บทที่ 466 เย่โม่เซินผู้ชายสวะ
เสี่ยวเหยียน “ให้ตายเถอะ เธอรู้ได้ยังไง”
“คืนนั้นเธอไปหาฉันที่นั่น ฉันจะจำไม่ได้เหรอว่าเธอแต่งตัวยังไง แต่ว่า…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของ หลินซิงหั่ว ก็เคร่งขรึมขึ้น “มีเรื่องหนึ่งที่ฉันจำเป็นต้องคุยกับเทพธิดาของฉันให้ชัดเจน”
“เรื่องอะไร” เสี่ยวเหยียนถามด้วยความอยากรู้
หลินซิงหั่ว แสดงความเคร่งเครียดออกมา “เรื่องนี้ฉันต้องคุยกับ หานมู่จื่อ เท่านั้น”
พูดจบเธอจึงเดินผ่านเสี่ยวเหยียนเข้าไปหาหานมู่จื่อในห้องทำงาน
หลังจากที่เห็นขอบตาคล้ำขนาดใหญ่ของหานมู่จื่อ เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ
“เทพธิดา นี่มันเกิดอะไรขึ้น” หลินซิงหั่ว จ้องขอบตาคล้ำของหานมู่จื่อ แล้วถามออกมาอย่างตกตะลึง
“เรียกฉันว่ามู่จื่อก็ได้” หานมู่จื่อ มอง หลินซิงหั่ว ที่จู่ๆ ก็เข้ามาอยู่ในห้องทำงานของเธอ นี่มันนักแสดงภาพยนตร์หญิงไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงมีเวลาว่างมาหาเธอถึงห้องทำงานในเวลาแบบนี้ได้ล่ะ
“มู่จื่อ!” หลินซิงหั่ว กอดแขนของเธอ “ฉันเห็นแล้ว!”
“เห็นอะไร”
“ประธานบริษัทตระกูลเย่อุ้มเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะปกปิดใบหน้า แต่แวบเดียวฉันก็จำเธอได้”
ได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อ อึ้งไป จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมา
ใช่สิ ถึงแม้วันนั้นเธอจะปกปิดหน้า แต่คนที่รู้จักเธอจะดูไม่ออกได้อย่างไร เมื่อคิดได้เช่นนี้ สีหน้าของเธอก็ไม่ค่อยดี
หลินซิงหั่ว กระแอมออกมา จากนั้นสีหน้าของเธอก็เคร่งขรึมขึ้น “ฉันอยากบอกเธอว่า ข่าวในอินเทอร์เน็ตมันแพร่กระจายเร็วมาก ตอนนี้ทุกคนกำลังหาว่าผู้หญิงลึกลับคนนั้นเป็นใคร ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีเบาะแสใดๆ แต่ไม่แน่เธออาจจะถูกคนจับได้”
หานมู่จื่อ:“……”
เธอรู้มาตลอดว่าข่าวบนอินเทอร์เน็ตแพร่กระจายเร็วมาก หลินซิงหั่วจำเธอได้ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่สามารถทำได้
อีกอย่างคนที่นั่งข้างเธอในคืนนั้นมีเยอะมาก อีกอย่างเธอก็ออกไปสักพักด้วย
“ที่เธอมาวันนี้เพื่อมาบอกเรื่องนี้กับฉันเหรอ”
“อื้ม มาเตือนเธอให้ระวังตัวหน่อย เตรียมการเอาไว้ก่อน แต่ว่ามีเรื่องสำคัญกว่านั้นที่ฉันจำเป็นต้องบอกเธอ”
หานมู่จื่อ:“เรื่องอะไร”
หลินซิงหั่ว สะกิดนิ้วไปมา ใบหน้าสวยเหมือนกำลังกลุ้มใจ “ฉันยังคิดไม่ตกเลยว่าจะบอกเธอดีไหม”
ประโยคนี้ทำให้ หานมู่จื่อ หงุดหงิดเล็กน้อย “คิดไม่ตกงั้นเธอก็กลับไปก่อน ครั้งหน้าค่อยมาบอกฉัน”
“ไม่ได้!”
