บทที่517 ทำไมฉันแย่จัง
หานมู่จื่อกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยและกอดเสี่ยวเหยียน “โอเค รู้แล้วว่ารบกวนเธอ แค่ครั้งนี้เท่านั้นแหละน่า และ … พี่ชายของฉันจูบเธอ ดังนั้นในอนาคตเธอก็มีสถานะเป็นพี่สะใภ้ฉันแล้วดูแลฉันหน่อยเถอะน่า”
เสี่ยวเหยียนนั้นโกรธเคือง แต่เมื่อหานมู่จื่อกล่าวถึงหานชิง ใบหน้าของเธอก็แดงโดยไม่รู้ตัว
“เธอพูดบ้าอะไรของเธอ? พี่สะใภ้อะไร”
“ทำไม?” หานมู่จื่อโอบแขนเธอไว้และทั้งสองก็เดินออกจากเขตชุมชนไปด้วยกัน “เธอไม่อยากเป็นพี่สะใภ้ฉันเหรอ?”
“อยากสิ อยากเป็น อยาก แต่ว่า..”
“งั้นก็ไม่เป็นไร”
“อย่าเพิ่งพาดพิงฉัน เธอน่ะเกิดอะไรขึ้น? กลางค่ำกลางคืนรีบไปโรงพยาบาลแล้วรีบกลับมา? เย่โม่เซินเขาให้เธอไปทำอะไรให้เขาอีกล่ะ?”
หานมู่จื่อส่ายหน้าและยิ้มกล่าว “ไม่มีอะไร ตอนนี้มันจบไปแล้ว”
เสี่ยวเหยียนกลับจ้องมองเธอ “ไม่ เธอกำลังโกหกฉัน”
หานมู่จื่อนิ่งไป “เสี่ยวเหยียน?”
“เธอจงใจพูดหยอกล้อฉัน แต่หานมู่จื่อฉันกับเธอรู้จักกันมานานกี่ปี ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเธอกำลังดีใจหรือกำลังเสียใจ รอยยิ้มของเธอตอนนี้มันดูไม่จริง แล้วยังจงใจมาพูดหยอกล้อฉันอีก? ครั้งหน้าอย่าทำแบบนี้แล้ว พวกเราคือเพื่อนรักกัน ต่อหน้าฉันเธอไม่ต้องแสร้งทำเป็นแข็งแกร่งนักหรอก”
หานมู่จื่อ “…..”
“พูดมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เธอพูดอย่างนั้นและหานมู่จื่อก็ไม่สามารถรักษารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอได้อีกต่อไป “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ตอนนี้ภายในใจฉันยังคงสับสนวุ่นวายดังนั้นฉันเลยยังไม่อยากพูดอะไร”
“ช่างเถอะ ถ้าเธอไม่อยากพูดฉันเองก็ไม่บังคับเธอ เธอก็คิดดีๆแล้วกัน”
“อืม”
ทั้งสองกลับบ้านด้วยกัน หานมู่จื่อถอดโค้ทของเธอและกลับขึ้นไปชั้นบนเนื่องจากเสี่ยวหมี่โต้วหลับไปแล้ว หานมู่จื่อจึงต้องไปที่ห้องรับรองแขกห้องถัดไป เธอปิดไฟจากนั้นก็นอนอยู่ภายในความมืด
ในเวลานี้เธอควรนอนหลับไปได้แล้ว
แต่จิตใจของเธอนั้นกลับเด่นชัดมากว่าภายในใจมีเรื่องสับสนวุ่นวาย
หานมู่จื่อหลับตาลงและจิตใจของเธอเต็มไปด้วยคำพูดเหล่านั้นที่เย่โม่เซินถามเธอในตอนที่อยู่โรงพยาบาล
เขารู้ถึงการมีอยู่ของเด็กแล้ว แค่เพียงเขาตรวจสอบข้อมูลเขาอาจจะรู้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วนั้นมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร
แม้ว่าเธอจะซ่อนเสี่ยวหมี่โต้วไว้อย่างดีและไม่ได้เปิดเผยรูปลักษณ์ของเขาต่อสาธารณะแต่ก็เลี่ยงความประมาทไม่ได้หรอก
ก่อนหน้านี้ที่อยู่ต่างประเทศไม่ได้สนใจแล้วกลับมาที่ประเทศล่ะ?
