บทที่472 ผู้หญิงของฉัน ใครกล้าแตะ
“แต่หนูยังเด็กอยู่……” เสี่ยวหมี่โต้วทำหน้าน้อยใจ “และผมมีเพียงหม่ามี๊รักเท่านั้น”
เมื่อได้ยินเข้า รอยยิ้มบนใบหน้าของหานมู่จื่อก็หยุดชะงัก
เป็นหัวข้อนี้อีกแล้ว เธอลูบหัวของเสี่ยวหมี่โต้วเบาๆ พูดเสียงเบา “รออีกหน่อย ให้เวลาหม่ามี๊อีกหน่อย หม่ามี๊จะหาพ่อให้หนูแน่นอน”
“คำไหนคำนั้นนะหม่ามี๊”
โทรศัพท์สั่นเล็กน้อย หานมู่จื่อเหลือบมองไป เป็นข้อความจากเย่โม่เซิน
“หม่ามี๊ โทรศัพท์ของหม่ามี๊กำลังดังอยู่” เสี่ยวหมี่โต้วบอกใบ้ให้ จากนั้นก็จะลุกขึ้นไปช่วยเธอเอาโทรศัพท์มือถืออย่างเอาอกเอาใจ สีหน้าของหานมู่จื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบจับแขนเล็กๆของเสี่ยวหมี่โต้วไว้ “เสี่ยวหมี่โต้ว เวลาดึกแล้ว หนูรีบเข้านอนเร็ว เด็กๆนอนดึกเกินไปไม่ได้”
“ออ นั้นก็ได้!” เสี่ยวหมี่โต้วถึงได้พยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็นอนลงข้างๆเธอ หลับตาอย่างเชื่อฟัง พยายามนอนให้หลับ
หลังจากนั้นไม่นาน การหายใจของเขาก็ค่อยๆสม่ำเสมอแล้ว ในที่สุดหานมู่จื่อ ก็หายใจโล่งอก จึงได้ค่อยๆหยิบโทรศัพท์เข้ามา จากนั้นปรับโทรศัพท์มือถือเป็นโหมดปิดเสียง หลังนั้นแน่ใจแล้วว่า จะไม่รบกวนถึงเสี่ยวหมี่โต้ว เธอถึงได้เปิดข้อความ
เป็นข้อความ WeChat ที่เย่โม่เซินส่งมา
{เรื่องได้จัดการเรียบร้อยแล้ว คุณจะขอบคุณฉันอย่างไร}
เมื่อเห็นข้อความนี้ หัวของหานมู่จื่อเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม นายคนนี้ผิดปกติหรือเปล่า? จัดการเรื่องเรียบร้อยแล้ว ยังจะมีหน้ามาให้เธอขอบคุณ? ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเขา จะเกิดเรื่องเยอะแยะแบบนี้หรือ?
หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบนกลางในอากาศ จากนั้นก็พิมพ์สะกดทีละคำ
{คุณชายเย่ ถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำที่น่าทึ่งของคุณ ฉันจะไม่ถูกคนอื่นขุดคุ้ยเลย และบริษัทก็จะไม่โดนแฉโพยด้วยซ้ำ ใครจะไปรู้ว่า ต่อไปฉันจะโดนทำร้ายหรือเกิดอันตรายถึงชีวิตหรือเปล่า}
ข้อความส่งไปไม่นาน ทางนั้นก็ส่งกลับมาทันที
{ผู้หญิงของฉัน ใครจะกล้าแตะ?}
“……”
ตอนที่หานมู่จื่อเห็นประโยคนี้ หัวใจสะดุดเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกหมดคำพูดอย่างรวดเร็ว
เธอไม่อยากสนใจเขา จึงวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆเสียเลย
จากนั้นก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน เมื่อเธอกลับมาเตรียมที่จะเข้านอน เห็นว่าหน้าจอยังสว่างอยู่ เย่โม่เซินส่งข้อความ WeChat ให้เธออีก
{ฉันจะส่งคนไปปกป้องความปลอดภัยของคุณ จะไม่คุณได้รับอันตราย}
เมื่อได้ยินเขาบอกว่า จะส่งคนมาปกป้องความปลอดภัยของตัวเอง หานมู่จื่อถึงได้รู้สึกว่า เขาก็ไม่ได้ไร้น้ำใจมากขนาดนั้น แต่ก็ยังคงไม่อยากสนใจเขา ปิดโทรศัพท์แล้วก็เข้านอนเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อหานมู่จื่อมาถึงบริษัท ก็เตรียมตัวพร้อมที่จะโดนหลินชิงชิง หาเรื่อง
เป็นน่าแปลกก็คือ เธอรอมาทั้งเช้า หลินชิงชิงก็ไม่ได้ปรากฏตัว
พูดตามเหตุผล เมื่อวานเธอกำเริบเสิบสานมากขนาดนั้น วันนี้น่าจะมาตรงเวลา ถึงจะถูก ทำไมจนจะถึงเที่ยงแล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่เงา?
