บทที่516 งั้นเป็นลูกของใคร
สนิทสนมงั้นหรือ?
ลองคิดดูแล้ว เมื่อเธอและเสี่ยวหมี่โต้วพูดคุยกันนั้นต้องสนิทสนมกันอย่างมาก
ไม่ นั่นควรเป็นความสนิทสนม
ท้ายที่สุดแล้วนั่นก็เป็นลูกชายของเธอเอง หานมู่จื่อไม่สนิทกับเขาแล้วจะให้สนิทกับใคร?
เมื่อเห็นใบหน้าของเธอซีดเซียว เย่โม่เซินก็ตระหนักได้ว่าการคาดเดาของเขานั้นถูกต้อง เพราะว่าเป็นเวลายามค่ำคืนโรงพยาบาลจึงเงียบสนิท ดังนั้นตอนที่หานมู่จื่อคุยโทรศัพท์อยู่นั้น เย่โม่เซินสามารถได้ยินเสียงเด็กได้อย่างชัดเจน
เขาเม้มริมฝีปาก สายตาของเขาจ้องมองหานมู่จื่อ
“คือใคร?”
น้ำเสียงของเขาเย็นชาและเข้มงวดเหมือนกับว่าเขากำลังตั้งคำถามกับเธอ
หานมู่จื่อตกตะลึงอยู่ชั่วครู่จากนั้นเธอก็ตั้งสติได้และกัดริมฝีปากของเธอพร้อมกับถามว่า “แล้วทำไมถึงมาถามฉันแบบนี้?”
เย่โม่เซินนิ่งงัน “ทำไม?”
“ใช่ ทำไม?” คำพูดดังกล่าวได้พูดออกไปแล้วและความกล้าก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้น หานมู่จื่อยิ้มเยาะ “ฉันคุยโทรศัพท์กับใคร จะสนิทกับใครแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณคงไม่คิดว่าฉันมาหาคุณในตอนกลางคืนส่งอาหารให้แล้วฉันจะเป็นแม่นมของคุณอย่างเต็มตัวหรอกนะ แล้วยังต้องรับคำสั่งจากคุณงั้นสิ? นี่คือชีวิตของฉัน ฉันคงไม่จำเป็นต้องรายงานคุณหรอกใช่ไหม?”
พูดจบ หานมู่จื่อก็ใช้แรงผลักเขาให้หลบไปจากนั้นก็เดินตรงออกมาจากห้องน้ำ
คำพูดของเธอทำให้เย่โม่เซินไม่สบอารมณ์
เมื่อเห็นเธอออกไป เขาก็หมุนตัวกลับมาและเดินตามออกไป
“ครั้งที่แล้วเด็กที่ร้านอาหารนั่นคือใคร?”
หานมู่จื่อหยุดก้าวเดินอย่างกะทันหัน
ใบหน้าของเธอซีดอีกครั้งราวกับว่าศีรษะด้านหลังของเธอถูกกระแทกอย่างแรง เธอยืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานและไม่มีท่าทีตอบโต้
มีเพียงความคิดเดียวในหัวของเธอ
เขาเห็นหรือ?
ที่ร้านอาหารครั้งที่แล้วเขาเห็นหรือ?
แล้วทำไมเขาถึงเงียบไม่พูดอะไรล่ะ?
หากว่าเขาเห็นเสี่ยวหมี่โต้วแล้ว แล้วทำไมเขาไม่เปิดเผยเธอ? หรือเขากำลังรอโอกาส?
เมื่อคิดได้แบบนี้ หานมู่จื่อก็รู้สึกเย็นวูบจากเท้าขึ้นมา เธอไม่ได้หันกลับไป เธอเพียงแค่กัดริมฝีปากล่างอย่างสุดแรง
เย่โม่เซินมองเธอจากด้านหลังใบหน้าของเขาเย็นชา
“นั่นคือลูกของเธอเหรอ?”
หานมู่จื่อ “…..”
“ใช่ไหม?”
หานมู่จื่อ “…..”