ถ้าเย่โม่เซินรู้หลังจากนั้นล่ะ?
จนตอนนี้หานมู่จื่อรู้สึกว่าการกลับมาที่ประเทศนี้อาจเป็นความผิดพลาด
หลังจากนี้เธอควรทำอย่างไร?
แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่ากำลังทำงานหนักเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น แต่…หลายๆเรื่องที่กำลังเผชิญอยู่นั้นเธอยังคงไร้เรี่ยวแรงอยู่แบบนี้?
*
หมดคืนนี้ วันที่สดใส
เสี่ยวเหยียนถูผมยุ่งๆของเธอในขณะที่ดึงชุดนอนและเดินลงไปที่ห้องครัวแต่ในทันใดนั้นก็มองเห็นร่างสูงใหญ่อยู่ในห้องรับแขก
เมื่อเธอเพ่งสายตามอง เสี่ยวเหยียนตกใจมากจนแทบจะกลิ้งตกบันได
คนที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกนั้นหากไม่ใช่หานชิงแล้วคือใครที่ไหน? แต่เช้าขนาดนี้ เขามาที่นี่ได้อย่างไร?
เสี่ยวเหยียนจับราวบันได หานชิงก็มองมาพอดี
ดวงตาของพวกเขาสบกันในอากาศและดูเหมือนว่าบรรยากาศดูเงียบไปชั่วครู่
ดวงตาสีเข้มของหานชิงเห็นชุดที่เธอสวมใส่ในเวลานี้ เขาขมวดคิ้วยุ่ง
เสี่ยวเหยียนติดตามการจ้องมองของเขาและมองลงไป
เธอนอนหลับพลิกตัวไปมาดังนั้นคอเสื้อเอียงไปด้านหนึ่งเผยให้เห็นไหล่ขาวเล็กน้อย ขากางเกงถูกยกขึ้นและเอียงลง ผมเธอก็กระเซอะกระเซิง
สามวินาทีต่อมา เสี่ยวเหยียนหลับตาและพูดกับตัวเอง “นี่คือเรื่องไม่จริง ภาพลวงตา หลอนไปเอง!”
เธอต้องฝันอยู่แน่ๆ
หานชิงจะมาในเวลานี้ได้ไง? เขาไม่มีกุญแจบ้าน!
เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง แต่เสี่ยวเหยียนกลับยังคงมองเห็นหานชิงนั่งอยู่ตรงนั้น เธอนิ่งไปชั่วขณะ เธอหันกลับมาและวิ่งขึ้นไปชั้นบนร่างเล็กจิ๋วหายไปจากสายตาของหานชิง
หานชิงขมวดคิ้วและมองดูร่างเล็กๆค่อยๆหายไป
เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้น
ผู้หญิงคนนี้…
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนรีบกลับไปที่ห้องของเธอ เธอก็เข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เธอมองเห็นสภาพของตัวเองในกระจกจากนั้นเธอก็โอดครวญอย่างเศร้าโศก
“ทำไมฉันดวงซวยแบบนี้? ครั้งที่แล้วฉันนอนหลับและทำตัวโง่ๆก็ว่าช่างมันแล้วนะ ครั้งนี้ยังทำตัวน่าเกลียดอีก? เสี่ยวเหยียนนะเสี่ยวเหยียน ชาติที่แล้วเธอต้องเป็นหมูแล้วกลับชาติมาเกิดแน่ๆ!”
เสี่ยวเหยียนถูผมของเธออย่างแรงจนแทบคลั่ง
แต่หลังจากคิดอีกครั้ง เธอไม่สามารถตกต่ำแบบนี้ได้
เธอต้องการที่จะตามจีบเทพบุตร เธอได้จูบไปแล้ว แล้วเธอจะกลัวอะไรอีก?
ต้องเดินหน้าอย่างกล้าหาญเท่านั้น!
