บทที่ 454 แค่พูดขอบคุณไม่มีประโยชน์
เสี่ยวเหยียนกับเลิงเยาเยานั่งมองเหตุการณ์อยู่ตรงนั้น ทั้งสองตกใจจนหน้าซีดเผือด เบิกตาโตอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อ
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วเกินไป หานมู่จื่อ ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าส้นรองเท้าเธอจะหักในตอนนี้ รอบๆ ก็ไม่มีที่ให้เธอจับ ตัวของเธอจึงล้มลงไปด้านข้างอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เธอคิดไปจนถึงกระทั่งว่าจะกระทบโดนหัวตัวเองหรือเปล่า เธอเอามือขึ้นมาจับหน้าและหัวของตัวเอง
มือของเธอขยับได้ครู่หนึ่ง มันก็ถูกคนใช้แรงจับ
วินาทีต่อมา ทั้งตัวของเธอก็ล้มลงไปในอ้อมอกของเย่โม่เซิน
“…” หลังจากที่เสี่ยวเหยียนและเลิงเยาเยาตกใจ ทั้งสองแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา ราวกับกดปุ่มหยุดชั่วคราวอย่างไรอย่างนั้น
หานมู่จื่อ นึกว่าตัวเองจะล้มหัวแตกไปแล้ว แต่เธอกลับไม่เจ็บแม้แต่น้อย ทว่าเธอล้มลงไปในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น เธออยู่ในอ้อมอกของเย่โม่เซินที่มีรังสีความเป็นชายอันแข็งแกร่งโดยไม่ต้องพยายามทำอะไรเลย มือที่เคยจับข้อมือของเธอเอาไว้เปลี่ยนมาเป็นจับที่เอวของเธอ มือข้างหนึ่งของเขาจับคางของเธอแล้วบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” เสียงของเขาดูร้อนรน สีหน้าซีดเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะตกใจไม่น้อย
หานมู่จื่อยังตกใจไม่หาย หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา เธอส่ายหน้าไปมา
“ฉัน ฉันไม่เป็นไร”
เย่โม่เซินมองอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ยื่นมือออกไปแล้วกอดเธอเข้ามาในอ้อมอก
พรึ่บ!
พอดีกับที่บนเวทีตรวจสอบแสงไฟ ไฟตรงที่นั่งของผู้ชมถูกปิดลงอีกครั้ง บรรยากาศโดยรอบตกอยู่ในความมืดสนิท
บรรยากาศโดยรอบเงียบสนิท เงียบจนขนาดที่ หานมู่จื่อได้ยินเพียงเสียงเต้นของหัวใจตัวเองและเสียงเต้นของหัวใจอีกฝ่าย
เธอโดนเย่โม่เซินกอดแน่น เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ไม่นานเขาก็กอดเธอจนมิด เขายิ่งกอดเธอแน่นขึ้น แรงของเขาแทบจะทำให้กระดูกของเธอหัก
แต่ทว่า ไม่รู้ว่าทำไม หานมู่จื่อ ถึงไม่ผละออกจากเขา
อีกทั้ง ณ เวลานี้ จู่ๆ เธอก็สัมผัสได้ถึงความประหม่าที่เย่โม่เซินมีต่อเธอ
เมื่อครู่ตอนที่เขารู้ตัวเอง ใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย มันแสดงว่าเขากำลังประหม่า
เสียงดนตรีดังขึ้นมา เป็นเสียงระฆังอันแสนเศร้า มันดังทีละจังหวะเหมือนกำลังกระแทกใจของ หานมู่จื่อ
อยู่ๆ คนที่กอดเธออยู่ก็นิ่งไป ผ่านไปสักพักเขาก้มหน้าลง เหมือนกับริมฝีปากของเขากำลังจูบลงบนกลุ่มผมของหญิงสาว
สัมผัสที่ชัดเจนทำให้ความรู้สึกของ หานมู่จื่อ ชัดเจนขึ้นในทันที ทันใดนั้นสติของเธอก็กลับมา เธอพบว่าตัวเองยังอยู่ในอ้อมกอดของเย่โม่เซิน เมื่อคิดถึงคำพูดที่เขาพูดกับเธอก่อนหน้านี้ เธอทำได้เพียงผละออกจากอ้อมกอดของเขา
