บทที่446 ยังคงอีกยาวไกล ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา
เขาไม่เห็นด้วยกับการจงใจละเมิดสัญญา?
หานมู่จื่อนิ่งไปสักครู่หลังจากนั้นไม่นานนักก็ตอบสนอง กลับยิ้มหันมองไปทางเย่โม่เซิน
“คุณไม่เห็นด้วยกับการละเมิดสัญญา แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?”
เย่โม่เซินได้ยินดังนั้น ก็มองไปยังนัยน์ตาสีเข้มของเธอ “ไม่เกี่ยวข้องอะไร? ฉันเป็นลูกค้าของเธอ และฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการละเมิดสัญญานั้น เธอว่ามันไม่เกี่ยวข้องได้ยังไงกัน?”
“คุณ ก่อนอื่นคุณจำเป็นต้องเข้าใจก่อนว่า เรื่องละเมิดสัญญานั้นเป็นเรื่องของทางฉันฝ่ายเดียว ตามสัญญาฉันต้องจ่ายเงินตามจำนวนที่จำเป็นสำหรับการผิดสัญญาเท่านั้น นอกเหนือจากสัญญานี้ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ”
ได้ยินดังนั้น เย่โม่เซินก็พูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่เพียงจ้องมองไปที่เธอ
พริบตาเดียว เขากัดริมฝีปากก่อนจะเอ่ยถาม “นี่คิดจะจบความสัมพันธ์กับฉันอย่างนี้เหรอ? เธอละเมิดสัญญาและต่อไปฉันก็คงไม่คิดที่จะทำธุรกิจกับเธออีกต่อไปอย่างนั้นเหรอ”
หานมู่จื่อนิ่งไปสักครู่ “คุณ”
“ดูเหมือนว่าบริษัทพวกเธอยังมีนักออกแบบอีกมาก?” ตอนที่เย่โม่เซินพูดประโยคนี้เขาก็เลิกคิ้วขึ้น
หานมู่จื่อ“……”
คาดการณ์ผิดพลาดไปเสียแล้ว
เธอคิดไม่ถึงว่าเย่โม่เซินจะกล้าได้ถึงขนาดนี้
ปากของเธอสั่นเล็กน้อย พูดอะไรไม่ออก เย่โม่เซินกลับพูดต่อ “แล้วยังจะละเมิดสัญญาอยู่ไหม?หืม?”
“…คุณต้องการอะไรกันแน่?” หานมู่จื่อจนตรอก สายตาที่เยาะเย้ยของเธอจ้องมองไปยังเย่โม่เซินที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แม้ว่าตอนนี้เธอจะสวมรองเท้าส้นสูงอยู่ก็ตาม แต่ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอยังคงมีส่วนสูงที่สูงห่างจากเธอประมาณครึ่งศีรษะได้ ตอนที่พูดคุยกันนั้นเธอยังคงต้องเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อสบตาเขา และออร่าที่ดึงดูดของเขายิ่งเพิ่มแรงบีบคั้นสิ่งรอบข้างเข้ามาด้วย
“ฉันคิดจะเอายังไงงั้นเหรอ?” เย่โม่เซินหัวเราะออกมา สายตาคู่นั้นยั่วยวนไม่มีที่สิ้นสุด แต่ใบหน้านั้นดูเหมือนจะมีความมั่นใจที่มากเกินไปหน่อย เขาลดโทนเสียงต่ำลง “ฉันคิดจะเอายังไงเธอยังดูไม่ออกอีกเหรอ?”
รอบข้างเต็มไปด้วยเสียงอึกทึก แต่เสียงทุ้มต่ำของเย่โม่เซินนั้นยังคงดังเข้ามาในโสตประสาทของหานมู่จื่ออย่างที่ไม่มีสิ่งใดมากระทบเสียงนั้นได้ มันส่งผลโดยตรงต่อความคิดและการตัดสินของเธอ
เธอก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว กัดฟันแน่นและพูดว่า “กรุณาเคารพตัวเองหน่อยนะ ถ้าคุณทำแบบนี้ภรรยาคนนั้นที่อยู่ในครอบครัวของคุณรู้เข้า จะไม่มีความสุขเอานะ? ที่คุณทำแบบนี้ มันคู่ควรกับเธอไหม”
เย่โม่เซิน “???”
“แล้วก็ เวลาห้าปีที่ผ่านมานั้นทำให้คุณกลายเป็นคนที่ไร้ยางอาย ไม่สนใจความคิดของคนรอบข้างแล้วหรือไง?”
