บทที่ 50 ร่ำเมรัย(2)
มือของชายคนนั้นเพิ่งถูกปัดออก แต่ตอนที่กำลังจะเอาไปโอบอีกครั้ง ก็ถูกใครบางคนดึงปกเสื้อแล้วผลักกระเด็นถอยหลังไป
เกิดอะไรขึ้น?ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ชายคนนั้นก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบ ๆตัวเริ่มเย็นลง ราวกับว่ามีสายตาอันแหลมคมมองมาที่เขาอยู่ เป็นสายตาของชายที่นั่งอยู่บนรถวีลแชร์นั้น
แสงไฟหลากสีภายในร้านเหล้านั้น ทุกคนในที่นี้กลายเป็นสีเดียวกัน แต่ไม่ใช่กับเขา
เขาเพียงแค่นั่งอยู่ที่ตรงนั้น แต่สายตาที่ส่งมากลับไม่เผยให้เห็นเสน่ห์ฐานะในตัวเขา ดวงตาที่เย็นยะเยือกและบรรยากาศที่รุนแรงกลายเป็นอีกโลกหนึ่ง โลกที่คนภายนอกไม่อาจรุกล้ำเข้ามาได้
“แกคิดจะทำอะไรกับเธอ?”เซียวซู่กำปกเสื้อของชายคนนั้นแล้วถาม
“ขอโทษครับ!”ชายคนนี้ได้สติก็รีบขอโทษขอโพย แม้ว่าอีกฝ่ายจะนั่งอยู่บนวีลแชร์ แต่บรรยากาศรอบตัวเขานั้นไม่ใช่คนธรรมดา และด้านหลังตอนที่ชายคนนี้กำปกเสื้อของเขาเอาไว้ อยู่ๆเขาก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เลย นี่หมายความว่าอะไร?
ใช้ชีวิตอยู่มาได้นานขนาดนี้ เขาไม่ใช่คนที่ไม่ฉลาด
“ผมไม่รู้ว่าเธอมีคู่ ขอโทษด้วย ปล่อยไปเถอะนะ”
เย่โม่เซินไม่พูดอะไร เม้มฝีปากแน่น สายตาที่ดุร้ายนั้นจ้องไปที่มือของเขา
“มือข้างไหนที่แตะเธอ?”
ชายคนนั้นยืนนิ่งกับที่ หน้าผากของเขามีเหงื่อไหลออกมา สายตาของเย่โม่เซินเหมือนกับภูเขาขนาดยักษ์ที่ไร้รูปร่างที่กดลงไปบนหัวไหล่ของเขา ทำให้เขาโน้มตัวก้มหัวลงไปอย่างไม่รู้ตัว และค่อยๆยกมือขวาขึ้นมา
“จัดการมันซะ”
คำพูดที่เรียบเฉยดังขึ้นท่ามกลางเสียงดนตรี ราวกับระเบิดที่ตกลงบนพื้น
สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปทันที เหงือกและฟันสั่น:“ผมผมผมผมไม่ได้ตั้งใจจะแตะต้องตัวเธอจริง ๆครับ ผมไม่รู้……คุณครับ ได้โปรดปล่อยฉันเถอะ!”
ยังพูดไม่ทันขาดคำ ก็มีผู้ชายที่ใส่ชุดสูทพร้อมแว่นตาดำเดินมาคว้าตัวเขาไว้
ชายคนนั้นเคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อน กลัวจะแขนขาแทบจะไม่มีแรงลงไปกับพื้น
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง เรื่องราวที่เกิดขึ้นกลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เสิ่นเฉียวที่นั่งนิ่งอยู่ตรงบาร์ไม่ขยับเขยื้อนเมื่อครู่นี้ ตอนนี้อยู่ ๆก็ลุกขึ้นมา รูปร่างที่ผอมเล็กของเธอเดินไปทางเย่โม่เซินอย่างโซซัดโซเซ
“คุณ!”