หานมู่จื่อไม่สามารถระงับความสงสัยในใจได้ ส่งข้อความถึงหลินซิงหั่ว
หลินซิงหั่วเป็นนักแสดงหญิง แต่ละวันนอกเหนือจากการถ่ายละครแล้ว ยังต้องวิ่งงานอีเว้นท์ต่างๆด้วย ดังนั้นจึงงานยุ่งมาก เวลาที่ว่างออกมา อาจจะเหนื่อยมากจนแค่หลับตาก็นอนหลับไปทันทีเลย และหลินซิงหั่วยังเป็นคนที่มีนิสัยประมาทไม่มีเล่ห์เหลี่ยม จึงมักจะเผลอหลับไปขณะแต่งหน้า
อย่างเช่นตอนนี้ เธอเพิ่งจะถ่ายละครตอนหนึ่งเสร็จ เหนื่อยมากจนล้มเซ นอนลงบนโซฟาแล้วหลับไปเลย
เฉินเฟยตรงไปตบที่หน้าเธอเบาๆ “นอนไม่ได้ ลุกขึ้นมาเช็ดเครื่องสำอางก่อน แล้วค่อยนอน”
“ไปให้พ้น!” หลินซิงหั่วเตะต่อยเฉินเฟย ไม่ยั้ง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าจะนอน เช็ดเครื่องสำอางอะไรกัน ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว……”
เฉินเฟยหมดวิธี เลยส่งสายตาให้กับผู้ช่วย จากนั้นผู้ช่วยก็ส่งน้ำยาล้างเครื่องสำอางและสำลีทำความสะอาดมาให้อย่างรวดเร็ว เฉินเฟยนั่งข้างๆ เช็ดเครื่องสำอางให้ หลินซิงหั่วอย่างมีความอดทน
“วันนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้วใช่ไหม?” หลินซิงหั่ว ถามอย่างเหนื่อยล้า
เฉินเฟยดูท่าทางที่เหนื่อยล้าของเธอ หลังจากเช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาออก ขอบตาดำมองเห็นได้ชัดเจน เขาดูแล้วรู้สึกทะนุถนอมยิ่งนัก แต่ก็ช่วยไม่ได้ งานพรีเซ็นเตอร์ได้รับมาแล้ว จึงพูดว่า “คุณสามารถนอนหลับอย่างสบายใจได้ห้าชั่วโมง กลางคืนยังมีงานอีเว้นท์หนึ่ง อยากให้คุณเข้าร่วม”
เมื่อหลินซิงหั่วได้ยินแล้ว แกล้งตายทำเป็นไม่ตอบโดยตรง
ติ๊กๆ—
โทรศัพท์ดังขึ้นสองครั้ง เป็นเสียงเตือนของ WeChat
เธอไม่ไปเอาแน่นอน ขณะที่เฉินเฟยช่วยเธอเช็ดเครื่องสำอาง พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มาดู
“น้องสาวลูกพี่ลูกน้องของคุณบอกว่า วันนี้งานเลี้ยงของครอบครัว ถามว่าคุณจะกลับไปไหม?”
“ปฏิเสธ” หลินซิงหั่วพูดอย่างเย็นชาทันที “ไม่เห็นหรือไง ว่าฉันเหนื่อยเหมือนหมาแล้ว?”
เฉินเฟยช่วย หลินซิงหั่วตอบกลับอย่างสุภาพ แล้วกลับหน้าหลักไปอ่านอีกข้อความหนึ่ง
“ฮืม ข้อความที่สองนี้ ส่งมาจากเทพธิดาของคุณเลยนะ คุณเดาว่าเธอส่ง……”
คำว่า อะไร ยังไม่ได้พูดเลย หลินซิงหั่ว ที่เป็นเหมือนปลาตายในเมื่อครู่ ตอนนี้ได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันที จากนั้นก็แย่งโทรศัพท์จากเฉินเฟย มองโทรศัพท์ตอบกลับข้อความด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ท่าทางที่เธอถือโทรศัพท์ไว้ ทำให้เฉินเฟยอดไม่ได้ที่จะพูดแขวะเธอ
“ถ้าไม่ว่ารู้จักคุณดี ท่าทางของคุณแบบนี้ จะทำให้ฉันคิดว่ารสนิยมทางเพศของคุณผิดปกติจริงๆ”
เมื่อได้ยินเข้า หลินซิงหั่วหัวเราะเยาะเบาๆ แล้วมองเขาตาขวาง “คุณจะไปรู้อะไร มู่จื่อเป็นไอดอลของฉันเลยนะ เข้าใจหรือเปล่า!”
