บทที่ 51 ร่ำเมรัย(3)
“พอแล้ว” เย่โม่เซินจับข้อมือของเธอเพื่อต้องการที่ดึงเธอออกจากอ้อมกอด
ใครจะรู้ว่าเสิ่นเฉียวไม่ยอมทำตาม ขัดขืนแล้วก้าวไปข้างหน้า “เธอยังไม่ตอบฉันเลย”
เย่โม่เซินกล้ามเนื้อกระตุก ดึงตัวเธอและผลักเธอออกไปเสิ่นเฉียวขัดขืนอย่างสุดชีวิต ทุกการกระทำของเธอตอนนี้ล้วนออกมาจากสัญชาตญาณทั้งนั้นเย่โม่เซินยังคงผลักเธอออกไป เธอดึงรั้นคอของเย่โม่เซินหลังจากนั้นจึงทิ้งตัวนั่งลงบนตักของเขา
ทุกคน ณ สถานที่นั้น “……….”
เย่โม่เซินมองหาความช่วยเหลือ ลูกน้องถามด้วยเสียงต่ำว่า “คุณชายเย่ให้ช่วยไหมครับ”
พูดเสร็จ เขาสองคนเดินขึ้นมาข้างหน้าเพื่อคิดที่จะจับหลังมืออันเนียนขาวของเสิ่นเฉียว
เย่โม่เซินเห็นแล้วจ้องตาเขม็ง “ถอยไป”
ได้ยินดังนั้น มือกร้านทั้งสองจึงหยุดค้างกลางอากาศ
เซียวซู่ที่มองอยู่ข้างๆ ได้แต่ตะโกนกรีดร้องในใจ คุณชายเย่เครียดขนาดนี้มองไม่ออกกันหรือไงมีตาหามีแววไม่
เย่โม่เซินราวกับไฟลุกโชติช่วง เสิ่นเฉียวนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา สองมือโอบรอบต้นคอของเขาเอาไว้ กลิ่นกายหอมๆ ของเธอโชยออกมา ความหนาวเย็นและลมหายใจที่แรงหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
มือใหญ่ของเย่โม่เซินโอบล้อมรอบเอวของเธอ เสียงแหบต่ำของเขาถามว่า “อยากรู้ขนาดนี้เลยเหรอ”
เสิ่นเฉียวริมฝีปากแดงจิ้ปากเล็กน้อย อยู่ดีๆ เธอจึงเอนตัวซบลงบนไหล่ของเขา พูดเสียงพึมพำว่า “ง่วงจัง”
เย่โม่เซิน “…………”
บอกว่าง่วงแค่นี้เหรอ
“หึหึ สาวน้อย เธอไม่มีโอกาสแล้วนะ”
เย่โม่เซินดันรถเข็นด้วยมืออีกข้างเซียวซู่เห็นแล้วจึงรีบถามว่า “รีบไปเตรียมรถแล้วออกจากที่นี่กัน”
พูดเสร็จเซียวซู่ ปล่อยผู้ชายคนเมื่อกี้ไป แล้วรีบตามไป
ระหว่างทางกลับบ้านเสิ่นเฉียวยังคงนอนอยู่ในอ้อมกอดของเย่โม่เซิน เธอยังคงเมาเหมือนเดิมไม่สร่างเมา โอบคอต้นคอของเย่โม่เซิน สักพักก็เล่นหูเขา สักพักก็ข่วนคอเขาทำนู่นทำนี่ไม่หยุด ทำให้ไฟในร่างกายของเย่โม่เซินลุกโชน
เย่โม่เซินก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ แค่โดนผู้หญิงกระตุ้นก็มีอาการซะแล้ว
ฉันจับมือเธอไว้เพื่อไม่ให้เธอขยับอีก
เสิ่นเฉียวขัดขืนแล้วพูดเสียงแหบพร่าว่า “ปล่อยฉัน”
เย่โม่เซินนิ่งเงียบไปแล้วมองไปข้างหน้า “เร็ว”
ผู้หญิงคนนี้ ถ้าไม่รีบส่งกลับไป ต้องทำอะไรบ้าๆ แน่
แต่นิสัยของเขาก็โดนเธอขัดไปซะหมดแล้ว
ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป…….