เธอเดินไปหยุดตรงหน้าเย่โม่เซิน แล้วเอานิ้วชี้ชี้ไปที่เขา
เย่โม่เซินยังคงทำหน้านิ่ง มองไปที่เธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย
แก้มที่ขาวผ่องกลายเป็นสีแดง ดวงตาที่เย็นชาคู่นั้นมาพร้อมความมึนเมา ริมฝีปากที่แดงอวบอิ่มนั้นยังคงมีคราบเหล้า เส้นผมที่นุ่มสลวยปล่อยลงมาประบ่าทั้งสอง จนแทบจะปกปิดใบหน้าของเธอไปเกินกว่าครึ่ง ฉากนี้ราวกับว่าเธอแต่งหน้าแทนหน้าสดของเธอ แต่การแต่งหน้าจะต้องดูธรรมชาติและสบายๆกว่าครั้งที่แล้ว
เย่โม่เซินเหมือนจะสติหลุดไปเล็กน้อย จนเกือบจะถูกสายตาที่สวยงามคู่นั้นของเธอดูดเข้าไป
“คุณมีสิทธิ์อะไร……มายุ่งเรื่องของฉัน!” เสิ่นเฉียวพูดออกมาอย่างอารมณ์เสียแล้วชี้ไปที่เขาเย่โม่เซิน
แต่เธอที่ดื่มเหล้ามานั้น ร่างกายจึงอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง พูดไปอากาศก็ไม่พอ ตรงข้ามกลับใช้เสน่ห์ของผู้หญิงแทน
ลูกน้องทั้งหลายที่อยู่ข้างๆพอเห็นภาพนี้ต่างก็ตกใจจนอ้าปากค้าง
ผู้หญิงคนนี้กล้าเอานิ้วชี้ไปที่จมูกของเขาต่อหน้าเขาเย่โม่เซินอย่างคาดไม่ถึง แถมยังถามอีกว่าเขามีสิทธิ์อะไรไปยุ่งเรื่องของเธอ?
“พูดสิ!ฉันถามคุณอยู่นะ!”เสิ่นเฉียวเห็นเขานั่งนิ่งไม่ไหวติง ก็เดินเข้าไปอีกก้าว แล้วเอาเท้าเหยียบไปที่ตัวของเย่โม่เซินอย่างโซเซ
“คุณชายเย่!”เซียวซู่ตาโต ร้องออกมาอย่างร้อนรนใจ
เย่โม่เซินมองดูผู้หญิงที่ตนตกหลุมรัก แค่เขาขยับมือ ก็สามารถหลบได้
ถ้าหลบเธอก็จะล้มลงไปบนพื้นที่ทั้งแข็งและเย็น แต่ถ้าไม่หลบเธอก็จะล้มเข้ามาในอ้อมแขนของเขา แต่ต่อหน้าลูกน้องมากมายขนาดนี้……
ปึง!
ลูกน้องคนอื่น ๆเบิกตาโพลง มองไปยังภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
พวกเขาไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ย?อยู่ ๆเย่โม่เซินก็……
เย่โม่เซินลงมือแล้ว แต่เขาลงมือเพื่อพะยุงเธอเอาไว้ ตอนที่ก่อนเสิ่นเฉียวจะล้มลงมาก็ยืนในทางผิด หัวของเธอเกือบจะไปชนเข้ากับที่วางแขนบนรถวีลแชร์ของเขา
มองจนดวงตาแทบจะกะเทาะออกมา มือของเย่โม่เซินขยับเล็กน้อย จับไปที่แขนอีกข้างของเธอ แล้วเอาเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของตัวเองอย่างแม่นยำ
เซียวซู่ถอนหายใจโล่งอกออกมา โชคดีที่หัวไม่ชน
เหล่มองท่าทางของลูกน้องที่ยืนอ้าปากตาค้าง เซียวซู่เบะปากอยู่ในใจ แม้แต่ภาพที่คุณชายเย่จะแสดงนั้นเขาก็รู้หมดแล้ว ฉะนั้นจุดนี้…ไม่อาจทำให้เขาตกตะลึงได้แม้แต่น้อย
ใบหน้าที่นุ่มนิ่มของเสิ่นเฉียวกระทบเข้ากับหน้าอกอันแข็งแกร่งของเย่โม่เซิน หลังจากที่ถูกเย่โม่เซินดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแล้ว เธอนิ่งไป ผ่านไปสักพักถึงทำเสียงอวดครวญมา:“เจ็บจัง……”
ได้ยินแบบนั้น เย่โม่เซินก็คิ้วกระตุกขึ้น
ผู้หญิงบ้านี่ เธอชนเข้ามาแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เขาพยุงเธอเอาไว้ ตอนนี้เธอคงได้รอยแผลเป็นบนหน้าไปแล้ว เธอไม่ขอบคุณเขาก็ไม่เป็นไร แต่อยู่ ๆมาร้องว่าเจ็บ?
“ทำไมนาย……ถึงตัวแข็งขนาดนี้ล่ะ?” พูดไม่ทันขาดคำ เสิ่นเฉียวก็บ่นอิด ๆ ออด ๆ ออกมา จากนั้นก็กำหมัดแล้วทุบไปที่หน้าอดของเขา“คนโง่คนโง่ ทำฉันล้มเจ็บ!”
