บทที่ 436 หลุดพ้นจากเขา
หลังจากกลับมาที่ห้องทำงาน หานมู่จื่อก็นั่งลง ยังรู้สึกหนักหัวอยู่บ้าง
มันอาจจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากการหมดสติเมื่อวานนี้ เธอยื่นมือออกไปนวดจุดลมปราณที่ด้านหลังศีรษะแรงๆ ค่อยรู้สึกว่ามีชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อย แต่ครั้งนี้…ดูเหมือนโรคกระเพาะของเธอจะหนักขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แถมตอนนี้ก็ยังรู้สึกปวดมาก
เป็นเพราะคน ๆ นั้นหรือเปล่า?
หานมู่จื่อนั่งได้สักพัก เสี่ยวเหยียนก็เข้ามา
เธอโอบข้อมูลเดินเข้ามา จากนั้นลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ หานมู่จื่อ
“ฉันคำนวณดูแล้ว ตามสัญญาของพวกเรา ไม่ว่าฝ่ายใดยกเลิกสัญญา พวกเราต่างต้องชดเชยค่าผิดสัญญาสามเท่า เดิมทีแค่ชุดเดียวไม่จำเป็นต้องชดเชยเงินมากขนาดนั้น แต่ว่าคุณเย่ขู่ในคำสั่งซื้อของบริษัทพวกเราแล้ว ดังนั้น…พวกเราต้องจ่าย เกรงว่าจะมากกว่าที่พวกเราคาดไว้”
หานมู่จื่อเงียบไปสักพัก แล้วพูดต่อ: “จำเป็นต้องจ่ายเท่าไหร่?”
เสี่ยวเหยียนเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ไอเบาๆ จากนั้นเอ่ย: “ฉันคำนวณดูคร่าวๆ หลังจากจ่ายค่าผิดสัญญาแล้ว พวกเราจะเหลือเงินอยู่แค่ไม่กี่หมื่นแล้ว~”
หลังจากพูดเสี่ยวเหยียนก็ยังคงทำหน้าตาไม่พอใจแล้วกุมแก้มของตัวเอง: “ถ้ารู้แบบนี้ ตอนแรกพวกเราน่าจะตีเขาออกไปแล้ว ฮือฮือ…ตอนนี้จบแล้ว ครอบครัวล้มละลายแล้ว”
จ่ายเสร็จจะเหลือเงินอยู่ไม่กี่หมื่น? หานมู่จื่อยกยิ้ม: “ยังพอได้ แต่ฉันคิดว่าไม่พอ”
พอได้ยิน เสี่ยวเหยียนก็เบิกตาโตอย่างตกใจ: “เธอไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม? ชดเชยเงินมากมายขนาดนั้นคิดไม่ถึงว่าเธอยังพูดว่ายังพอได้ ฉันยังคิดว่า…”
“มีอะไรจะดีกว่าการหลุดพ้นจากเขา นับว่ายังคุ้มค่าให้คนดีใจใช่ไหม?” หานมู่จื่อยิ้มบางๆ แล้วมองเสี่ยวเหยียน: “พอแล้ว เธอไปเตรียมตัวเถอะ ติดต่อทนาย หลังจากนั้นดูว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร”
“เอาเถอะ อย่างนั้นฉันไปติดต่อทนายก่อนแล้วกัน”
เพราะต้องจากค่าผิดสัญญา ดังนั้นจึงทำให้หานมู่จื่อกับเสี่ยวเหยียนไม่ได้ไปดูห้องอีก
ความจริงแล้วขอแค่เธอยินยอม เธอสามารถไปขอความช่วยเหลือจากหานชิงได้
แต่หานมู่จื่อมองว่า พี่ชายได้ช่วยเธอมาหลายเรื่องแล้ว ก่อนหน้านี้เธอรับมาอย่างเงียบๆ เพราะเธอรู้สึกว่า ในเมื่อพี่ชายอยากจะชดเชยให้เธอ อย่างนั้นถ้าเธอปฏิเสธล่ะก็ หานชิงคงจะยิ่งทุกข์ใจแน่นอน แทนที่จะทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ไม่สู้ให้เขาได้ชดเชยให้ตนเอง
