บทที่ 487 ตื่นจากฝัน
เธอสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ อย่างนั้นก็หมายความว่าเธอเป็นคนแบบนี้จริง ๆ
“ไม่ ตอนนี้ฉันติดต่อเธอไม่ได้แล้ว ฉันกลัวว่าหล่อนยังสามารถจะทำร้ายเธออีก สองสามวันนี้ทางที่ดีอย่าอยู่คนเดียวนะ”
คำพูดของหลินซิงหั่วได้เตือนสติเธอ หานมู่จื่อดไม่ได้ที่จะหันไป มองห้องที่ว่างเปล่า
คงเป็นไปไม่ได้หรอก
เธอเพิ่งจะย้ายมาที่นี่ ข่าวของหลินชิงชิงก็คงจะไม่ได้ดีเลิศขนาดนั้น
เพียงแต่——หลินซิงหั่วพูดถูก หล่อนอาจจะมาทำร้ายตัวเองได้อีก
“นี่เป็นความผิดของฉัน ฉันตั้งใจตั้งแต่แรกว่าจะลางานมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ แต่เจ้าบื้อเฉินเฟย ไม่ให้ฉันลา ต้องขอโทษด้วยนะมู่จื่อ เธอต้องระวังให้มากจริง ๆนะ ฉันกลัวว่าหล่อนจะหารูปแบบอื่นมาทำร้ายเธอ”
“วางใจเถอะ ฉันจะระวังตัว”
หลินซิงหั่วย้ำเตือนสติเธอได้มาก ให้เธอหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนให้ได้ อย่าทำอะไรคนเดียว
หลังจากวางสายโทรศัพท์ หานมู่จื่อก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ
จากนั้นเธอก็เช็ดผมต่อไป ตอนนี้ยังเป็นเวลากลางวัน ไม่มีอะไรน่ากลัวนัก แต่คำพูดของหลินซิงหั่วทำให้ในใจของเธอรู้สึกหวาดกลัว
แม้ว่าหลินชิงชิงจะได้สาดน้ำกรดมา แต่ก็ทำไม่สำเร็จ แล้วถ้าเขาอยากจะสาดอีกในครั้งต่อไป มันอาจจะเป็นอะไรที่ร้ายแรงกว่าเดิมหรือเปล่า
นึกถึงสิ่งนี้ขึ้นมา หานมู่จื่อก็รู้สึกเหงื่อตกเต็มแผ่นหลัง
การจู่โจมในที่แจ้งย่อมง่ายต่อการป้องกัน แต่การต่อสู้ในที่ลับย่อมยากต่อการป้องกัน
หากจะพูดถึงหลินชิงชิงคนนี้แล้วละก็ ท่าทีของเธอนั้นมองดูแล้วไม่น่าเป็นอันตราย แต่ใครจะรู้ว่าเพียงแค่ในวินาทีถัดมาจะสาดน้ำกรดตรงไปยังใบหน้าของคุณ แม้จะอยู่ในสายตา
หากจับเธอมาไม่ได้ บางทีตัวเองและญาติมิตรคนสนิทใกล้ชิดรอบตัวอาจจะต้องใช้ชีวิตด้วยความกังวล
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หัวใจของหานมู่จื่อแทบจะหยุดเต้น จากนั้นก็นอนลงเมื่อเป่าผมจนแห้ง ในใจก็รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมา ในที่สุดก็หลับไปด้วยความสับสนงุนงง ท้ายที่สุดก็ฝันถึงหลินชิงชิงที่จู่ๆก็มาปรากฏตัวขึ้นในห้องของเธอ จากนั้นก็เปิดประตูห้องของเธอแล้วเดินเข้ามา
จากนั้นเมื่อเห็นเธอกำลังนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง บนใบหน้าของหลินชิงชิงก็ปรากฏรอบยิ้มแปลกๆ ทันใดนั้นก็หยิบมีดเล่มใหญ่ในมือขึ้นมา พุ่งตรงไปตัดยังเงาร่างของหานมู่จื่อ
“โอ๊ย!” หานมู่จื่ออุทานขึ้นมา พลิกร่างกายอย่างกะทันหัน ตกเตียงลงไปด้านล่าง
เสียงปังดังขึ้น หานมู่จื่อสะดุ้งรู้สึกตัวขึ้นทันที
หัวใจเต้นแรงขึ้น หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นพบว่าห้องทั้งห้องเงียบสนิท ไม่มีอะไรทั้งสิ้น
ไม่มีหลินชิงชิง และก็ไม่มีมีดเล่มใหญ่ที่เธอถือ
มันคือความฝันหรือ
