บทที่444 ถ้ามีเรื่องอะไรก็ให้ไปคุยกับทนายของฉัน
“ไม่เป็นไร”เซียวซู่ได้ตอบเขาไป
“ไม่เป็นไร”เสี่ยวเหยียนหัวเราะออกมา“ถ้าไม่มีอะไรคุณคงไม่มาหาถึงที่ ดูหน้าคุณก็เหมือนมาหาเรื่อง ทำไม เราจ่ายค่าผิดสัญญาไปแล้วยังจะมาหาเรื่องอีกเหรอ วันหลังอย่าหาว่ามู่จื่อยุ่งกับคุณชายเย่ของคุณก็แล้วกัน”
เซียวซู่“……ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ ฉันแค่……”
“คุณแค่ทำเพื่อคุณชายเย่อย่างนั้นหรอ? ก็เลยเอาเรื่องแย่ๆมาผลักใส่ไว้ที่พวกผู้หญิงอย่างเรานั้นหรอ? เซียวซู่ เมื่อก่อนฉันชื่นชมในตัวคุณมากเลยนะ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าในตอนนี้……คงเป็นเพราะเมื่อก่อนฉันตาบอด! ไม่ว่ายังไงฉันกับมู่จื่อก็มีความเห็นตรงกันแล้วว่า ในตอนนี้พวกเราทำผิดสัญญา เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีอะไรก็คุยกับทนายของพวกเราได้เลย และไม่ต้องเสนอหน้ามาที่บริษัทของเราอีก”เมื่อพูดจบ เสี่ยวเหยียนหันหลังและเดินเข้าไปในตึกและทิ้งเซียวซู่ไว้ตามสายลมแต่เพียงลำพัง
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ก้มหัวลงและยิ้มอย่างขมขื่นแล้วดูเหมือนว่า … วันนั้นเขาพูดอะไรผิดไปจริงๆ
แต่ความเป็นจริง เขาไม่ได้คิดอะไรมากเพียงเพราะเขาเห็นเย่โม่เซินเป็นแบบนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ดังนั้นเขาก็เลยระเบิดความโกรธใส่ผู้หญิงคนนั้น ก็เลยบอกเขาไปอย่างนั้นในตอนนั้น
ในเมื่อคุณไปแล้ว แล้วจะกลับมาอีกทำไม?
แล้วในตอนนี้ดูเหมือนว่า … เขาจะกลับมาแล้ว ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเย่โม่เซินได้กลับมาแต่อย่างใด
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเย่โม่เซินอย่างจริงจัง
คนที่หลงใหลในตัวมาตลอดก็คือคุณชายเย่
น่าเสียดายที่คำพูดเหล่านี้ เซียวซู่ก็ไม่กล้าที่จะนำคำพูดเหล่านี้ไปบอกให้กับเย่โม่เซินอยู่ดี
ลุงหนานก็ขับรถส่งถึงที่หมายได้อย่างโดยเร็ว เนื่องจากมีการตกลงกันล่วงหน้าก่อนแล้ว
หานมู่จื่อจึงเข้าไปได้อย่างราบรื่นแล้ว ผู้จัดการก็ได้พาเธอไปที่ห้องตรวจสอบกล้องวงจรปิด
“คุณหาน คุณมาดูอะไรนี่ดูซิ”
“ขอบคุณ”หลังจากขอบคุณเขาด้วยความจริงใจแล้วเขาก็ยืนอยู่ที่นั่นและดูวิดีจากกล้องวงจรอย่างจริงจัง
และสังเกตบุคคลที่น่าสงสัยและพูดออกมาว่า “ย้อนกลับสิบวิ แล้วเล่นวิดีโอใหม่อีกครั้ง”
เจ้าหน้าที่ทำตามที่เธอพูดและหานมู่จื่อก็เห็นคนหนึ่งที่สวมหมวก คนที่โอบตัวเองแน่น ดูแล้วน่าจะดูเหมือนกับผู้ชาย
“สามารถดูวิดีโอกล้องตัวอื่นๆที่อยู่บริเวณใกล้ๆได้หรือเปล่า?” แม้ว่าจะอาย แต่หานมู่จื่อก็ยังคงขอร้องเขาไป
เมื่อชายคนนั้นได้ยินเขาก็ขมวดคิ้วทันที
“คุณหานคงทำอย่างไม่ได้”
หานมู่จื่อกระพริบตา
