บทที่522 คนจากไปแล้ว สถานที่นี้ว่างเปล่า
หลายวันมานี้ วันเวลาของหานมู่จื่อผ่านไปอย่างมีความสุข
เพราะว่า ตั้งแต่คืนนั้น เย่โม่เซินก็ไม่ได้ส่งข้อความมาหาเธอกวนให้เธอไปที่โรงพยาบาลอีก บัญชีวีแชทของเขา เงียบเหมือนกับไม่เคยปรากฏมาก่อน
บางที หานมู่จื่อก็รู้สึกเหมือนกับว่าเธอค้างจ่ายค่าโทรศัพท์ หรือว่าWIFIที่บ้านเสีย ไม่ยังงั้น……ทำไมโทรศัพท์ของเธอถึงไม่ได้รับข้อความจากวีแชทของเย่โม่เซินเลย
แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากเขาที่ไม่ได้ส่งข้อความมานั้น คนอื่นๆ ก็ยังคงส่งหาเธอได้ตามปกติ
รวมทั้งโทรศัพท์ด้วย
นี่มันก็หมายความว่าเธอไม่ได้ค้างค่าโทรศัพท์ และWIFIที่บ้านก็ไม่ได้เสียด้วย
แต่ว่าเย่โม่เซินไม่ได้ติดต่อเธอจริงๆ
เธอคิดในใจว่า หรือบางที……เขาเบื่อหน่ายแล้ว เขาคิดว่าการที่ส่งข้อความมาขอให้เธอไปที่โรงพยาบาลทุกวันมันไม่ได้มีความหมายอะไร ยังไงก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเอาแต่ยืนอยู่ที่เดิมเพื่อตามตื๊อและรอเธอเสมอไปอยู่แล้ว ตอนนี้เขาก็แค่กลับไปยังเส้นทางที่ถูกต้องเท่านั้นเอง
แบบนี้ดีมากเลย
ต่างคนก็ต่างใช้ชีวิต
เพียงแค่ว่า……ทำไมในใจเธอถึงได้รู้สึกว่างเปล่า
หานมู่จื่อพิงโซฟา มือกำโทรศัพท์แน่น
ช่องว่างในหัวใจของเธอทำให้หานมู่จื่อรู้สึกรังเกียจตัวเอง
หลายวันมานี้คนที่เอาแต่ปฏิเสธก็คือตัวเธอเอง เธอคือคนที่ต้องการตัดการติดต่อกับเขามาโดยตลอด ไม่ต้องการติดต่อกันอีกต่อไป แต่ว่าพอตอนนี้เขาไม่ติดต่อเธอจริงๆ ทำไมในใจเธอถึงได้รู้สึกว่างเปล่าขนาดนี้กัน?
ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างถูกพรากออกไป
หรือว่า มันคือความเคยชิน?
เพราะว่าตั้งแต่ตอนที่เจอกับเขานั้น เขาก็ปรากฏตัวในชีวิตของเธอเสมอ บุกรุกชีวิตในช่วงนี้ของเธอ
คนเราก็เลยเคยชินกับคนๆหนึ่ง
เธอเคยชินกับการมีอยู่ของเขา ถ้ายังงั้นต่อไปนี้……เธอก็แค่ต้องเคยชินกับการที่ไม่มีเขาก็พอแล้ว
พอคิดถึงแบบนี้ หานมู่จื่อก็สงบนิ่งลงมากกว่าเดิม คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้ว
ต่อไปก็เอาแบบนี้แล้วกัน
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ หานมู่จื่อก็นอนอยู่ที่บ้าน คอกลูกกับแม่แมวที่ได้พากลับมาก็ได้ถูกย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของพวกเธอแล้ว
วันนั้นหลังจากเสี่ยวเหยียนกับเสี่ยวหมี่โต้วพาไปฆ่าเชื้อโรคและถ่ายพยาธิในร้านขายสัตว์เลี้ยงแล้วนั้น ก็ซื้อกรงเล็กๆ แล้วก็นำแมวทั้งหมดกลับบ้าน
ลูกแมวถูกแม่แมวดูแลอย่างดี มาอยู่บ้านนี้ได้เกือบหนึ่งอาทิตย์ แต่ละตัวก็อวบอ้วนแล้วเรียบร้อย
น่าจะเพราะว่าได้เจอบ้านแล้ว ดังนั้นแม่แมวก็สนิทกับพวกเธอมาก และก็ยอมให้คนในบ้านได้จับลูกแมวตัวน้อยด้วย