จากนั้นเธอก็ส่งข้อความกลับไปให้หานมู่จื่ออย่างมีความสุข
ดิงดอง—
ตอนที่หานมู่จื่อได้รับข้อความของหลินซิงหั่ว เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว หลินซิงหั่ว ส่งสติ๊กเกอร์ร้องไห้ก่อน อธิบายว่าก่อนหน้านี้ตัวเองกำลังถ่ายละครอยู่ เลยไม่ได้เห็นข้อความ ดังนั้นถึงได้ตอบกลับในตอนนี้
หลังจากที่หานมู่จื่อตอบกลับมาว่าไม่เป็นไร หลินซิงหั่วจึงได้บอกกับเธอว่า วันนี้หลินชิงชิงกลับไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำของครอบครัวแล้ว อาจจะอยู่บ้านทั้งวันเลย
หลังจากนั้นหลินซิงหั่วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เลยถามหานมู่จื่อโดยตรงว่า หลินชิงชิง ไปหาเรื่องเธอใช่ไหม?
หลินซิงหั่วคนนี้ ดูเหมือนจะไร้เล่ห์เหลี่ยม แต่ตอนที่ควรมีสติ เธอก็เป็นคนเฉลียวฉลาดยิ่งนัก เรื่องแบบนี้ปกปิดเธอไม่ได้หรอก เลยยิ้มเล็กน้อยแล้วยอมรับ
{ฉันรู้อยู่แล้ว ฉันบอกกับคุณตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเธอไม่ใช่คนดี เป็นไปตามคาดเธอไปหาเรื่องคุณแล้วใช่ไหม? อ๋อ เทพธิดา คุณต้องระวังหน่อย ฉันรู้สึกว่าเธอมีความร้ายกาจเล็กน้อย คุณต้องหาวิธีรับมือให้ดี }
เมื่อเห็นอย่างนี้ หานมู่จื่อถึงกับสงสัยว่าหลินซิงหั่วเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลินชิงชิงจริงหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นทำไมเธอถึงเข้าข้างตัวเอง?
อย่างไรก็ตาม หากไปงานเลี้ยงของครอบครัว นั้นก็แสดงว่า วันนี้ตัวเองไม่ต้องถูกเธอรังควานแล้ว?
พอดีเลย เธอก็อยากจะใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์นี้อย่างเงียบสงบเหมือนกัน
ถ้าอย่างนั้น มีเรื่องอะไร ค่อยแก้ปัญหาสัปดาห์หน้าแล้วกัน!
เมื่อนึกถึงอย่างนี้ หานมู่จื่อจึงบอกให้ หลินซิงหั่ว พักผ่อนดีๆ จากนั้นก็ตัดบทสนทนาระหว่างทั้งสองคน
บนอินเทอร์เน็ตไม่มีข่าวเกี่ยวกับเธอจริงๆแล้ว แม้ว่าจะมีชาวเน็ตยังโพสต์อยู่ แต่ในโลกอินเทอร์เน็ตราวกับว่าถูกตรวจสอบทุกที่ทุกมุม แค่คุณโพสต์ ก็จะถูกบล็อกทันที อยากจะวิจารณ์ก็ยังไม่สามารถทำได้
อำนาจของเย่โม่เซิน ยังคงยิ่งใหญ่เหมือนเดิม
ในส่วนนี้ของโลกอินเตอร์เน็ต
หานมู่จื่อจบงานของทั้งวันอย่างโล่งใจ แล้วกลับบ้าน
ในไม่ช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ก็มาถึง
เนื่องจากต้องย้ายบ้าน ทุกคนจึงตื่นตั้งแต่เช้า ยังเรียกคนรับใช้ที่บ้านมาช่วยกันทำความสะอาดสองสามคน บ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้เล็กจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่ทำความสะอาด ถ้าไม่มีสี่ห้าคน คงจะเหนื่อยน่าดู
หานชิงขับรถไปส่งพวกเธอด้วยตัวเอง ลุงหนานก็ขับตามไปด้วย
บ้านใหม่ที่ว่างเปล่า มีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันใด