บทที่514 ฉันไม่ใช่แม่นมของคุณ
แต่ต่อหน้าเธอ เขายังคงแข็งกร้าวแม้ว่า…เห็นได้ชัดว่าเขานั้นขอร้องให้เธอมาในตอนนี้ เขาก็ยังคงแข็งกร้าวอยู่เช่นนั้น
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาพูดนั้นช่างต่ำต้อยเหลือเกิน
มันไม่เหมือนตัวเขาเลย
หรือเป็นเพราะเธอ?
หานมู่จื่อหลับตาลง ดูเหมือนว่าจะมีไฟลุกโชนในหัวใจของเธอ ท้ายที่สุดเธอก็หลับตาลงและยื่นมือทั้งสองออกไปและกอดตอบเย่โม่เซิน
สิบนาทีหลังจากนั้น
ทั้งสองกลับไปที่ห้องผู้ป่วยด้วยกัน
ภายในห้องพักผู้ป่วยอากาศอบอุ่น หานมู่จื่อพาเย่โม่เซินไปยังเตียงนอนจากนั้นก็หมุนตัวกลับเพื่อจะไปเอาน้ำ แต่ทันทีที่เธอหันกลับเธอก็ถูกเย่โม่เซินคว้าตัวเอาไว้ “จะไปไหน?”
มีความกังวลในน้ำเสียงของเขา เขาขมวดคิ้วและจ้องมองเธอ
หานมู่จื่อมองเขาอย่างระอา “มือคุณเย็นมาก ฉันจะไปเอาน้ำมาให้”
“ไม่ไปไหนนะ?”
เขาเหมือนจะไม่เชื่อเธอและถามอีกครั้ง
หานมู่จื่อส่ายหน้า “ไม่ไป”
คุณเป็นแบบนี้ ถ้าฉันจะไป คุณคงจะไม่ไปออกไปตากลมหนาวข้างนอกอีกหรืออย่างไร?
แน่นอนว่านี่คือคำพูดเชิงจิตวิทยาของหานมู่จื่อแต่เธอไม่ได้พูดมันออกมา
“ปล่อยมือเถอะ” หานมู่จื่อผลักมือของเขาออกไป แต่เย่โม่เซินไม่ยอมปล่อย หานมู่จื่อพูดด้วยท่าทางโกรธ “ไม่ปล่อยมือใช่ไหม? งั้นคุณลุกมาไปเอาน้ำกับฉัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ริมฝีปากของเย่โม่เซินก็โค้งงอและปล่อยอิสระให้กับเธอ
หลังจากได้รับอิสระ หานมู่จื่อก็สามารถรินน้ำให้เขาได้ในที่สุด เธอรินน้ำอุณหภูมิปานกลางและส่งมันให้กับเย่โม่เซิน “ดื่มเร็วเข้า คุณรออยู่ด้านนอกเป็นเวลาหลายชั่วโมง อากาศด้านนอกนั้นหนาวขนาดนั้น ร่างกายคุณเองก็บาดเจ็บ ไม่รู้จักเข้ามารอด้านในหรือไง?”
เย่โม่เซินรับแก้วน้ำมา จิบน้ำสองสามครั้งแล้วเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง
ดวงตาคู่นั้นร้อนรุ่ม ราวกับว่าเธอจะหายไปในวินาทีถัดไป
หานมู่จื่อถูกเขามองเธอรู้สึกไม่เป็นตัวเองเล็กน้อย เธอมองไปตรงอื่นและกล่าวว่า “ดื่มน้ำของคุณไป”
เขาก้มหัวลงเพื่อดื่มน้ำอีกครั้ง หานมู่จื่อจึงหันหน้ากลับมาจ้องมองไปยังศีรษะของเย่โม่เซินและกล่าว “หลังจากนี้คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้กลอุบายที่น่ารันทดแบบนี้มาโกหกฉันอีก ฉันบอกคุณไปแล้วว่าฉันไม่มีเวลาว่างมาแล้ว ในเวลานี้คุณควรหาอะไรกินด้วยตัวเองได้แล้ว แล้วคุณก็ไม่ใช่ว่าไม่มีญาติ คุณเป็นถึงประธานของบริษัทตระกูลเย่ แค่อยากกินอะไรก็แค่บอก?”