“ขอบคุณค่ะคุณเย่โม่เซิน”
หานมู่จื่อ นั่งลงบนที่นั่งของตัวเอง จิตใจของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จากนั้นเธอก็พบกับความเสียใจซึ่งก็คือส้นรองเท้าของเธอหักจริงๆ
เป็นไปได้อย่างไร รองเท้าที่ซื้อครั้งนี้คุณภาพมันแย่ขนาดนี้เลยเหรอ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อเม้มปาก เมื่อครู่ตอนที่ส้นรองเท้าเธอหักจนไม่รู้จะทำอย่างไร เสียงทุ้มต่ำของเย่โม่เซินก็ดังอยู่ที่ข้างหูของเธอ
“คำขอบคุณที่พูดเปล่าๆ มันไม่มีประโยชน์หรอกนะ”
ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดใบหู หานมู่จื่อ ขมวดคิ้วอยู่ท่ามกลางความมืด
เธอกัดริมฝีปากล่าง ทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เย่โม่เซินพูด
หลังจากนั้นกิจกรรมบนเวทีก็เริ่มขึ้น ผู้ชมยังคงอยู่ท่ามกลางความมืด ทุกคนต่างก็นั่งกันอย่างเงียบๆ คนที่นั่งอยู่ข้าง หานมู่จื่อ อย่างเสี่ยวเหยียนและเลิงเยาเยาก็ตกใจ ดังนั้นพวกเธอจึงนิ่งไม่พูดอะไรออกมา
ถ้า หานมู่จื่อ ไม่รู้ว่าพวกเธอนั่งอยู่ข้างๆ เธอคงคิดว่าตัวเองมางานนี้คนเดียวซะอีก!
เวลาค่อยๆ ผ่านไป การแสดงเปิดงานสิ้นสุดลง สถานที่แสดงกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง เธอคาดคะเนเวลาอยู่ในใจ ในตอนนี้ หลินซิงหั่ว กับ จ้าวยี่หรู น่าจะใกล้ขึ้นเวทีแล้ว
ฝ่ายแบรนด์สินค้าจัดให้พวกเธอสองคนขึ้นเวทีพร้อมกัน เพราะฉะนั้นอีกสักพักน่าจะมีอะไรสนุกๆ ให้ดู
หานมู่จื่อ หันไปมองเสี่ยวเหยียนอย่างอดไม่ได้
วันนี้เธอจะมาดูความขายหน้าของ จ้าวยี่หรู แต่สิ่งที่เธอรู้มาคือชุดนั้นถูกซื้อไปและส่งมาให้ จ้าวยี่หรู ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมเรื่องนี้มันกลับตาลปัตรแบบนี้
แต่ว่าคืนนี้เสี่ยวเหยียนคงจะต้องผิดหวังแล้วล่ะ
เสียงเพลงประกอบดังขึ้น จ้าวยี่หรู กับ หลินซิงหั่วค่อยๆ เดินขึ้นมาบนเวทีคนละฝั่ง
เพื่อที่จะให้เข้ากับกระโปรงอันระยิบระยับของ หลินซิงหั่ว ฝ่ายแบรนด์สินค้าจึงนำสินค้าสุดพิเศษในปีนี้ให้กับ หลินซิงหั่ว ส่วน จ้าวยี่หรู นั้นก็ได้สินค้าตามที่ได้กำหนดไว้แต่แรก
ภายใต้แสงไฟ จ้าวยี่หรู กับ หลินซิงหั่ว ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หานมู่จื่อ เห็นชุดที่อยู่บนตัวของ จ้าวยี่หรู สีของมันราวกับท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ซึ่งแตกต่างจากชุดสีฟ้าราวกับท้องฟ้าที่ประดับด้วยดวงดาวของ หลินซิงหั่ว อย่างสิ้นเชิง
แต่ทว่าแม้จะพูดว่าต่างกันแต่วิธีใช้มันก็เหมือนกัน
ขณะนั้นเอง เสียงดังสนั่นก็ดังขึ้นมาจากข้างๆ
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเสียงลุกพรวดจากที่นั่งคนดูของเสี่ยวเหยียน เธอมองชุดที่อยู่บนตัวของ จ้าวยี่หรู อย่างร้อนรน ตาของเธอเป็นประกาย ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้
