บทที่500 เธอถูกกำหนดให้เป็นของฉัน
“เมื่อวานหลังจากที่ฉันกลับไปทบทวนดีๆ ถึงแม้ว่าครั้งนี้เขาจะทำเรื่องที่โหดเหี้ยม แต่เขาเป็นลูกสาวของเพื่อนน้าส้ง เพราะฉะนั้น……….”
“เพราะฉะนั้น?”
เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเสียงที่เย็นชาของเย่โม่เซินพูดขัดขึ้น เขาหรี่ตาลงแล้วมองไปยังเธอ จากนั้นก็พูดขึ้นทีละคำ “ฉันคิดว่าห้าปีผ่านไป อย่างน้อยเธอจะใจแข็งขึ้น หรือไม่ก็แน่วแน่กับความคิดของตัวเองหน่อยก็ยังดี แต่ว่าเพียงแค่คำเกลี้ยกล่อมไม่กี่คำของน้าเธอก็ยอมแล้ว?”
หลังได้ยินสิ่งที่เขาพูด หานมู่จื่อก็อึ้งไปเลย ปากสีชมพูของเธอเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกไป
เย่โม่เซินหัวเราะออกมา “อย่างน้อยก็ควรเอานิสัยที่เธอชอบใช้กับฉัน มาใช้กับน้าบ้าง ไม่ใช่หรอ?”
หานมู่จื่อ “……….”
และเขาก็หัวเราะเยาะอีกครั้ง “ทนก็ไม่ทนกับมันสักนิดก็ยอมแพ้แล้ว? เธอรู้ไหมว่าครั้งนี้เขาใช้น้ำกรด แล้วครั้งหน้าเขาจะใช้น้ำอะไร? และเธอรู้ได้ยังไงว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอเป็นครั้งที่สอง ฉันจะไปช่วยเธอทันเวลาไหม?”
“ไม่หรอก”หานมู่จื่อพูดปฏิเสธเขา
“ไม่?”เย่โม่เซินเลิกคิ้ว
ตอนแรกหานมู่จื่อจะพูดว่า แค่นายอยู่ห่างๆฉันหน่อย หลินชิงชิงก็จะไม่มาหาเรื่องฉันอย่างแน่นอน แต่พอคิดกลับกัน ถ้าพูดแบบนี้มันจะตรงเกินไป และไม่รู้ว่าเดี๋ยวเขาจะอาละวาดแบบไหนอีก
เพราะเช่นนั้นพอพูดออกมาก็เลยเปลี่ยนไปหมด “เป้าหมายของเขาคือนาย”
คำพูดนี้ทำให้เย่โม่เซินครุ่นคิดอยู่นาน ผ่านไปพักใหญ่ๆถึงได้สติกลับมา ความเยือกเย็นวาบผ่านดวงตาสีเข้ม หลังจากนั้นเขายกยิ้มมุมปากขึ้นมา “เพราะฉะนั้น เธอก็เลยเตรียมตัวละทิ้งฉันหลังจากที่ฉันหายดี?”
ละทิ้ง………..
หานมู่จื่อขมวดคิ้วแน่น เธอไม่เคยพูดว่าจะรับผิดชอบเขา แล้วจะถือว่าเธอละทิ้งได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าอาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้น หน้าที่ของเธอก็สิ้นสุดแล้ว
เย่โม่เซินเม้มปาก “มู่จื่อ บาดแผลของฉันยังไม่หายดีหมด และในเวลาแบบนี้เธอก็พยายามเกลี้ยกล่อมฉันให้ปล่อยผู้หญิงคนที่จะทำร้ายเธอ เป็นการกระทำที่กำลังท้าทายฉัน”
หานมู่จื่อหลับตาลง แล้วหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังหงุดหงิด หลังจากสงบสติอารมณ์เสร็จก็พูดขึ้นว่า “ฉันทำได้เพียงพยายามเกลี้ยกล่อมนาย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกลี้ยกล่อมสำเร็จ แล้วแต่นายเลย ถ้านายไม่อยากปล่อยเขาไป ก็ไปพูดกับน้าส้งให้ชัดเจน แค่……..ฉันรับปากแกไว้ ให้ฉันเป็นคนไม่รักษาคำพูดก็ได้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อยังยกยิ้มออกมาด้วยท่าทีที่ไม่แยแส
ทันใดนั้น เย่โม่เซินก็ยกมือขึ้นมาจับข้อมือของเธอ ก่อนที่เธอจะไหวตัวทัน เขาก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด
“แกพูดอะไรกับเธอเหรอ ทำไมถึงทำให้เธอเปลี่ยนใจกะทันหันแบบนี้?”