หลินซิงหั่ว พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เธอเป็นเทพธิดาของฉันเลยนะ ฉันบอกเธอดีกว่า อีกอย่างฉันคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมกับเธอ”
ไม่ยุติธรรมงั้นเหรอ เรื่องอะไรกันแน่ หานมู่จื่อ รู้สึกแปลกใจกับคำพูดของเธอ
“อันที่จริง ลูกค้าที่ฉันแนะนำให้เธอก่อนหน้านี้ เธอยังจำได้ไหม” หลินซิงหั่ว กัดริมฝีปากล่างแล้วพูดอธิบายด้วยเสียงเบา “จริงๆ แล้วเธอเป็นญาติของบ้านฉัน อายุน้อยกว่าฉัน เธอศรัทธาในตัวฉันที่สามารถเป็นนักแสดงได้ แต่ว่าแม่ของเธอไม่เห็นด้วยกับการเข้าวงการบันเทิง ดังนั้นเธอก็เลยเข้าเรียนมหาวิทยาลัยทำตัวเป็นผู้หญิงที่ว่านอนสอนง่าย”
เมื่อ หานมู่จื่อ ได้ฟังก็เอาแต่ขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา เธอคิดว่า หลินซิงหั่ว คงจะไม่ได้พูดถึง หลินชิงชิง ขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุหรอก เธอจึงพยักหน้าตอบรับ “อื้ม จำได้”
“เดิมเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าฉันไม่เห็นคุณชายเย่ของบริษัทตระกูลเย่อุ้มเธอในงานแถลงข่าวพอดี ฉันคงไม่มาบอกเรื่องพวกนี้กับเธอ”
“เธอจะพูดอะไรกันแน่” หานมู่จื่อ จ้องเธออย่างขำๆ
“สิ่งที่ฉันจะพูดก็คือลูกพี่ลูกน้องของฉันกำลังเดตกับเย่โม่เซิน!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของ หานมู่จื่อ ชะงักลง หลินซิงหั่ว กัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างลำบากใจ
“ในสายตาของฉันเทพธิดาเป็นสิ่งที่สำคัญและสูงส่ง เกินกว่าใครจะมาทำให้แปดเปื้อน เดิมทีถ้าเธอกับเย่โม่เซินได้คบกัน ฉันก็ดีใจกับพวกเธอ แต่ว่า…เขาคือผู้ชายสวะ!”
“ผู้ชายสวะงั้นเหรอ” มุมปากของ หานมู่จื่อ กระตุกเบาๆ
“ใช่! เขาเดตกับลูกพี่ลูกน้องของฉันอยู่แท้ๆ แต่กลับไปอุ้มเธอในงานแถลงข่าว ถ้าเป็นที่ส่วนตัวก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มันในงานแถลงข่าวนะ ฉันกับจ้าวยี่หรู ก็อยู่ในงานด้วย ฉันไม่ได้จะอวดตัวเองหรืออะไรนะ แต่ฉันกับ จ้าวยี่หรู มีชื่อเสียงมากในประเทศ วันนั้นมีคนที่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก จู่ๆ ก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ฉันคิดว่าเขาเปิดเผยตัวเธอต่อสาธารณชนแล้ว เพราะฉะนั้น…”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น เหมือน หานมู่จื่อ จะเข้าใจสิ่งที่ หลินซิงหั่ว ต้องการจะสื่อแล้ว ไม่คิดว่ายัยเด็กคนนี้จะตั้งใจมาถึงที่นี่เพื่อมาบอกเรื่องนี้กับเธอ เมื่อคิดได้เช่นนั้น หานมู่จื่อ จึงยิ้มบางๆ ออกมาแล้วพยักหน้า
“ฉันเข้าใจแล้ว”
“คะ แค่นี้เหรอ” หลินซิงหั่ว มองเธออย่างอึ้งๆ ราวกับไม่เชื่อว่าอารมณ์ของเธอในตอนนี้จะนิ่งถึงเพียงนี้
“อื้ม?”