“ต้องขอโทษด้วยนะครับทางเราทำเต็มที่แล้ว”
อีกฝ่ายไม่เห็นด้วยและหานมู่จื่อก็ไม่ได้ขอร้องเขาอีกทำได้แต่เพียงยิ้ม“นั้นไม่เป็นไรค่ะ
ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือไว้ถ้ามีโอกาสฉันจะเลี้ยงข้าวคุณเป็นการตอบให้ ขอบคุณมากเลยค่ะ”
“ไม่ต้องๆไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น พวกเราทุกคนยินดีเป็นอย่างมากที่จะช่วยคุณ”
เมื่อออกจากห้องดูแลระบบรักษาความปลอดภัยแล้ว
หานมู่จื่อและชายคนนั้นก็กำลังเดินไปที่ทางเดินทันใดนั้นร่างๆก็วิ่งพุ่งเข้ามา “นายน้อยมาแล้ว”
ทันทีที่ผู้จัดการได้ยินแบบนี้แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป “ นายน้อยมาได้ยังไง?”
เพราะว่าครั้งที่แล้วที่เขามาก็ถูกตำหนิถึงการทำงานของพวกเขาทุกคนรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนไม่ค่อยมีเหตุผลและ ทุกคนได้รับความเดือดร้อนดังนั้นเขาจึงรู้สึกกลัวเมื่อได้ยิน
“คุณหาน,ผม……”
ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่ ร่างสูงก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเดิน
ในขณะนี้ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในความตะลึงรวมถึงหานมู่จื่อด้วย
เธอมองร่างสูงด้วยความสงสัยบางอย่าง เธอยังคงคิดว่านายน้อยคือใคร แต่เธอไม่คาดคิดว่ามันจะเป็น …
ชายร่างสูงและหล่อเหลาที่กำลังรีบเดินมาตรงหน้าเธอ
ด้วยขาที่เหยียดตรงและริมฝีปากบางของเขา ดวงตาที่เย็นชาของเขาก็สบกับใบหน้าของเธอ
และคนอื่นก็ตกอยู่ในความกลัว
“นาย,นายน้อย。”
หานมู่จื่อขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกระซิบว่า “ดูเหมือนว่าพวกคุณมีเรื่องสำคัญที่ทำดังนั้นฉันขอตัวก่อนนะ”
เมื่อพูดจบ หานมู่จื่อก็ขอบคุณผู้จัดการอีกครั้งแล้วเขาก็กำลังเดินจะเดินจากไป
แต่ไม่คิดเลยว่า ในขณะที่เขากำลังจะเดินผ่านเย่โม่เซิน ทันใดนั้นเขาก็เหยียดแขนออกและกดเธอลงบนกำแพงข้างๆ แล้วก็ขวางทางเธอไว้
หานมู่จื่อ “???”
เย่โม่เซินไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆและยังคงรักษาท่าทางเดิมของเขาไว้
สีหน้าของเขามืดมน และกำลังโกรธอย่างเห็นได้ชัด
เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างก็คิดว่า เขาน่าจะโกรธเธอที่เธอเข้ามาโดยภาระการ เขาจึงรีบอธิบายให้เธอฟัง
“นายน้อย,คนนี้คือบริษัทตระกูลหาน ทางนี้……”
“แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?” เย่โม่เซินทำให้เขารู้สึกถึงความเย็นชา น้ำเสียงของเขาเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
ชายคนนั้นเงียบทันที
หานมู่จื่อกลับไปยืนอยู่กับที่ และดูว่าเย่โม่เซินต้องการจะทำอะไรต่อ
เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปตรงหน้าเขา
“มีอะไร?”