หานมู่จื่อที่นั่งอยู่บนตักเขา พยายามผละออกจากตัวเขา แต่เย่โม่เซินนั้นแขนยาวและแรงเยอะ กอดเอวของเธอแน่นราวกับโซ่เหล็ก ทำให้เธอขยับไม่ได้
เขาไม่ให้เธอมีโอกาสหนีเลย มือจับไว้ที่คางของเธอ สายตาก็จับจ้องไปยังตัวเธอ
“ก่อนหน้านี้ยังตกใจจนนอนไม่หลับไม่ใช่หรอ? ถ้าปล่อยเขาออกมา ในอนาคตยังอยากใช้ชีวิตแบบหวาดระแวงหรอ?”
หานมู่จื่อกัดริมฝีปากแน่น “เขายังไม่ได้ทำร้ายฉัน และ…….น้าส้งก็พูดแล้วว่า ฝั่งนั้นจะพาเขาจากไป ที่จริงแล้ว เรื่องนี้จัดการง่ายมากเลย มันเกิดจากนายตั้งแต่แรก แค่นายอยู่ห่างจากฉันหน่อย เขาก็ไม่มาทำร้ายฉันแล้ว ฉันไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะคืนดีกับนาย การหย่ามันก็ต้องเกิดขึ้น……….อุ๊บส์”
คำสุดท้ายยังไม่ได้พูดออกไป ปากของเธอก็ถูกปิดด้วยฝีมือของเย่โม่เซิน
จูบที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้หานมู่จื่ออึ้งและนิ่งอยู่กับที่
เธอกะพริบตาอย่างอึ้งๆ ขนตาที่ยาวและงอของเธอกะพริบๆ เหมือนกำลังไปเกาหัวใจของเย่โม่เซิน
หลังจากนั้น หานมู่จื่อยื่นมือออกไปคิดจะผลักเขาออก เย่โม่เซินก็จับข้อมือของเธออีกครั้งแล้วดึงแขนเธอกลับ ร่างที่สูงใหญ่กำลังข่มเธอ และกำลังจูบริมฝีปากแดงของเธอ
ราวกับเกมไล่จับ คนหนึ่งอยากหนี ส่วนอีกคนอยากเข้าใกล้
ผู้หลบหนีมักระแวงอยู่ตลอด แต่ผู้ล่านั้นมีจุดยืนและเป้าหมายที่แน่วแน่ เพราะฉะนั้นท้ายที่สุดแล้วเย่โม่เซินก็ได้เปรียบ ส่วนหานมู่จื่อก็เสียเปรียบและจะแพ้ไปในที่สุด
หลังจากผ่านจูบที่แสนยาวนาน
เย่โม่เซินก้มหน้าลง หายใจอย่างสม่ำเสมอแล้วพูดขึ้นเบาๆว่า “ไม่ต้องคืนดีหรอก เพราะเราไม่ได้แยกทางกันตั้งแรกแล้ว”
หลังสิ้นคำพูด เขาก็บรรจงจูบลงไปยังริมฝีปากของเธอด้วยความรัก และสุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะจูบไปยังจมูกของเธอ จากนั้นก็ไปสบตากับเธอ “ฉันอภัยให้เขาไม่ได้ และไม่ปล่อยเธอไปเช่นกัน”
“มู่จื่อ เฉียวเฉียว……..เธอถูกกำหนดมาให้เป็นผู้หญิงของฉัน”
ท้ายที่สุดแล้ว หานมู่จื่อก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเย่โม่เซินได้
ส้งอานเชื่อใจเธอมาก คิดว่าเธอสามารถเกลี้ยกล่อมเย่โม่เซินได้ แต่ส้งอานมองข้ามจุดหนึ่งไป
คนที่หลินชิงชิงทำร้ายไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็นคนที่อยู่ในใจของเย่โม่เซิน
เพราะฉะนั้น เขาจะปล่อยหลินชิงชิงไปได้อย่างไร?