“ฉันหมายความว่า เธอไม่เสียใจเหรอ เพราะคุณชายเย่อุ้มเธอ ทำให้เธอนอนไม่หลับจนตาคล้ำหมดแล้ว อย่าบอกนะว่าไม่ใช่เพราะตื่นเต้น”
หานมู่จื่อ:“ใครบอกเธอว่าฉันตื่นเต้นเพราะถูกเขาอุ้ม”
เมื่อก่อนตอนที่คบกันผู้ชายคนนั้นอุ้มเธอไม่รู้ต่อกี่ครั้ง อีกอย่างระหว่างเราก็มีเรื่องที่ลึกซึ้งกว่านั้นแล้ว เธอจะไปตื่นเต้นจนนอนไม่หลับกับการที่ถูกเขาอุ้มแค่ครั้งเดียวไปทำไมกัน
การที่เธอนอนไม่หลับก็เพราะเรื่องการแต่งงานของเธอกับเขายังคงอยู่
นี่มันเป็นเรื่องที่เธอยอมรับไม่ได้
“โอเค ดูเหมือนว่าฉันจะยุ่งเรื่องส่วนตัวมากไปแล้ว แต่ว่าคุณเทพธิดาก็ต้องระวังตัวนะ เฉินเฟย รอฉันอยู่ข้างล่าง ฉันไปก่อนนะ อ้อ ลูกพี่ลูกน้องของฉันไม่ใช่คนดีอะไร เธอต้องระวังไว้ด้วยนะ”
เมื่อ หลินซิงหั่วกลับไป หานมู่จื่อ ถึงมาคิดถึงปัญหานี้อย่างจริงจัง เธอพูดไม่ผิดว่าชาวเน็ตจะต้องขุดคุ้ยตัวตนของเธอออกมาได้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ความเครียดฉายออกมาทางแววตาของเธอ
บ่ายวันเดียวกัน หานมู่จื่อ ใช้วิธีที่ตามแบบแผน เธอลบข้อมูลการจำหน่ายที่เกี่ยวข้องกับตัวเองออกทั้งหมด ข่าวเรื่องหญิงลึกลับในอินเทอร์เน็ตก็เริ่มน้อยลงมากแล้ว หานมู่จื่อ รู้สึกโล่งใจเมื่อไม่ค่อยเห็นสิ่งที่ไม่เข้าตาอีกแล้ว
แม้ว่าเรื่องของเธอกับเย่โม่เซินจะวุ่นวายเป็นอย่างมาก แต่ว่ายังไงชีวิตต้องดำเนินต่อไป เธอจะไม่ยอมให้เรื่องการหย่ามาทำให้การใช้ชีวิตของเธอตกต่ำไปเรื่อยๆ
เจ้าของห้องที่เธอเคยติดต่อก่อนหน้านี้โทรมาหาเธอ แล้วถามว่าเธอยังอยากไปดูห้องนั้นอีกหรือเปล่า
แน่นอนว่าเธออยากซื้อห้องในพื้นที่ตรงนั้น แต่ก่อนหน้านี้เพราะการยกเลิกสัญญากับเย่โม่เซิน ก็เลยต้องระงับเรื่องนี้เอาไว้ก่อน แต่พอมาคิดดูตอนนี้ การยกเลิกสัญญากับเย่โม่เซินคงจะทำไม่ได้แล้ว แต่ถ้าหลังจากนี้จำเป็นต้องใช้เงินล่ะ
ขณะที่ หานมู่จื่อ กำลังคิด ฝ่ายเจ้าของห้องคงจะรอจนรอไม่ไหวแล้ว จึงเอ่ยถามออกมาตรงๆ “เรื่องมันเป็นแบบนี้ ที่บ้านของฉันมีเรื่องนิดหน่อยจึงจำเป็นต้องใช้เงิน เพราะฉะนั้นถ้าคุณชอบห้องนี้จริงๆ ไม่งั้นคุณมาดูห้องวันนี้เลย คุณวางใจเถอะ เราสามารถคุยเรื่องราคากันได้จนกว่าจะพอใจ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานมู่จื่อ ก็รู้สึกใจเต้น นี่อีกฝ่ายกำลังพูดว่าจะลดราคาให้งั้นเหรอ งั้นเธอต้องไปดูอย่างแน่นอน
เพราะช่วงนี้ไม่มีออเดอร์เธอจึงไม่ยุ่ง เลยถือโอกาสออกจากบริษัทก่อนเวลา จากนั้นจึงพาเสี่ยวเหยียนออกไปรับเสี่ยวหมี่โต้วที่โรงเรียนแล้วไปดูห้องด้วยกัน