“แต่ฉันต้องการเธอ” เย่โม่เซินเงยหน้าขึ้นและมองเธออย่างจริงจัง
หานมู่จื่อ “………”
“ฉันไม่ใช่แม่นมของคุณ เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมาส่งอาหารให้คุณทุกวัน” เธอกล่าวอย่างจริงจัง “คุณเข้าใจไหม? ฉันไม่ใช่แม่นมของคุณเลย ก่อนหน้านี้ที่ฉันส่งข้าวส่งน้ำเพราะว่าฉันต้องการดูแลคุณ แต่…ฉันไม่สามารถทำแบบนี้ทุกวันได้ ฉันก็มีงานของฉัน”
“ฉันรู้” เย่โม่เซินพยักหน้าริมฝีปากบางของเขาขยับเล็กน้อย “จริงๆแล้วเธอมาก็ดีแล้ว ไม่ต้องเอาอาหารมาหรอก”
หานมู่จื่อ “แบบนั้นได้อย่างไร ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น”
“งั้นฉันไปหาเธอเอง” เย่โม่เซินจัดการหาทางออกอย่างรวดเร็ว
หานมู่จื่อหมดคำจะพูดกับเขา เธอกระพริบตารัวและอ้าปากค้าง “นั้นก็ไม่ได้”
“ทำไมล่ะ?” เขาจ้องมองเธอและถามอย่างไร้เดียงสา
หานมู่จื่อเองก็จ้องมองเขา อยากถามเขาจริงๆว่าคุณทำอะไรไว้ในตอนนั้นคุณจำไม่ได้หรืออย่างไร? ทำไมคุณสามารถมาก่อกวนฉันอย่างไม่รู้สึกรู้สาได้อย่างนี้?
แต่ก่อนที่เธอจะพูดคำเหล่านี้ ใบหน้าของเย่โม่เซินนั้นก็ซีดลง จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปเพื่อปิดตำแหน่งท้องของเขาและส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
“เป็นอะไรไป?” สีหน้าของหานมู่จื่อเปลี่ยนไปในทันที เธอรีบเดินเข้าไปหาเย่โม่เซิน
เย่โม่เซินยื่นมือออกไปเพื่อปกปิดตำแหน่งช่วงท้องของเขา เหงื่อเย็นที่หน้าผากของเขายังคงไหลออกมา อาการปวดท้องของเขาราวกับมีมีดกรีดทำให้เขาไม่แม้แต่ที่จะพูดออกมาได้
“ไม่เป็นไร” เย่โม่เซินฝืนความเจ็บปวดไว้และตอบหานมู่จื่อ
ท่าทางของเขาเป็นแบบนี้มันจะไม่เป็นไรได้อย่างไร? หานมู่จื่อมองไปที่ตำแหน่งของมือของเขา ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างและถามว่า “คุณยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็นเลยใช่ไหม?”
แม้ว่าจะมีสีหน้าลำบากใจแต่เย่โม่เซินก็พยักหน้า
หานมู่จื่อ “…คุณนี่ช่างโง่เง่าจริงๆ”
เพื่อรอเธอฉันจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย นี่ไม่เรียกโง่จะเรียกว่าอะไร?
เพื่อรอฉันแม้แต่ความปลอดภัยของตัวเองก็ไม่สนใจหรือไง?
แต่ เขาน่ะแม้แต่กรดซัลฟิวริกก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ อย่าแต่เพียงอาหารมื้อเดียวเลย
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หานมู่จื่อก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอยื่นมือไปเพื่อสัมผัสท้องของเขาและกล่าวว่า “เอามือออก”
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะช่วย เย่โม่เซินก็เอามือออกอย่างเชื่อฟัง จากนั้นฝ่ามืออันอบอุ่นของหานมู่จื่อก็สัมผัสหน้าท้องของเขาและสัมผัสอย่างเบามือ
ในขณะที่ระยะของทั้งสองนั้นใกล้กันมาก ลมหายใจของทั้งสองนั้นผสมผสานกัน เย่โม่เซินมองไปที่ท่าทางจริงจังของหานมู่จื่อในตอนนี้ ริมฝีปากบางซีดของเขาก็ค่อยๆยิ้มอย่างอ่อนแรง
“ดีจริง”
เขากล่าวออกมา
หานมู่จื่อเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจและพบว่ามุมปากของเขากำลังยิ้ม เธอจึงขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ “คุณเป็นอะไร? เจ็บขนาดนี้แล้วยังพูดว่าดีจริง?”