เซียวซู่เหยียบคันเร่งมองดูทั้งสองผ่านกระจกหลัง
จริงๆ เลย ท่าทางที่ดูเย้ายวนนั้น ผู้หญิงเมาในอ้อมกอดของเขาคุณชายเย่ทนได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
“มีอะไรน่าดู” น้ำเสียงเย็นยะเยือกถูกส่งมาจากด้านหลังเซียวซู่นั่งหลังตรงมองจ้องตรงไปข้างหน้า ไม่กล้ามองไปที่ไหนอีก
ล้อเล่น ใครจะกล้ามองไปมั่วๆ ละ
เสิ่นเฉียวโดนกดเอาไว้ ถึงแม้เธอจะขัดขืนก็ตาม ร่างบอบบางและอ่อนนุ่มบิดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่โม่เซิน เธอข่วนไปทั่วไม่หยุดเย่โม่เซินจ้องมองเธอกดบ่าเธอเอาไว้ “บ้าจริง อย่าวุ่นวายสิ”
เสิ่นเฉียวขัดขืนอยู่สักพักก็หยุดไปแล้วก็นอนอยู่ท่าเดิม เธอจ้องมองเย่โม่เซินอย่างเศร้าๆ แสดงออกถึงความน้อยใจราวกับกำลังโทษฉันอยู่ เย่โม่เซินทนไม่ไหว แล้วพูดว่า “ถ้าไม่อยากโดนฉันโยนลงรถ ก็ทำตัวดีๆ ”
หลังจากได้ยินคำพูดเสิ่นเฉียวเบิกตากว้างแล้วรีบปิดตา ซุกไปอ้อมกอดของเขาราวกับว่ากลัวแล้ว ไม่ซนแล้ว
เย่โม่เซินโล่งใจคลายมือที่กดเธอเอาไว้ เสิ่นเฉียวรู้สึกได้ จึงรีบกอดเอวเขาเอาไว้ซุกเขาไปในอ้อมกอดเขา
เย่โม่เซินร่างกายแข็งทื่อ เหงื่อเริ่มไหลออกตามหน้าผาก
โชคดีที่ เสิ่นเฉียว กอดเขาครั้งนี้ไม่ซนอีกแล้ว เพียงแค่หลับไปเท่านั้น
รู้สึกถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเธอเย่โม่เซินก้มหน้ามองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง
ตอนเมากับตอนไม่เมานี่เป็นคนละคนกันเลย
ผู้หญิงคนหนึ่ง ก็มีด้านนี้เหมือนกัน
เหมือนกับเด็กขี้อ้อนต้องการที่พักพิง แต่ตอนตื่นแข็งกร้าวอย่างกับอะไรดี เห็นๆ อยู่ว่าโมโหซะขนาดนั้นแล้วกลับหันหลังเดินออกไป ไม่อธิบายไม่พูดอะไรสักคำ
“แม่…”
เสียงแผ่วเบาจากริมฝีปากสีชมพู ขนตาของเสิ่นเฉียวสั่นไหวเบาๆ
สิบห้านาทีผ่านไปรถได้มาถึงตระกูลเย่เมื่อเปิดประตูเซียวซู่ก็ดันให้เย่โม่เซินลงจากรถและเย่โม่เซินก็ยังมีสาวน้อยที่เกาะติดเขาอยู่ราวกับมือปลาหมึก
นี่มันอะไรกัน ยังไม่วางเธอลงอีกคุณชายสองไม่ใช่บอกว่าไม่ชอบคุณนายน้อยสองไม่ใช่เหรอ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเป็นแบบนี้ได้
เหล่าสาวใช้มองกันไปมองกันมา ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนมีสาวรับใช้คนหนึ่งโกรธแค้นคุณนายน้อยสอง แล้วก็ลาออกไปเลย
ในขณะที่กำลังเดินเข้าลิฟต์มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“โม่เซิน”
เซียวซู่หยุดชะงัก ทางด้านข้างเห็นเย่หลิ่นหานที่กำลังเดินมาทางนี้
เดินไปที่ข้างหน้าแล้วหยุดลงเย่หลิ่นหานมองไปที่เสิ่นเฉียว “โม่เซินเกิดอะไรขึ้น”
เย่โม่เซินตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ไร้อารมณ์ “ก็อย่างที่เห็น”
เย่หลิ่นหานได้กลิ่นของแอลกอฮอล์ จึงถามขึ้นว่า “น้องทั้งสองดื่มมาเหรอ”
“อืม”
เย่หลิ่นหานพูดต่ออีก “โม่เซิน ขาของเธอคงไม่สะดวก พี่ช่วยละกัน”
พูดจบ เขาก็ยื่นมือออกมาเพื่อที่จะดึงตัวเสิ่นเฉียวไปจากเย่โม่เซิน แต่ไม่ทันจะโดนตัว เขายกแขนขึ้นกันมือเอาไว้แล้วมองด้วยสายตาเย็นชา
“ขอขอบคุณพี่ใหญ่ ฉันเองดีกว่า”
เย่หลิ่นหานมองที่มือตัวเอง แล้วยิ้มออกมาเบาๆ “โม่เซิน พี่ก็แค่เป็นห่วงว่าขาของเธอจะไม่สะดวก ถึงจะเป็นผู้หญิงก็มีน้ำหนักอยู่เหมือนกัน ขาของเธอ……”
“เธอเป็นภรรยาของผม คนอื่นไม่ต้องหรอก”
เย่หลิ่นหานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “โม่เซิน พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแค่….”
“ไป”
เซียวซู่รู้สึกอึดอัดแต่เธอก็สั่งคำสั่งของเย่โม่เซิน พยักหน้าแล้วเข็นรถเข็นเข้าลิฟต์ไป
ระหว่างขึ้นลิฟต์ไปลิฟต์สั่นเล็กน้อยทำให้เสิ่นเฉียวตกใจตื่นจากนั้นจึงค่อยๆ ลืมตากลมโตของเธอขึ้น เธอพยายามเงยหน้ามองแต่กลับโดนเย่โม่เซินดันหน้าของเธอซุกเข้าไปในอก
การกระทำนี้ของเขาคงออกมาจากจิตใต้สำนึก
เป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้เย่หลิ่นหานเห็นเสิ่นเฉียวในสภาพเมามายเช่นนี้
สภาพเมามายของผู้หญิงคนนี้ช่าง….
เก็บไว้ให้เขาดูคนเดียวก็พอแล้ว
“อื้อ…..” โดนเขาดันหน้าซุกเข้าไปอ้อมกอดแล้วก็ยากที่ขัดขืน
ติ้ง
ประตูลิฟต์ปิดลงเย่โม่เซินค่อยๆ คลายมือออก เสิ่นเฉียวเป็นอิสระ ทันทีที่เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ภาพตรงหน้าก็มืดดำไปหมดพร้อมกับปากที่โดนปิด