“ลูกของเธอกับใคร?” เย่โม่เซินจ้องไปที่ด้านหลังของเธอ สายตาของเขาค่อยๆเย็นลง
อุณหภูมิโดยรอบเย็นขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยอารมณ์ที่เยือกเย็นของเย่โม่เซิน หานมู่จื่อที่นิ่งงันก็ตกตะลึงอีกครั้ง เธอค่อยๆหันหน้ากลับมา สายตาจ้องมองเรือนร่างของเย่โม่เซิน
ทำไมเขาถึงถามเธอเช่นนั้น? ถ้าหากว่าเขาเห็นเสี่ยวหมี่โต้วแล้ว เขาจะไม่คิดว่าเด็กคนนั้น…
ทำไมในตอนนี้เขาถามเธอแบบนี้?
เขากำลังทดสอบเธอหรือว่ามีจุดประสงค์อื่น?
การแสดงออกที่ตกตะลึงของหานมู่จื่อรบกวนอารมณ์ของเย่โม่เซิน เขาก้าวไปข้างหน้าและจับไหล่ของเธออย่างแรง เขากัดฟันแล้วพูดว่า “ฉันกำลังถามเธอ”
เธอไม่รู้
ตอนนี้จิตใจของเธอสับสน
เธอคิดเสมอว่าเธอซ่อนตัวได้ดีพอสมควร แต่ทำไมครั้งที่แล้วเย่โม่เซินถึงรู้ได้ล่ะ?
ทำไมผ่านไปนานแล้วเขาเพิ่งจะมาพูด?
เธอเดาไม่ออกจริงๆว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไรดังนั้นเธอจึงไม่กล้าตอบเขาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า
ผ่านไปครู่หนึ่ง เย่โม่เซินเห็นเธอเงียบไม่ตอบและค่อยๆสงบลง เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “คนที่คุยด้วยเมื่อกี้ ใช่เด็กคนเดียวกันกับที่ร้านอาหาร ใช่ไหม?”
หานมู่จื่อไม่ได้พยักหน้าหรือปฏิเสธ
เย่โม่เซินหัวเราะเยาะ “ดูแล้วไม่ผิดแน่ เขาคือใคร? มู่จื่อ ห้าปีที่ผ่านมาเธออะไรลับหลังฉัน?”
ความโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา การแสดงออกที่สับสนวุ่นวายผสมกับความเจ็บปวด
“วันนั้นฉันเห็นหน้าตาของเด็กคนนั้นที่ร้านอาหาร ฉันคิดว่าอาจเป็นลูกของเสี่ยวเหยียน แต่ในวันนี้ฉันได้ยินเขาโทรหาเธอ เขาเรียกเธอ…มู่จื่อ หลายปีมานี้เธอกำลังคบกับใคร? ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเธอ แล้วเขาเป็นลูกของเธอกับใคร?”
คำถามที่เขารัวมาทำให้หานมู่จื่อสับสนงุนงง
เขาหมายถึงอะไรกันแน่? เขาพูดแบบนี้คือเขาไม่เห็นหน้าตาของเสี่ยวหมี่โต้วหรือเปล่า? วันนั้นในร้านอาหารเขาไม่ได้สงสัยอะไรและไม่ได้ให้ใครสืบเรื่องราวและข้อมูลของเธอ?
เมื่อครู่ที่โกรธก็เพราะได้ยินเสี่ยวหมี่โต้วเรียกเธอว่าหม่ามี๊หรือ?
“คุณปล่อยฉันก่อน ความคิดของฉันกำลังสับสน…” หานมู่จื่อสะบัดมือเขาออก ร่างกายของเธอเซไปด้านหลัง
เธอเป็นแบบนี้ แต่เย่โม่เซินกลับรู้สึกว่าเธอได้ทำความผิดไว้
เขากัดฟันและไล่ตามเธอไปคว้าข้อมือเธอไว้
“เธอกำลังคบอยู่กับใครอยู่แล้วใช่ไหม?”
“ฉัน…”
“ตอบคำถามฉัน เด็กคนนั้นเป็นลูกของเธอกับใคร?”
จิตใจของหานมู่จื่อวุ่นวาย เธอคว้ามือของเย่โม่เซินไว้ “ปล่อยฉัน ทำไมคุณถามฉันแบบนี้?”