แต่ ทำไมถึงเหมือนจริงขนาดนี้
หานมู่จื่อเอื้อมมือขึ้นเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากของเขา จากนั้นจึงค่อยๆลุกขึ้นจากพื้นแล้วกลับขึ้นไปบนเตียง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เป็นเวลาเกือบจะหกโมงเย็นแล้ว
เธอหลับมานานขนาดนี้แล้วหรือ
ความรู้สึกง่วงหายไปแล้ว หานมู่จื่อลุกขึ้นยืนจากนั้นก็เตรียมตัวเก็บของแล้วลงไปชั้นล่าง เธอยังต้องทำอาหารให้กับเย่โม่เซิน แล้วจากนั้นก็จะได้นำไปที่โรงพยาบาล
หานมู่จื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก
เธอหยุดนิ่งทุกการเคลื่อนไหว อากาศดูเหมือนจะแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง หานมู่จื่อคิดถึงฉากเหตุการณ์ณ์ในความฝัน รู้สึกถึงเลือดทั่วร่างกายล้วนเย็นเป็นน้ำแข็งขึ้นทันที
เธอคว้าเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าออกมา จากนั้นก็มองดู แล้วหยิบเอาขวดสเปรย์พริกไทยเอาไว้ในมือ
เดิมทีเธอไม่ได้กลัวอะไร แต่หลังจากหลินซิงหั่วพูดมาแบบนั้นเธอก็รู้สึกหวาดเสียว
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคงรู้สึกหวาดผวา
จะเป็นไปได้ไหม
เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หานมู่จื่อไม่กล้าออกมา ได้แต่ซ่อนตัวอยู่หลังประตู
เธอได้ยินจังหวะการเต้นของหัวใจตนเองที่รุนแรงขึ้น เป็นครั้งแรกที่หานมู่จื่อรู้สึกได้ อันตรายกำลังใกล้เข้ามาอย่างช้า ๆ
แกร้ก——
“เสี่ยวหมี่โต้วฉันบอกนายแล้วว่าแม่ของนายกำลังพักผ่อน นายรอสักหน่อยค่อยขึ้นไปเจอเธอไม่ได้หรือไง”
ทันทีที่ประตูเปิดออก เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา
เมื่อหานมู่จื่อได้ยินเสียงนี้ ความแน่นตึงที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อกี้พูดได้ว่าแทบจะพังทลายลงทั้งหมด ที่แท้ก็เป็นเสี่ยวเหยียนกับเสี่ยวหมี่โต้วกลับมา เธอยังรู้สึกว่า…
“เห้อ แล้วคนล่ะ ควรจะนอนอยู่ไม่ใช่หรือ หรือว่าจะออกไปก่อนแล้วหรือเปล่า” เสียงความงุนงงของเสี่ยวเหยียนดังขึ้นมา
หานมู่จื่อกลับนั่งลงตรงนั้นขาทั้งสองข้างอ่อนยวบ สักพักหนึ่งจึงรู้สึกตัวขึ้น จากนั้นก็ลุกขึ้นและโบกมือให้กับพวกเขา หัวเราะขึ้นเบาๆอย่างทำอะไรไม่ได้ “ฉันอยู่ตรงนี้”
“หม่ามี๊!” เมื่อเสี่ยวหมี่โต้วเห็นเธอ ก็วิ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว
เสี่ยวเหยียนสังเกตเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอ และมีเหงื่อไหลที่หน้าผาก
“นี่เกิดอะไรขึ้น”
หานมู่จื่อลุกขึ้นยืนอย่างเคร่งขรึม ยังไม่ได้อุ้มเสี่ยวหมี่โต้วไว้ในอ้อมแขน ตอนนี้ในใจของเธอยังอยู่กับความฝัน เธอรู้สึกว่าที่นี่อันตรายเกินไป ไม่ควรจะให้เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวหมี่โต้วทั้งสองคนอยู่ที่นี่
จะเป็นอย่างไรถ้าหากหลินชิงชิง หาจนพบที่นี่ขึ้นมาจริงๆ
คิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็ลุกขึ้นแล้วดึงตัวเสี่ยวหมี่โวมาไว้ข้างกาย จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเสี่ยวเหยียน
“เธอออกมากับฉัน”
หน้าตาของเสี่ยวเหยียนดูสับสน ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอมองออกว่าสีหน้าของหานมู่จื่อไม่ค่อยสู้ดีนัก ดังนั้นจึงรีบตามเธอออกไป
“เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“ช่วงสองสามวันนี้พวกเธอไม่ควรจะอยู่ที่นี่ วันนี้เธอพาเสี่ยวหมี่โต้วกลับไปอยู่ที่ตระกูลหานเถอะ”
ได้ยินดังนั้น เสี่ยวเหยียนก็มองไปยังเธอด้วยสีหน้างุนงง “ทำไมจู่ ๆถึงจะให้ฉันพสกเสี่ยวหมี่โวกลับไปอยู่ที่ตระกูลหานล่ะ แล้วทำไมเธอถึงหน้าซีดขนาดนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า”
หานมู่จื่อไม่ได้อธิบายรายละเอียดอะไรกับเธอ กลัวจะทำให้เสี่ยวเหยียนต้องตกใจกลัว จึงได้แต่พูดเบาๆ “เรื่องรายละเอียดตอนนี้ฉันยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่ฉันกังวลว่าที่นี่จะไม่ปลอดภัย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นละก็ ฉันกังวลว่าเธอและเสี่ยวหมี่โต้วไม่อาจจะรับมือได้ ดังนั้นพวกเธอจึงควรกลับไปที่ตระกูลหานก่อน หลังจากที่ทุกอย่างคลี่คลายลง ค่อยย้ายกลับมาก็ยังไม่สาย”
ได้ยินดังนี้ เสี่ยวเหยียนก็เข้าใจความกังวลของเธอ “ที่แท้เธอก็กำลังคิดเรื่องนี้ อย่างนั้นก็ได้ วันนี้ฉันจะพาเสี่ยวหมี่โต้วกลับไปตระกูลหาน”
เวลาไม่คอยท่า ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด พวกเธอรีบไปตอนนี้เลยเถอะ”
เสี่ยวเหยียน “……รีบร้อนอะไรขนาดนี้ แล้วเธอล่ะ”
“ฉันยังต้องทำอะไรก่อน แล้วค่อยไปโรงพยาบาล”
“เธออยู่คนเดี๋ยวจะไม่เป็นอะไรหรือ”
“ตอนนี้ไม่เป็นไรหรอก เธอพาเสี่ยวหมี่โต้วออกไปก่อนเถอะ แค่บอกเขาว่าฉันมีธุระของบริษัทที่ต้องกลับไปจัดการ ดังนั้น…”
“หม่ามี๊ แม่โกหกเสี่ยวหมี่โต้ว!”
หานมู่จื่อยังไม่ทันจะพูดจบ เสียงร้องงอแงของเด็กน้อยก็ดังออกมาจากด้านในประตู
หานมู่จื่อหันศีรษะไป พบว่าเด็กตัวน้อยน้อยได้เปิดประตูเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ยืนอยู่ตรงประตูแขนทั้งสองข้างกอดอกจ้องมองเธอ
“เสี่ยวหมี่โต้ว”
เมื่อเสี่ยวหมี่โต้วได้ยินคำพูดเหล่านั้นของตนเอง เธอที่เป็นแม่ก็รู้สึกเก้อเขินไปครู่หนึ่ง “ขอโทษนะครับเสี่ยวหมี่โต้ว หม่ามี๊ไม่ได้ตั้งใจจะโกหกลูกนะ”
พูดจบเธอก็คุกเข่าลง โบกมือให้กับเสี่ยวหมี่โต้ว “มา”
แม้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะโกรธ แต่กลับเดินก้าวเข้าไปหาเธอทีละก้าวด้วยขาสั้นๆ
“แม่ไม่ดี!” เขายื่นมือเล็ก ๆออกไป แสร้งทำเป็นทุบลงไปที่ไหล่ของหานมู่จื่อ
“ใช่แล้ว หม่ามี๊ไม่ดีเอง หม่ามี๊ไม่สามารถจะปกป้องลูกได้ชั่วคราว ดังนั้นลูกได้แต่กลับไปตระกูลหานกับน้าเสี่ยวเหยียน หม่ามี๊ยังต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อดูแลคนป่วยนะครับ”