“ใครน่ะ จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาทำไมกัน” เสียงบ่นดังขึ้นมาจากข้างหลัง หานมู่จื่อ รีบดึงเสี่ยวเหยียนให้นั่งลง
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนนั่งลง เธอรู้สึกน้อยใจมาก เธอพลิกมือจับแขนของ หานมู่จื่อ แน่น โกรธจนกัดฟันกรอด “มู่จื่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมชุดนั้น…”
หานมู่จื่อ รู้ตั้งแต่ที่ หลินซิงหั่ว บอกแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอยังคงนิ่งแล้วพูดเบาๆ ว่า “เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าสงสัยก็รอให้งานจบแล้วค่อยพูดล่ะกัน”
เสี่ยวเหยียนโมโหจนไม่รู้จะทำอย่างไร แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่ หานมู่จื่อ พูด เธอก็สะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ แต่เธอไม่มีอารมณ์แม้แต่จะนั่งต่อไปอีกแล้ว
หานมู่จื่อ รู้ว่าตอนนี้ในใจของเธอคงขุ่นมัว แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้ ไม่มีวิธีที่จะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงอะไรอีกแล้ว เธอทำได้พูดเสียงเบาๆ ว่า “อย่าโมโหเลย ถ้ามีเรื่องอะไร อีกสักพักเราค่อยคุยกัน”
จนกระทั่งงานจบ ไฟรอบๆ ถึงสว่างขึ้น เพราะว่ามีขั้นตอนของการสัมภาษณ์
สื่อและนักข่าวจากหลายสำนักถามคำถามทั้งสองคนที่อยู่บนเวที จากนั้นก็ถ่ายภาพกันห้านาที
เสี่ยวเหยียนใช้ช่วงที่กำลังชุลมุน พูดออกมาอย่างหงุดหงิดว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ชุดนั้นมันถูกซื้อมาแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงอยู่บนตัวเธอได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มู่จื่อ!”
หานมู่จื่อ นึกถึงเรื่องที่ หลินซิงหั่ว พูดกับเธอได้ ดังนั้นเธอก็เลยพูดให้เสี่ยวเหยียนฟัง
“เรื่องมันก็ประมาณนี้แหละ ส่วนเรื่องอื่นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“อะไรกัน เป็นไปไม่ได้หรอก หานชิงซื้อชุดนั้นมาแล้วนี่ อย่าบอกนะว่าหานชิงเป็นคนส่งให้หล่อน ทำไมสายตาของเขาถึงแย่ขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าจะส่งชุดนั้นให้กับ จ้าวยี่หรู”
หานมู่จื่อ:“ไม่ใช่เขา เรื่องนี้มันซับซ้อนเล็กน้อย เราดูก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
แม้ว่าเสี่ยวเหยียนจะโมโห แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้อีก เธอคิดด้วยความกลุ้มใจ ถ้าหานชิงเอาชุดนั้นไปให้ จ้าวยี่หรู งั้นต่อจากนี้เธอจะไม่มองเขาเป็นเทพบุตรอีกต่อไปแล้ว
เทพบุตรไม่มีทางทำเรื่องไร้คุณธรรมแบบนี้!
อีกทั้งตอนนี้การสัมภาษณ์บนเวทีได้เริ่มขึ้นแล้ว
อาจจะมีคนอยากมีเรื่องหรืออย่างไร ถึงได้ถามคำถามที่ยั่วโมโห จ้าวยี่หรู
“คุณจ้าว ฉันได้มาว่าการที่คุณได้ออกงานแถลงข่าวสินค้าใหม่ในวันนี้ ก็เพราะว่าคุณชอบสินค้าพวกเพชรอะไรแบบนี้ แต่ว่าถ้าคุณชอบขนาดนี้ แล้วทำไมคุณถึงสวมชุดที่เป็นสินค้าเลียนแบบออกงานล่ะคะ”