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอเป็นคนประเภทชอบเป็นฝ่ายเรียกร้อง เธอกลัวว่าถ้าเธอได้รับผลประโยชน์นานๆ เธอจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์
ดังนั้นแม้จะมีตระกูลหานหนุนหลัง แต่หลายปีมานี้หานมู่จื่อก็ยังคงทำงานหนักอยู่
นอกจากนี้เธอยังไม่ชอบใช้นามสกุลหานห้อยไว้บนศีรษะ เพื่อหาโอกาสอื่นๆ ในการทำงาน เธอพึ่งพาตัวเองตลอด อย่างเช่นคราวนี้ เธอจะไม่ไปตามหานชิง เพียงแค่ต้องการพึ่งพาตัวเองเท่านั้น ค่อยๆ ทำงานเก็บเงินแล้วซื้อบ้านอีกครั้ง
ไม่ได้จริงๆ อาศัยแค่งานที่เธอทำปัจจุบัน ไปกู้เงินจากธนาคารชำระเงินงวดแรกก็ยังพอได้
พอตอนบ่าย หานมู่จื่อก็นำแบบร่างของเมื่อวานออกมาแก้อีกรอบ หลังจากนั้นส่งข้อความหาหลินชิงชิง ถ้าเธอมีเวลาให้มาดูรูปภาพด้วยตัวเอง
หลินชิงชิง ตอบกลับไวมาก บอกว่าถ้าว่างจะมาดูเองที่บริษัท
พอได้รับข้อความนี้ไม่นาน เสี่ยวเหยียนก็ผลักประตูห้องทำงานเข้ามา
“มู่จื่อ มีข่าวดี”
“อะไร?” หานมู่จื่อเงยหน้ามองเธอ
“กระโปรงชุดนั้นของหลินซิงหั่วเร่งผลิตเสร็จแล้ว ตอนนี้ส่งมาถึงบริษัทพวกเราแล้ว ฉันวางไว้ในห้องโถงนิทรรศการที่ชั้นหกแล้ว”
พอได้ยิน หานมู่จื่อก็มีหน้าตาที่ผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย ในที่สุดก็มีเรื่องน่ายินดีแล้ว
เธอยิ้ม: “ฉันจะขึ้นไปดู เธอโทรศัพท์หาหลินซิงหั่วแจ้งเธอสักหน่อย”
“ไม่มีปัญหา”
หลังจากนั้นหานมู่จื่อก็ออกจากห้องทำงานคนเดียว เตรียมที่จะไปที่ชั้นหกเพื่อดูงานออกแบบชุดนั้น เมื่อเดินมาได้ครึ่งทางจู่ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา จึงเปลี่ยนไปที่ชั้นพนักงาน
พอเธอปรากฏตัวที่ชั้นพนักงาน ทุกคนก็เงียบไปสักพัก ยังดีหน่อยที่มีการตอบสนองกลับมา มีคนพูดเสียงเบา
“คุณมู่จื่อมาแล้ว”
เดิมทีคนกลุ่มนี้เรียกได้ว่าเคยดูหมิ่นเธอมาก่อน แต่หลังจากข้อมูลที่ เลิงเยาเยาค้นในวันนั้นปรากฏออกมา แล้วพบว่าหานมู่จื่อได้รับรางวัลที่หนึ่ง ความคิดที่พวกเธอมีต่อหานมู่จื่อก็เปลี่ยนไป
เลิงเยาเยามองหานมู่จื่อแวบหนึ่ง แล้วหน้าเปลี่ยนสีและลุกขึ้นยืน
“คุณ คุณมาทำอะไรที่นี่?”
โดยปกติแล้วเวลาที่ตนเองปรากฏตัว คนเหล่านี้มักจะประชัดประชันเธอสักเล็กน้อย แต่ทำไมวันนี้ต่างมีท่าทางที่ดูเชื่อฟังแบบนี้ได้?
“แน่นอนว่ามีธุระเลยมาหาเธอ” สายตาของเธอตกกระทบลงบนร่างของเลิงเยาเยา เพียงหยุดนิ่งสักพักก็กลับมา
เลิงเยาเยาอึ้งไปสักพัก เบิกตาโตมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ: “ฉัน มาหาฉัน?”