ในช่วงเวลาที่ทั้งสองอยู่ในเส้นทางที่ไปต่อไม่ได้ พยาบาลก็เคาะประตูห้องผู้ป่วยและได้ผลักเข้ามา เธอยืนอยู่แบบนั้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ขอโทษคุณทั้งสอง ที่นี่โรงพยาบาล ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว รบกวนช่วยเบาเสียงด้วย”
คำพูดของพยาบาลทำให้ทั้งคู่สงบลง แรงจากมือของเย่โม่เซินก็คลายลงเช่นกัน หานมู่จื่อใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่เขาปล่อยมือผลักเขาออกไปอย่างรวดเร็ว เธอหันหลังและวิ่งออกจากประตูในทันที
“เอ๊ะ? เกิดอะไรขึ้น?” ก่อนที่พยาบาลจะมีเวลาตอบสนองใดๆ หานมู่จื่อก็เช็ดแขนของเธอและวิ่งออกไป เธอไม่หันหลังกลับมาอีก
พยาบาลมองแผ่นหลังของเธอที่ค่อยๆจางหายไปและหันกลับมามองเย่โม่เซิน
เห็นเขายืนอยู่คนเดียวภายในห้องพักผู้ป่วย สีหน้าและท่าทางของเขานั้นอ่อนเพลีย
แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังซ่อนความหล่อเหลาของผู้ชายคนนี้เอาไว้ไม่ได้
ความงามอยู่ตรงหน้านางพยาบาลรู้สึกไหวหวั่นเล็กน้อยเธอจึงใช้น้ำเสียงเล็กถามๆเขา “คุณผู้ชาย คุณ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เย่โม่เซินเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่แสนเย็นชานั้นทำให้ผู้คนตกตะลึง พยาบาลสาวส่งเสียงกระแอมเบาๆและกล่าวว่าอย่าส่งเสียงดังอีกจากนั้นก็รีบจากไป
ตั้งแต่หานมู่จื่อออกมาจากห้องผู้ป่วยเธอใช้เวลาไม่นานก็ถึงประตูใหญ่ของโรงพยาบาล ในขณะนั้นมีรถคันหนึ่งจอดส่งผู้โดยสารพอดี หานมู่จื่อจึงรีบวิ่งไปเพื่อเรียกรถและบอกจุดหมายปลายทางของเธอ
หลังจากขึ้นรถแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหาเสี่ยวเหยียน “ฉันกำลังกลับไป ประมาณ20นาที เธอมารับฉันตรงเขตชุมชนหน่อยสิ”
เสี่ยวเหยียนรับสายเธอและตื่นขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดเธอก็รู้สึกแปลกใจ “คุณเป็นบ้าหรือเปล่า? เธอรีบไปโรงพยาบาลตอนกลางดึกกลางดื่นแล้วพอจะกลับมาดันให้ฉันไปรับที่เขตชุมชนเนี่ยนะ? มันดึกขนาดนี้แล้วพี่สาว ฉันหลับอยู่”
หานมู่จื่อเหลือบมองคนขับและพยักหน้า “อืม เธอไม่อยากมาก็โอเค เธอให้พี่ชายฉันมารับแล้วกัน ฉันอยู่บนแท็กซี่แล้ว”
พูดจบ หานมู่จื่อมองไปที่คนขับรถตรงหน้าแล้วถามว่า “คุณลุง ป้ายทะเบียนอะไรเหรอ? ฉันจะบอกพี่ชายฉัน เขาจะได้หาเจอ”
คนขับรถก็บอกหมายเลขป้ายทะเบียนรถแก่เธอ หานมู่จื่อจึงโล่งใจ
นั่งรถยามค่ำคืน เธอต้องมีสติไว้ก่อน
ในไม่ช้าก็ถึงที่พักอย่างปลอดภัย เมื่อหานมู่จื่อลงจากรถเธอก็เห็นเสี่ยวเหยียนยืนตัวสั่นอยู่ท่ามกลางสายลมยามค่ำคืนโดยสวมเสื้อโค้ทที่มีดวงตากลมโต เมื่อเธอเห็นหานมู่จื่อลงจากรถเสี่ยวเหยียนก็รีบวิ่งไปและดุด่าหานมู่จื่อ
“กลางดึกขนาดนี้เธอให้ฉันมายืนรออยู่ข้างล่าง เธอใจจืดใจดำไปไหม? ฉันหลับไปแล้วลูกชายเธอก็มาปลุก แล้วนี่เธอก็มาปลุกอีก พวกเธอสองแม่ลูกนี่ร้ายกาจเสียจริง!”