ทุกครั้งหลังจากให้นมเสร็จ มันก็จะวิ่งไปกลิ้งไปกลิ้งมาภายใต้แสงแดดที่ระเบียง นอนหรี่ตาอย่างขี้เกียจอยู่ตรงนั้น ดูสบายอกสบายใจเป็นอย่างมาก
ลูกแมวกลุ่มหนึ่งวิ่งไปมาบนพรมที่บ้าน เพราะว่าอายุยังไม่ถึงเดือน ดังนั้นบางทีตอนเดินขาหน้าก็เตะกับขาหลัง สะดุดบ้าง แต่ว่าก็ดื้อมาก พอล้มลงแล้วก็พยายามลุกขึ้นมาเดินอีก
ถ้าเกิดว่าเห็นคนเดินผ่านหน้าพวกมันไป พวกมันก็จะเดินตามตลอด
สรุปแล้ว พอมีแมวมาอยู่ด้วยเพิ่มขึ้น หานมู่จื่อรู้สึกว่า……ทุกครั้งที่เธอจะเดินไปไหนมาไหนต้องระมัดระวังมาก
เพราะว่า……พวกลูกแมวตัวเล็กมาก แถมยังวิ่งรวดเร็วอีก ก็กลัวว่าจะเหยียบพวกมันโดยบังเอิญ
“เมี๊ยว……”หานมู่จื่อนอนลงบนโซฟาด้วยอารมณ์ที่ตกต่ำ ทันใดนั้นก็มีเสียงออดอ้อนของแมวดังขึ้นตรงเท้าของเธอ เธอมองไปทันที ก็พบว่าลูกแมวได้วิ่งออกมาจากกรง ตอนนี้ยืนอยู่ตรงเท้าของเธอ จ้องมองมาที่เธออย่างอยากรู้อยากเห็นด้วยดวงตาสีเข้ม
หานมู่จื่อสบตากับมันครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็โค้งตัวแล้วยื่นมือไปอุ้มแมวน้อยตัวนั้นมาไว้ในอ้อมแขน
ใช้3นิ้วลูบหัวเล็กๆ ของมัน หานมู่จื่อพูดไปด้วย “แกว่า……ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่เหรอ? ”
“ฉัน……ฉันควรไปดูเขาที่โรงพยาบาลหน่อไหม? ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาเป็นยังไงบ้าง”
“หม่ามี๊ อาการบาดเจ็บใครเป็นยังไงบ้างเหรอ? ” เสี่ยวหมี่โต้วที่กำลังวิ่งลงมาจากบันไดได้ยินประโยคนี้พอดี ก็เลยออกปากถาม
หานมู่จื่อดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“ไม่มีอะไรหรอก ลูกฟังผิดแล้ว”
เสี่ยวหมี่โต้วจ้องมองด้วยความสงสัย “เหรอครับ? แต่ว่าเมื่อกี้เสี่ยวหมี่โต้วได้ยินชัด……”
“ก่อนหน้านี้แม่แมวได้รับบาดเจ็บที่ขาน่ะ หม่ามี๊ก็เลยกำลังถามมัน ไม่ยังงั้นลูกคิดว่าทำไมหม่ามี๊ถึงได้อุ้มลูกแมวแล้วพูดประโยคนี้ล่ะ? ”
หานมู่จื่ออธิบายด้วยรอยยิ้ม
ถึงแม้ว่าเธอไม่อยากจะโกหกเสี่ยวหมี่โต้ว แต่ว่าตอนนี้ไม่สามารถบอกเขาได้จริงๆ ตอนนี้เธอกำลังพูดถึงเย่โม่เซินไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวพอถึงเวลาเขาอาจจะจับหัวข้อได้แล้วบอกเธอว่าอยากได้พ่ออีกครั้ง
พอพูดถึงเรื่องที่อยากจะได้พ่อ หานมู่จื่อถึงได้ตระหนักว่าตัวเองต้องใส่ใจกับปัญหานี้
เธอไม่สามารถอยู่คนเดียวตลอดไปได้จริงๆ แม้ว่าเธอจะสามารถอดทนต่อความเหงาได้นานหลายปีก็ตาม แต่ว่าเสี่ยวหมี่โต้วก็เป็นเด็กคนหนึ่ง เขาต้องการครอบครัวที่พร้อมหน้า ถึงจะได้เติบโตเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็ค่อยๆ ตัดสินใจ