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เธอจะต้องเหน็บแนมหานมู่จื่อสักหน่อย แต่ตอนนี้…หลังจากที่รู้ฐานะที่แท้จริงของเธอ เลิงเยาเยาก็พบว่าตนเอง คิดไม่ถึงว่าจะพูดคำพูดเหน็บแหนมพวกนั้นออกมาไม่ได้สักประโยค
“อืม” หานมู่จื่อพยักหน้า สายตาอบอุ่นมากแล้วพูดเบาๆ : “เธอออกมากับฉันสักหน่อยเถอะ”
คนอื่นๆ มองไปที่ เลิงเยาเยาอย่างสงสัย ในใจของเลิงเยาเยารู้สึกดีใจเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้แสดงให้ทางสีหน้าและเดินออกไปอย่างสงบนิ่ง
หานมู่จื่อก็หมุนตัวตามออกไป เลิงเยาเยาเข้าลิฟต์ไปพร้อมกับเธอ
“คุณ คุณตามหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอคะ?” หลังจากที่เลิงเยาเยาเข้าลิฟต์ ก็อดถามหนึ่งประโยคไม่ได้
หานมู่จื่อยืนอยู่ในนั้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “ไม่อยากดูผลงานที่เธอออกแบบเหรอ?”
พอได้ยิน เลิงเยาเยาก็อึ้งไปสักพัก แล้วตอบกลับมา: “ผลงานเสร็จสมบูรณ์แล้ว?”
“อืม”
เลิงเยาเยารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยไปชั่วขณะ นี่เป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกที่เธอออกแบบหลังจากที่เข้ามาในบริษัท แถมยัง… ออกแบบมาสำหรับราชินีนักแสดงหญิง หลินซิงหั่วจะสวมชุดที่เธอออกแบบไปงานแถลงข่าว
พอคิดถึงตรงนี้ เลิงเยาเยาก็ตื่นเต้นมาก
“อยากเห็นแน่นอน!”
“อยู่ที่ห้องโถงนิทรรศการที่ชั้นหก ไปเถอะ”
ติ๊ง——
ลิฟต์เปิดออกมาพอดี ทั้งสองคนเดินออกไปด้วยกัน
ที่ชั้นหกหานมู่จื่อขอให้เสี่ยวเหยียนหาคนมาทำความสะอาด เพราะสำหรับบริษัทออกแบบแล้ว ห้องโถงนิทรรศการเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้มากที่สุด เพราะสามารถแสดงสินค้าที่ออกแบบในอดีตหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาจัดแสดงให้ลูกค้าได้ชื่นชมตลอดเวลา
ในห้องโถงนิทรรศการที่ว่างเปล่านั้น มีผลงานอยู่หนึ่งชุด ก็คือชุดที่เลิงเยาเยาออกแบบนั่นเอง
เมื่อเลิงเยาเยามองไปที่สินค้าออกแบบเพียงชิ้นเดียวที่อยู่ตรงนั้น เธอเบิกตาโตและยื่นมือออกไปปิดริมฝีปากของตัวเอง แล้วเกือบจะร้องไห้ออกมา
คุณพระช่วย!
เธอตื่นเต้นมากเกินไปแล้วจริงๆ !
เป็นครั้งแรกในชีวิต! เมื่อก่อนเธออยู่คนเดียว ถึงแม้ว่า เลิงเยาเยาจะเคยได้รับรางวัลมาบ้าง แต่ว่า…เธอก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้
ผลงานของตัวเองถูกคนนำมาจัดแสดง
“ตื่นเต้นแล้ว?” หานมู่จื่อหันกลับมา แล้วยิ้มเล็กน้อย: “หลังจากนี้คงจะมีโอกาสเข้ามาอีกมาก ต้องนิ่งไว้”
พอได้ยินเลิงเยาเยาหันหน้าไปด้วยความเขินอายเล็กน้อยและพูดอย่างเชื่องช้าว่า: “นี่เป็นครั้งแรกสำหรับฉัน แน่นอนว่าฉันต้องตื่นเต้นอยู่แล้ว แต่คุณ…คุณได้รับรางวัลใหญ่มากมายขนาดนั้น คุณคงจะไม่ใส่ใจใช่ไหม!”