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนให้กำลังใจตัวเองแล้วเธอก็รีบมัดผมแปรงฟันและล้างหน้า เนื่องจากการแต่งหน้านั้นชัดเจนเกินไปดังนั้นเสี่ยวเหยียนต้องเหล่ตาและกรีดอายไลเนอร์แบบบางและทาลิปสติกจากนั้นเธอยืดผมด้วยเครื่องหนีบผมแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า
เมื่อเห็นตัวเองที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงในกระจกแล้วเสี่ยวเหยียนรู้สึกประหม่าจนหัวใจของเธอแทบจะพุ่งออกมาลำคอของเธอ
เธอไปเจอหานชิงด้วยรูปลักษณ์นี้คงจะไม่มีปัญหาหรอกใช่ไหม?
ก่อนออกไป เสี่ยวเหยียนกลับเดินกลับไปอย่างรวดเร็วและหยิบขวดขนาดเล็กที่เพิ่มลมหายใจที่สดชื่นขึ้นมาจากนั้นก็ฉีดเข้าไปในปากของเธอ หลังจากยืนยันว่าลมหายใจของเธอสดชื่นแล้ว เสี่ยวเหยียนก็เดินออกไปจากห้องอย่างมั่นใจและลงไปชั้นล่าง
หานมู่จื่อนั้นเมื่อคืนเธอกลับมาดึกมากดังนั้นในเวลานี้อาจยังไม่ตื่น
ในความเป็นจริง ในพวกเขาสามคนนั้นคนที่ตื่นเช้าสุดมาโดยตลอดก็คือเสี่ยวเหยียน
ใครให้เธอทำอาหารเป็น? เธอต้องตื่นมาทำอาหารเช้า
เสี่ยวเหยียนเดินเข้ามาหาหานชิงอย่างช้าๆ เขาหยิบสมุดบันทึกของเขาออกมาราวกับว่าเขากำลังจัดการกับงาน
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาหานชิงก็เงยหน้าขึ้นทันทีและเห็นเสี่ยวเหยียนที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เมื่อนึกถึงรูปลักษณ์ที่เลอะเทอะของเธอเมื่อครู่และมองเธอในตอนนี้สามารถพูดได้ว่าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“คุณ คุณหาน”
เสี่ยวเหยียนแสดงรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอและทักทายเขา “ทำไมคุณ … มาที่นี่เร็วจังล่ะ?”
หานชิงได้ยินเช่นนั้นเขาก็ตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา “ตื่นเช้าก็เลยมา”
เสี่ยวเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอกัดริมฝีปากล่างของเธอแล้วถาม “แต่ว่าคุณหาน คุณ..คือ..เข้ามาได้อย่างไร?”
“เปิดประตู”
เสี่ยวเหยียน “…..”
แน่นอนว่าเธอรู้ว่าเขาเปิดประตูเพื่อเข้ามา แต่ … เธอจำได้ว่ามีเพียงเธอและมู่จื่อเท่านั้นที่มีกุญแจเข้าบ้านนี้
ในช่วงสองวันที่ผ่านมามู่จื่อมักจะไปโรงพยาบาลบ่อยครั้งและไม่ได้นำกุญแจไปและมักจะใส่ลายนิ้วมือ
ถามเขาก็รู้สึกไม่ได้ แต่ถ้าหากไม่ถามภายในใจของเสี่ยวเหยียนก็คงค้างคา
สุดท้ายก็อดใจไว้ไม่ไหวและถาม “เอ่อคือ…ฉันจำได้ว่ากุญแจบ้านนี้”
“รหัสผ่าน” ก่อนที่เธอจะพูดจบ หานชิงได้คลายความสงสัยของเธอ
รหัสผ่าน? เสี่ยวเหยียนยิ่งแปลกใจ เขารู้รหัสผ่านได้ไง?
หานชิงดูเหมือนจะตรวจพบความคิดในหัวของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เมื่อวานเธอเข้ามาน่ะใส่รหัสผ่านใช่ไหม”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้า “ใช่”
จากนั้นเธอก็โต้กลับอย่างตระหนก “นั่นจำได้เลยหรือ?”