เสี่ยวหมี่โต้วนั่งอยู่ที่โซฟาเป็นเพื่อนเธอสักพัก ลูกแมวก็อยู่ในอ้อมแขนของเธอมากพอแล้ว ดังนั้นตอนที่หานมู่จื่อวางมันลง มันก็ไปเล่นกับเสี่ยวหมี่โต้ว
พอพวกเขาไปแล้ว หานมู่จื่อถึงได้พบว่าตัวเองมีเหงื่อออก
เมื่อกี้เธอพูดแบบนั้นออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว
เธอกำหมัดแน่น จนเล็บทิ่มมือจนเจ็บ หานมู่จื่อถึงได้ปล่อยมือ
ถ้าเกิดว่าเป็นห่วงล่ะก็ ถ้ายังงั้นเธอควรไปดูเขาที่โรงพยาบาลตอนนี้? แล้วก็ซื้อผลไม้ไปฝากเขา? ยังไง……ตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่ เธอแค่ไปดูแค่แป๊บเดียว แค่แป๊บเดียวแล้วก็กลับ
เธอคิดแบบนี้ แล้วหานมู่จื่อก็เริ่มขยับ
เธอลุกขึ้นใส่เสื้อโค้ต หลังจากนั้นก็ถือกระเป๋าลงมาข้างล่าง
ไปเลือกซื้อผลไม้ร้านใกล้ๆ สุดท้ายหานมู่จื่อก็ออกมาพร้อมกับผลไม้หนึ่งถุง จากนั้นก็นั่งแท็กซี่และมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล
ตอนแรกทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี แต่ตอนที่เธอมาถึงหน้าประตูโรงพยาบาลนั้น จู่ๆ หานมู่จื่อก็ถอย
ทั้งๆ ที่บอกแล้วว่าจะตัดขาดการติดต่อกับเขา แล้วตอนนี้เธอมาทำอะไรที่นี่?
ยังจะมาเยี่ยมเขาอีกยังงั้นเหรอ?
มันจะทำให้เขารู้สึกว่า……ตัวเองแสร้งปล่อยไปเพราะต้องการจะจับให้อยู่หมัดรึเปล่า?
ช่างเถอะ ไม่สนใจแล้ว
ยังไงเธอก็มาแล้ว ก็เข้าไปดูหน่อยแล้วกัน
เรื่องอื่นเดี๋ยวถึงเวลาค่อยว่ากันอีกที
หานมู่จื่อถือผลไม้เดินไปยังห้องผู้ป่วยที่คุ้นเคย
เธอยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็ผลักประตูเข้าไปข้างใน
หลังจากผลักประตูเข้าไปแล้ว หานมู่จื่อก็ต้องตะลึงไป ยืนอึ้งพร้อมกับมองเข้าไปข้างใน
ห้องผู้ป่วยนั้นว่างเปล่า ผ้าปูเตียงก็ถูกถอดออกหมดเช่นกัน เปลี่ยนเป็นอันใหม่ พับอย่างเรียบร้อย มีเงาของคนอยู่ที่ไหนกันล่ะ?
ในตอนนั้น หานมู่จื่อนึกว่าตัวเองเข้าผิดห้อง ดังนั้นก็เลยถอยออกมาดู แต่ก็พบว่ามันไม่ได้ผิด
แล้วในตอนนั้นก็มีพยาบาลเดินผ่านมาพอดี หานมู่จื่อก็เลยขวางเธอไว้
“ขอโทษด้วยนะคะ ขอรบกวนหน่อย ขอถามว่าคุณผู้ชายที่อยู่ห้องนี้……”
“อ้อ คุณคือคนที่มาดูแลเขาก่อนหน้านี้ตลอดใช่ไหมคะ? ทำไมเขาออกจากโรงพยาบาลไปแล้วคุณยังไม่รู้อีกล่ะ? ”
“ออก ออกจากโรงพยาบาลงั้นเหรอคะ? ” หานมู่จื่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทำไมเขาถึงออกจากโรงพยาบาลได้เร็วขนาดนี้?
“ใช่ค่ะ เขาพึ่งออกไปวันนี้เอง พวกเราพึ่งทำความสะอาดห้องผู้ป่วยเสร็จ”
“แบบนี้นี่เอง ขอบคุณนะคะ”
หลังจากพยาบาลคนนั้นเดินไปแล้ว หานมู่จื่อก็ยังคงยืนบื้ออยู่ตรงนั้น
หลังจากผ่านไปนาน เธอก็ก้มมองดูถุงผลไม้ในมือ แล้วก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้