หานมู่จื่อรู้สึกว่าตัวเองรับปากส้งอานแล้ว แต่เธอล้มเหลวในการเกลี้ยกล่อมเขา บวกกับหลังจากที่โดนจูบ คำพูดที่เย่โม่เซินพูดกับเธอ ทำให้เธอตกใจ
รู้สึกว่า การที่ตัวเองอยากจะหนีจากเขาไปมันยิ่งยากขึ้นแล้ว
เธอตื่นตระหนกเล็กน้อย และมีความต้องการที่จะหลบหนี
สุดท้าย หานมู่จื่อก็โทรไปบอกเรื่องนี้กับส้งอาน
หลังจากที่ส้งอานได้ยิน ก็เงียบไปสักพักจากนั้นค่อยพูดขึ้นเบาๆว่า “น้ารู้แล้ว ที่จริงการที่ให้เธอไปเกลี้ยกล่อมเขา เป็นการลำบากเธอ แต่น้าก็อยากจะลองสักตั้ง ไม่เป็นไรมู่จื่อ ครั้งนี้รบกวนเธอแล้ว”
หลังได้ยิน หานมู่จื่อก็ทำได้เพียงพูดขึ้นเบาๆว่า “น้าส้ง ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ตอนแรกฉันคิดว่าเขาจะรับปาก ไม่คิดว่า………”
“งั้นเธอก็คงคิดผิดแล้วจริงๆ โม่เซินนั้นแน่วแน่และจริงจังกับเรื่องของเธอมาก ถ้าไม่เช่นนั้น ทำไมตอนนั้นพวกเธอถึงได้………….”
เมื่อได้ยินส้งอานพูดถึงเรื่องเมื่อก่อน ในใจของหานมู่จื่อก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที และเธอก็รีบพูดขัดขึ้น
“น้าส้งคะ เรื่องเมื่อก่อนไม่ต้องไปพูดถึงแล้วค่ะ”
“โอเค ถ้าเธอไม่อยากให้พูดถึงมัน น้าส้งก็จะไม่พูด เรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ น้าจะโทรไปคุยกับฝั่งนั้นเอง เธอไม่ต้องสนใจแล้ว”
“โอเคค่ะ”
หลังจากที่วางสาย หานมู่จื่อก็วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ล้มตัวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า
หลังจากที่ซื้ออพาร์ทเม้นต์นี้ เธอก็อยู่คนเดียวตลอด เสี่ยวเหยียนก็พาเสี่ยวหมี่โต้วไปอยู่ที่บ้านตระกูลหาน เย่โม่เซินไม่มีทางปล่อยหลินชิงชิงไป นั่นก็แสดงว่า…….เธอน่าจะต้องอยู่ที่นี่ต่อระยะหนึ่งแล้วล่ะ
ก็ดี ถือว่าบทเรียนของชีวิต
ถึงแม้เธอก็รู้สึกว่าการทำแบบนี้จะทำลายชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง
ทว่า ก่อนที่เขาจะลงมือ ทำไมไม่คิดว่าผลสุดท้ายมันจะทำลายชีวิตของตัวเองล่ะ? เพราะฉะนั้น เธอไม่ควรใจอ่อน
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วกดโทรไปหาเสี่ยวเหยียน บอกเธอให้ย้ายมาอยู่ได้แล้ว
“จัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้วหรอ?”
“ประมาณหนึ่งแล้ว พรุ่งนี้เธอเก็บของแล้วพาเสี่ยวหมี่โต้วมาได้เลย”
“โอเค!”
จากนั้นหานมู่จื่อก็ไปอาบน้ำ หลังจากที่ออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็ปรากฏว่าในบ้านมีคนเพิ่มขึ้นสองคน เด็กหนึ่งคนและผู้ใหญ่หนึ่งคย
เสี่ยวเหยียนพาเสี่ยวหมี่โต้วมาตั้งแต่หัวค่ำ
“หม่ามี๊!!!”
เสี่ยวหมี่โต้วที่ไม่ได้เจอหานมู่จื่อมาหลายวันก็วิ่งตรงไปหาเธอทันที!
หานมู่จื่อเซถอยหลังไปเล็กน้อย จากนั้นก็หยุดเสี่ยวหมี่โต้วไว้