดูแลเธอดีๆ เถอะ ฉันไปแล้ว”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนก็ไม่สนว่าเย่โม่เซินจะมีปฏิกิริยาอย่างไร จากนั้นหมุนตัวออกจากห้องพักผู้ป่วยไป
เซียวซู่ที่ยืนอยู่หน้าประตู แน่นอนว่าได้ยินคำพูดเหล่านั้นของเธออย่างชัดเจน เขารู้สึกตกใจนิดหน่อย ความคิดของเสี่ยวเหยียนกับเขาจะเหมือนกัน
เขาไม่อยากให้หานมู่จื่อเข้าใกล้เย่โม่เซิน แล้วก็เหมือนกับเสี่ยวเหยียนที่ไม่อยากให้เย่โม่เซินเข้าใกล้หานมู่จื่อ
พวกเขาทั้งสองคนต่างหวังว่าคนสำคัญของตนเองจะไม่ต้องเจ็บปวดอีก
ดังนั้นระหว่างเย่โม่เซินกับหานมู่จื่อสองคน สรุปใครเข้าใกล้ใคร แล้วใครทำร้ายใครกันแน่?
“หายไปห้าปีแล้ว กลับมากะทันหันทำไม ในเมื่ออยากไป ก็ควรจะไม่ปรากฏตัวอีก ไม่ใช่เหรอ?”
พอเดินมาถึงที่จอดรถ เสี่ยวเหยียนที่เพิ่งจะหมุนตัวเข้าไปในรถทันใดนั้นก็ได้ยินประโยคนี้ของเซียวซู่ เธอจึงหยุดการกระทำแล้วยืนอยู่ที่เดิม หลังจากนั้นหันไปมองเซียวซู่ที่ยืนอยู่ในโคมไฟถนน
“คำพูดพวกนี้คุณตั้งใจพูดใช่ไหม?” เสี่ยวเหยียนมองเซียวซู่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกหมดคำพูดนิดหน่อยแล้วเอ่ย: “หรือว่าคุณกำลังล้อฉันเล่น?”
เซียวซู่มองเธอด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่าและไม่ส่งเสียง
“ที่นี่เป็นที่ดินของพวกคุณเหรอ? ทำไมพวกเราจะกลับมาไม่ได้? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราจะไปหรือจะกลับ เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ?” เสี่ยวเหยียนพูดและหัวเราะเล็กน้อยแล้วมองเซียวซู่: “คำพูดพวกนี้ของคุณน่าหัวเราะจริงๆ ”
ดูเหมือนเซียวซู่จะรู้สึกแล้วว่าตัวเองพูดผิดไป
“คุณอาจจะคิดว่าคำพูดของผมโหดร้ายมาก แต่คำพูดที่คุณเพิ่งจะพูดกับคุณชายเย่ไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
“เกินไป? เกินไปตรงไหน? เซียวซู่ เวลาห้าปีมานี้ความคิดของคุณเป็นอะไรไปแล้ว? คุณไม่เห็นเหรอว่าคุณชายของตระกูลพวกคุณไม่ยอมปล่อยมู่จื่อของตระกูลพวกเรา? ทำไมถึงกลายเป็นความผิดของพวกเราไปแล้ว?”
เสี่ยวเหยียนพูดไป ในใจก็เริ่มโกรธแล้วกัดริมฝีปากล่าง
“เมืองเป่ยเป็นบ้านของพวกเรา พวกเราจะกลับบ้าไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากใคร ถ้าคุณคิดว่าพวกเราตั้งใจปรากฏตัวต่อหน้าพวกคุณล่ะก็ คุณก็จิ้มตาคู่นั้นของตัวเองเถอะ!”
เซียวซู่: “……”
พูดจบเสี่ยวเหยียนก็หมุนตัวเดินจากไป
เซียวซู่หน้าเปลี่ยนสี แล้วรีบตามไป: “ดึกมากแล้ว ให้ผมไปส่งคุณเถอะ บนถนนไม่ปลอดภัย”
“เหอะเหอะ อยู่กับคนอย่างคุณแค่นิดเดียว ฉันก็รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ฉันเรียกรถเองได้ ไม่รบกวนคุณ!”
เซียวซู่เพิ่งจะรู้ตัวว่าคำพูดเมื่อครู่ของตัวเองทำให้เธอโกรธแล้ว จึงรีบไปบังข้างหน้าเธอ
“ขออภัย ผมพูดไม่ค่อยเก่ง แต่คุณอยากที่จะปกป้องมู่จื่อ ผมก็หวังว่าคุณชายเย่จะไม่เจ็บปวดอีก เป้าหมายของพวกเราสองคนเหมือนกัน ก็ถือว่าบรรลุข้อตกลง เพียงแต่เส้นทางในใจไม่เหมือนกันเท่านั้น เวลานี้ดึกมากแล้วจริงๆ ในเมื่อโกรธผม ก็ขอให้ผมทำความดีชดเชยความผิดโดยการไปส่งคุณกลับเถอะ”