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยินดังนั้น สีหน้าของพวกเขาก็ซีดลงเพราะความตกใจ
นายน้อยของพวกเขาเป็นราชาแห่งความเย็นชา แต่เธอคุยกับเขาอย่างนั้นจริงเหรอ?
ถ้าหากว่ามีอะไรเกิดเรื่องขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?แต่ว่าเขาสัญญาไว้กับคุณหาน ไว้แล้ว
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้ที่นี่ เขาจะถูกเกลียดโดยตระกูลหานและเตะออกจากงานหรือไม่
พนักงานจึงอธิบายไปอย่างสั่น ๆ ว่า “เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลยครับเจ้านาย
เธอเข้ามาในห้องเองและผมก็ถูกเขาบังคับให้ทำ”
หานมู่จื่อ:“……”
เธอขมวดคิ้วและมองไปที่เจ้าหน้าที่และเมื่อเขาเห็นสีหน้าของเธอแล้วหน้าก็ซีดด้วยความตกใจราวกับจะฉี่ราดยังไงอย่างนั้น หลังจากคิดได้แล้ว เธอก็ถอนหายใจในใจและไม่ได้เถียงกลับ
อีกฝ่ายสัญญาว่าจะช่วยเธอแต่ตอนนี้เมื่อเจ้านายจับได้เป็นเรื่องปกติที่เขาอยากจะปกป้องตัวเอง
เธอไม่ได้ตำหนิเขากลับแต่อย่างใด
เมื่อคิดได้แบบนั้นแล้ว หานมู่จื่อหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วก็จ้องไปที่เย่โม่เซิน
“ใช่ ฉันเป็นคนเดินเข้ามาเอง แล้วยังไงต่อละ? ฉันไปได้แล้วรึยัง?”
“แล้วเธอคิดว่ายังไงละ” ในที่สุดดวงตาของเย่โม่เซินก็หันมาที่เขาแล้วจ้องมองเธออย่างรุนแรง
ทั้งสองเผชิญหน้ากัน หานมู่จื่อเขาขยับจากนั้นพูดออกมาว่า“ ในเมื่อคุณไม่มีอะไรจะพูด งั้นฉันขอตัวก่อนนะ”
เมื่อพูดจบ เธอเอื้อมมือผลักมือของเย่โม่เซินทันทีและเตรียมจะเดินออกจากที่นี่
แต่ท้ายที่สุดแล้วเย่โม่เซินจับข้อมือของเธอและกุมมือของเธอเดินตรงไปด้านหน้า
สีหน้าของหานมู่จื่อเปลี่ยนไป “นี่คุณจะทำอะไร? ปล่อยมือฉันนะ!”
“เย่โม่เซิน!!!”
ทุกคนที่เห็นต่างก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะผู้หญิงคนนั้นได้เรียกชื่อเต็มของเจ้านายออกมา?
หรือว่า……ทั้งสองจะรู้จักกันมาก่อน?
เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วหรือว่าทั้งสองจะรู้จักกันมาก่อนทุกคนต่างก็อยู่ในอาการที่ตกใจ
แล้วเมื่อกี้นี้เขาได้ใส่ร้ายผู้หญิงคนนั้นไปแล้วก็เกิดความกลัวขึ้นมาทันที ว่าจะมีผลกระทบต่องานเขารึเปล่า?
เมื่อคิดได้ทัน พนักงานทุกคนจึงเดินตามเขาไป
“เจ้านาย ฟังพวกเราอธิบายก่อน!”
“เย่โม่เซิน เธอมาที่นี่เพื่อมาหาฉันงั้นเหรอ?ถ้าไม่ใช่ก็ขอให้นายปล่อยมือฉันแล้วถ้าเกิดว่าใช่ก็ขอให้นายปล่อยมือฉันได้แล้ว ตอนนี้ฉันได้ยกเลิกสัญญากับคุณแล้ว หากนายมีเรื่องอะไรก็ไปคุยพูดคุยกับทนายความของฉันได้โดยตรง!”