เย่โม่เซิน:“……”
ลูกน้อง:“……”
เซียวซู่อดไม่ได้อยากจะไปประคองหน้าผากเธอ เสิ่นเฉียวเธอดื่มจนเมาแล้วใช่มั้ย?
ปกติแล้ว เธอจะเอาความกล้าจากไหนมาทำแบบนี้กับเย่โม่เซิน?
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เสิ่นเฉียวที่ดื่มเหล้าจนเมาแตกต่างจากคนก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคนอย่างคาดไม่ถึง
แต่เซียวซู่กลับรู้สึกว่า เสิ่นเฉียวที่เป็นแบบนี้ ค่อนข้าง……น่ารัก?
“คำถามที่ฉันถามคุณไปเมื่อกี้ คุณยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะ!”เสิ่นเฉียวยังคงทุบอดของเขา ถามไปพลางทุบไปพลาง แม้ว่าจะไม่ได้ออกแรงอะไร สำหรับเย่โม่เซินแล้วมันไม่เจ็บไม่คัน แต่มันขายขี้หน้า
เย่โม่เซินจับมือขาวเล็กของเธอเอาไว้ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า:“เธอ ทางที่ดีควรเธอควรพอได้แล้ว!”
“คุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของฉัน?”ดูเหมือนว่าเสิ่นเฉียวจะไม่เข้าใจที่เขาพูด เธอเงยหน้าขึ้นแล้วย้อนถามเขาเสียงดังในทันที ในขณะนั้น เธอยื่นหน้าไปหาเขา ใบหน้าห่างจากเย่โม่เซินใกล้มาก
ลมหายใจไหลเวียนอยู่รอบๆ~
ลมหายใจที่หอมหวานของเธอผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ เป็นเหมือนยากระตุ้นบางชนิด
เย่โม่เซินสูดลมหายใจ มองดูใบหน้าที่ใกล้ซะจนห่างกันเพียงปลายนิ้ว
ปกติแล้วเธอไม่แต่งหน้า ผิวพรรณของเธอดีมาก ขาวราวกับคริสตัล เพียงเป่าเบาๆก็ถูกทำลายได้ โดยเฉพาะ……ริมฝีปากที่แดงและเย้ายวนนั้น เป็นหนึ่งเดียวกัน ราวกับกำลังดึงดูดให้เขาไปกระทำอะไรบางอย่าง
เย่โม่เซินนัยน์ตาแน่นิ่งไปสักพัก เขากดเสียงต่ำลง มือใหญ่ๆของเขาวางลงบนเอวของเสิ่นเฉียว แล้วพูดเบาๆ:“เธอลองเข้าใกล้ฉันอีกสิ?”
เย่โม่เซินคิดว่าการขู่จะใช้กับเธอได้ผล แต่ทว่าเขาไม่เข้าใจคนที่เมาเหล้าเลยว่าจริง ๆแล้วมีสภาพเป็นยังไง
เหล้าทำให้กล้า ยิ่งคุณกระตุ้นเธอก็ยิ่งทำให้เธอคึกเข้าไปอีก
เช่นนี้เสิ่นเฉียว ที่ถูกเย่โม่เซินพูดใส่แบบนั้น เหมือนถูกถูกกระตุ้นมากกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้เธอจึงขยับตัวเข้าไปใกล้กว่าเดิมเล็กน้อย ตอนนี้ทั้งคู่แทบจะไม่มีช่องว่างระหว่างกัน
“เข้ามาใกล้แล้ว”
หลังจากเข้ามาใกล้ เสิ่นเฉียวพูดออกมาอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
เสียงที่นุ่มนวล ราวกับสายไหมที่เพิ่งม้วนออกมาจากเครื่อง มันหวานจนเข้าไปลึกถึงในจิตใจของเย่โม่เซิน
เย่โม่เซินสูดหายใจเข้าแน่น กัดฟันและจ้องมองที่เธอ
“อย่าล้อเล่นกับไฟ!”
ยัยบ้านี่ ไม่คิดเลยว่าเมาเหล้าแล้วอยู่ๆจะกลายเป็นคนละคนแบบนี้ แทบจะทำให้เขาเป็นบ้าอยู่แล้ว!
“ไฟ?ไหนล่ะไฟ?”เสิ่นเฉียวหัวเราะเหอะเหอะ ทันใดนั้นก็เอามือจับไปที่คางของเย่โม่เซิน แล้วหัวเราะออกมาเบาๆว่า:“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลยนะเย่โม่เซิน ไม่ใช่ว่าคุณเกลียดฉันหรอกเหรอ?แล้วทำไม……ต้องมายุ่งเรื่องของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า?”