เห็นสายตาที่ผิดหวังของเธอแล้วนั้น เสียงเบื้องลึกในใจของเย่โม่เซินนั้นก็ได้ดังเตือนขึ้นมา
ดูเหมือนว่าเธอเองยังคงไม่ชัดเจนว่านี่เป็นเรื่องอะไรกันแน่
เย่โม่เซินเม้มปากบางนั้น พูดอย่างเย็นชา “ใครบอกเธอเรื่องที่ฉันมีภรรยาในครอบครัวแล้ว?”
หานมู่จื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย
ที่เขาพูดมานั้นมันหมายความว่าอะไร?
“ตลกเกินไปแล้วคุณเย่ ก็เป็นคุณเองที่บอกว่าคุณแต่งงานแล้ว”
“เอ่อ?” เย่โม่เซินพูดติดตลก “นี่เธอหึงฉันอยู่หรอ?”
หานมู่จื่อ:“……”
นี่มันเกี่ยวอะไรกับเธอล่ะ? เธอควบคุมอารมณ์โกรธของเธอเอาไว้ พูดเสียงเรียบ “คุณเย่ ฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการอีกนะคะ ไม่มีเวลาจะมีพูดเรื่องนี้กับคุณ”
“โอเค เชิญครับ ” เย่โม่เซินผายมือ “ยังคงอีกยาวไกล ฉันเย่โม่เซินมีเวลารอเธอ รอเธอจัดการกับเรื่องพวกนั้นเรียบร้อย ค่อยมาคุยเรื่องของเราต่อ”
หานมู่จื่อไม่สนใจเขา รถของลุงหนาน วิ่งเข้ามาพอดี ในครั้งนี้ เย่โม่เซินเองก็ไม่ทันตั้งตัว
ทันทีที่เห็นหานมู่จื่อก็เดินเข้ามาใกล้ ลุงหนานมองไปที่เย่โม่เซินแต่ไกล “คุณผู้หญิง ท่านไม่เป็นอะไรนะครับ?”
หานมู่จื่อส่ายหน้า “คุณลุงหนานไม่ต้องกังวลค่ะ ฉันไม่เป็นอะไร พวกเรากลับไปที่บริษัทเราก่อนเถอะ”
ว่าแล้วเธอก็พลางก้าวขึ้นรถไป แต่คุณลุงหนานกลับยังคงมองไปที่เย่โม่เซิน สายตานั้นมีพลังอย่างน่าพิศวงและยังคงมีความซับซ้อนอยู่ด้วย จากนั้นเขาก็ได้ขึ้นรถตามไป
รอจนรถได้วิ่งออกไป เย่โม่เซินพลางหยิบมือถือออกมาต่อสายหาเซียวซู่
“ช่วยฉันสืบที ทำไมหล่อนถึงไปอยู่กับคนของตระกูลหานได้?”
เมื่อเขารับสายนี้ เซียวซู่รู้สึกเอะใจเล็กน้อย เขาไม่ได้บอกเย่โม่เซินว่าหานมู่จื่ออยู่กับตระกูลหานและเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
แต่ทว่าไม่ทันได้รอบเขาตอบสนองกลับไป ฝั่งนั้นก็ได้วางสายไปเสียแล้ว ได้ยินเพียงแต่เสียงตู๊ดตู๊ดดังออกมาจากสายนั้น เซียวซู่ก็รู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
เอาเถอะ ต้อกลับมาใช้ชีวิตยุ่งๆอีกแล้วสิ
หานมู่จื่อกลับถึงบริษัท ไม่ได้คิดถึงเรื่องเครื่องแต่งกายนั้นต้องเริ่มแล้ว ในตอนที่เธอกำลังจะกลับไปที่ห้องทำงานนั้น กลับพบว่าจางยู่ได้ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องทำงาน ใบหน้าดูเหมือนว่ากำลังรอคอยอย่างรีบร้อน
ทันที่ที่เห็นเธอกลับมา หล่อนก็รีบวิ่งมา
“เธอกลับมาแล้วเหรอ”
หานมู่จื่อมองไปที่หล่อนแวบนึงอย่างช้าๆ พลางพยักหน้า จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไปในห้องทำงาน จางยู่นั้นก็ไม่ชักช้าเดินเข้าตามหลังเธอไปติดๆ
“มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ ถึงมาหาฉัน?” หานมู่จื่อถาม
จางยู่พยักหน้า ใบหน้าดูซีดเซียว
“ฉันไม่ได้ทำลายชุดที่เลิงเยาเยาออกแบบ”
ได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อก็เงียบไปสักครู่ พลางถอดเสื้อคลุมที่สวมใส่อยู่แขวนไว้ที่ราวแขวนเสื้อที่อยู่ด้านข้าง พลางหันกลับไปมองจางยู่ “ฉันไปบอกตอนไหนว่าเธอเป็นคนทำลาย?”