“อืม” ถึงแม้ว่าสีหน้าจะซีด แต่ในตอนนี้เย่โม่เซินไม่แสดงสีหน้าเจ็บปวดแม้แต่น้อยและกลับพยักหน้าอย่างพอใจ
หานมู่จื่อ “….”
เธอก็พอจะรู้ว่าทำไมเขาถึงพูดเช่นนั้น เขาเป็นคนโง่อย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อคิดได้แบบนี้ หานมู่จื่อก็ไม่ได้สนใจเขา
เมื่อรอจนอาการของเขาบรรเทาลง หานมู่จื่อก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อสั่งอาหาร
“ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ฉันจะกลับไปทำอาหารก็คงไม่ทันดังนั้นฉันจะสั่งโจ๊กให้กับคุณ”
เนื่องจากมีร้านค้าจำนวนมากเปิดในตอนกลางคืนและร้านโจ๊กก็มากเช่นกัน หานมู่จื่อจึงเลือกไปเลือกมา ในที่สุดก็พบร้านหนึ่งที่ดูดีเธอสั่งโจ๊กและเครื่องเคียงสองสามอย่าง เมื่อเห็นว่าผู้ขายรับออเดอร์เธอก็โทรหาเจ้าของร้านเป็นการส่วนตัวเพื่อที่จะให้ทำรสชาติเบาบางและเครื่องเคียงไม่ต้องใส่น้ำมันมากมาย ทางร้านก็ตอบตกลง หานมู่จื่อจึงวางสายอย่างโล่งใจ
หลังจากที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน หานมู่จื่อก็รู้สึกเหนื่อยล้าหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้แล้วเธอก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นเธอก็พบว่าเย่โม่เซินกำลังจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่ร้อนเป็นไฟ
เห็นๆอยู่ว่าเขาป่วยแต่ยังคงทำตัวเป็นผีบ้า
หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะกัดฟันและกล่าวว่า “มองหาอะไร? ไปนอนพักผ่อนซะ เดี๋ยวโจ๊กมาแล้วฉันจะเอาไปให้”
ริมฝีปากบางของเย่โม่เซินมีรอยยิ้มจางๆ นัยน์ตาสีดำเต็มไปด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย “เธอรู้ไหม แก้วที่เธอใช้เมื่อครู่คือแก้วของฉัน?”
การกระทำหยุดลงชั่วขณะ หานมู่จื่อก้มดูแก้วในมือของตัวเองและค่อยๆตอบสนอง
ดูเหมือนว่าจะใช่…
แก้วใบนี้เป็นแก้วที่เธอเพิ่งรินน้ำให้กับเขา เนื่องจากเขามีอาการปวดท้องอย่างกะทันหัน หานมู่จื่อจึงวางแก้วน้ำไว้ข้างๆ ในตอนนี้เธอไม่ได้คิดอะไรเธอจึงหยิบมันขึ้นมาดื่ม
ไม่คาดคิดเลยว่ามันคือถ้วยที่เขาดื่มไปเมื่อครู่และเย่โม่เซินยังจับได้อีกต่างหาก
หานมู่จื่อรู้สึกภายในใจไม่สงบในทันใด เธอวางถ้วยลงบนโต๊ะและกล่าวอย่างเย็นชา “ใครบอกว่าแก้วใบนี้เป็นของคุณ? เห็นๆกันอยู่ว่าฉันเป็นคนรินน้ำแล้วฉันก็เพิ่งเปลี่ยนแก้วไปเมื่อกี้”
“โอ้ เมื่อไหร่เหรอ?” เย่โม่เซินจ้องมองเธออย่างระแคะระคาย
หานมู่จื่อยิ้มเจื่อน “ก็เมื่อกี้ตอนที่โทรศัพท์ไง”