“เธอ เธอเชื่อฉันใช่ไหม? ” ริมฝีปากของจางยู่ค่อยๆเผยอออก ใบหน้าของหล่อนแทบไม่มีเลือดแล้ว หล่อนเม้มปากตัวเองลง “ไม่สิ เธอจะเชื่อฉันได้ยังไง? ก่อนหน้านี้ฉันเองแค้นเธอหลายต่อหลายครั้ง ”
หานมู่จื่อเดินไปที่โต๊ะทำงาน เตรียมที่จะอัพโหลดรูปที่เพิ่งถ่ายไปเมื่อสักครู่ลงในคอมพิวเตอร์ “พูดให้ชัดเจนหน่อย”
จางยู่โกรธจนแทบจะไม่ไหว กัดริมฝีปากพูด “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกหล่อน ฉันเพิ่งรู้เรื่องนี้ แต่พวกหล่อนกลับบอกว่าเป็นเพราะฉันอิจฉามากจนเกินไปก็เลยไปเอางานของเลิงเยาเยานั้นมาทำลาย! ฉัน ถึงแม้ว่าปกติแล้วฉันจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่…ฉันไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นได้ และก็ฉันเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง จะไปมีแรงจากไหนมาทำเรื่องแบบนั้น? ” จางยู่ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ ในใจก็รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม น้ำตาก็หยดไหลลงมา
“ใช่ ฉันโกรธ โกรธที่เธอให้ความสำคัญกับผลงานการออกแบบของเลิงเยาเยา แล้วผลงานของพวกเรามันไม่ดีตรงไหนล่ะ? เอาอะไรมาวัดว่าของหล่อนสามารถวางในห้องแสดงนิทรรศการนั่นได้ แม้ว่าในใจของฉันจะรู้สึกโมโห แล้วฉันเองก็คิดอยากที่จะทำเรื่องแบบนั้นอยู่ ฉันกลับไม่ได้ทำ ”
พอได้ฟังมาถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็พอที่จะเข้าใจความหมายของหล่อนแล้ว เธอค่อยๆเลื่อนดวงตาของเธอขึ้น มองไปบนใบหน้าของจางยู่
“เธอหมายความว่า เธอเองก็อยากที่จะทำอย่างนั้น?”
จางยู่ชะงักไปครู่หนึ่ง ร้องไห้พูดด้วยเสียงต่ำ “ใช่! ก็ฉันไม่อยากที่จะยอมแพ้ ฉันอยากจะทำอย่างนั้น! แต่ฉันไม่ได้ทำ! ผลงานที่หล่อนออกแบบไม่ใช่ฉันที่เป็นคนทำลาย แล้วทำไมฉันต้องไปยอมรับคำพูดให้ร้ายของคนอื่นที่ต่อว่าฉันด้วยล่ะ?”
ถึงตรงนี้แล้ว หานมู่จื่อถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้
“แล้วฉันบอกเหรอว่าเธอเป็นคนทำ?”
ได้ยินดังนั้น น้ำตาของจางยู่ก็หยุดไหล “หมายความว่าไง? ที่เธอพูดหมายความว่า…เธอไม่ได้สงสัยฉันงั้นเหรอ? ”
“ฉันต้องสงสัยว่าเธอทำอะไรล่ะ?” แววตาของหานมู่จื่ออ่อนลง “เธอออกไปก่อนเถอะ ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องจัดการ”
หล่อนร้องไห้ต่อหน้าเธอต่อไป มันจะส่งผลต่อความคิดของเธอ และทำลายแนวความคิดทั้งหมดของเธอด้วย
จางยู่มองไปที่เธอกระพริบตาอยู่สักพัก ถึงตอบกลับ “ฉันนึกว่าเธอจะเหมือนทุกคนเสียอีก จะต้องสงสัยในตัวฉันเป็นแน่ ไม่คิดว่าเธอจะ…”
“เธอออกไปก่อนเถอะ ถ้าไม่ว่าอะไร ช่วยเรียกเสี่ยวเหยียนมาหาฉันด้วย”
“โอเค!” จางยู่รีบพยักหน้าหลังจากนั้นก็กลับหลังและเดินออกไป
หลังจากหล่อนออกไปได้ไม่นานเท่าไหร่ เสี่ยวเหยียนก็เข้ามา
“มีอะไรหรือเปล่า? จางยู่ร้องไห้จนตาแดงไปหมดแล้ว หล่อนคงไม่ได้หาเรื่องมาให้เธออีกใช่ไหม? ”