บทที่ 527 เขากล้าแย่งคนกับคุณชายเย่อย่างนั้นเหรอ
เขามาได้อย่างไรกัน? หานมู่จื่อสีหน้าไม่ค่อยดี เมื่อฉินหยานมองไปทางด้านหลังเขาสีหน้าก็พลันเปลี่ยนทันที
เย่โม่เซิน?
เขามาที่นี่ทำไม?
แม้ว่าครั้งก่อนเย่โม่เซินจะมาแก้ปัญหาเรื่องรถชนแทนหานมู่จื่อ ถึงแม้ว่าฉินหยานจะรู้สึกว่าหน้าตาอีกฝ่ายจะตรงรสนิยมตัวเอง แต่ทว่าก็ไม่ได้ทำอะไรผลีผลามเพราะมีเย่โมเซินที่ตีหน้ายักษ์อยู่ด้วย
เขาไม่รู้ว่าหานมู่จื่อเป็นผู้หญิงของอีกฝ่ายหรือเปล่า
ทว่าการนัดดูตัววันนี้ มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า…… ไม่น่าจะเป็นอะไรกัน
แต่เมื่อเย่โม่เซินปรากฏตัวแล้ว
ทั้งสองคนไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองออกมา เงาของร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ โต๊ะ ก้าวเข้ามาหาทั้งคู่อย่างมั่นคง เพียงไม่นาน…… เขาก็มานั่งลงข้างหานมู่จื่อ
หานมู่จื่อ: “……..”
เย่โม่เซินนั่งอยู่ข้างหลังตัวเองมาตลอดเลยเหรอเนี่ย? แล้วทำไมเธอถึงไม่เห็นเลย? หรือว่าก่อนหน้านี้เธอเอาแต่สนใจรูปถ่ายมากเกินไปอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อคิดอย่างนั้นก็รู้สึกถึงความเป็นไปได้
ทันทีที่เย่โม่เซินนั่งลง บรรยากาศอบอุ่นโดยรอบก็เหมือนว่าจะค่อยๆ ลดลง
ออร่าความแข็งแกร่งจากตัวเขามันทั้งดูเย็นชา ไม่ยอมใคร และแสนหยาบคาย เขาทั้งดูเฉยชาและดูต่อต้านจากผู้คนรอบนอก
อย่างไรก็ตามออร่าที่แสดงออกมาอยู่ตอนนี้ก็ยังแผ่ปกคลุมหานมู่จื่อเข้าไปด้วย
การรวมตัวของชายหญิงหน้าตาหล่อสวยยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์ ไม่ต้องพูดถึงเย่โม่เซินที่ดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก
ฉินหยานเองก็รู้สึกว่าตั้งแต่เขาปรากฏตัวออกมาเขาก็กลายเป็นคนพิเศษในวันนี้ทันที
แต่…… ที่อีกฝ่ายมาดูตัว แสดงให้ชัดว่า……
มือของฉินหยานที่วางอยู่ใต้โต๊ะถึงกับกำหมัดแน่น สายตากวาดมองไปที่ใบหน้ารูปไข่ของหานมู่จื่ออย่างไม่ยินยอม
เขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้
เมื่อพิจารณาแล้ว ฉินหยานก็หันไปพูดกับเย่โม่เซิน “คุณเย่ บังเอิญจังเลยนะครับ”
“บังเอิญ?” เย่โม่เซินหรี่ตามมอง จ้องอีกฝ่ายด้วยรังสีอันตราย ริมฝีปากโค้งอย่างไม่เป็นมิตร
“ไม่บังเอิญหรอก? ผมตั้งใจมาเอง”
ฉินหยาน : “……”
หานมู่จื่อ: “……”
เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอมีนัดดูตัวที่นี่?
ตั้งแต่วันนั้นไม่ใช่เขาหายไปแล้วหรอกเหรอ? ทำไมจู่ๆ ถึงได้โผล่ออกมา?
จะมาก่อกวนการดูตัวอย่างนั้นเหรอ? แม้ว่าเธอจะไม่ได้ชอบคู่ดูตัววันนี้มากนัก แต่นี่ก็ไม่ใช่จุดที่เย่โม่เซินจะเข้ามาแทรกแซงได้
“ความหมายของคุณเย่คือ…”
“พวกคุณกำลังดูตัวกันงั้นเหรอ?” เย่โม่เซินเอ่ยถามขึ้นอย่างกะทันหัน
ฉินหยานตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้าแล้วตอบว่า: “ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอครับ? ”
เย่โม่เซินขยับเข้ามาใกล้หานมู่จื่อ ในระยะที่ใกล้มากจนสามารถสูดกลิ่นหอมๆ ได้ หานมู่จื่อย่นคิ้ว ก่อนจะได้ยินน้ำเสียงชั่วร้ายจากใครบางคน “บนเตียงเมื่อคืน…. ที่คุณบอกว่าวันนี้มีธุระ หมายถึงเรื่องนี้เองเหรอ? ”
ทันทีที่ได้ฟัง ฉินหยานและหานมู่จื่อก็หน้าเปลี่ยนสีกันทั้งคู่
หานมู่จื่อเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ มองเย่โม่เซินที่อยู่ใกล้ๆ
ไอ้บ้านี่พูดไร้สาระอะไร?
“คุณหาน คุณ…..” ฉินหยานมองมาทางหานมู่จื่อก่อนพูดออกมาอย่างยากลำบาก
หานมู่จื่อหลับตาลง ดูท่าว่าเย่โม่เซินคงอยากจะมาล้มการดูตัว อย่างนั้นเธอจะไม่มีทางยอมให้เขาสมหวัง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หานมู่จื่อก็เปลี่ยนท่าทีจากความเฉยเมยก่อนหน้า เธอมองฉินหยานอยู่ครู่หนึ่งก่อนยิ้มออกมา “ไม่ใช่ค่ะ”
คำสั้นๆ เพียงสองคำ แต่ทว่าก็ทำให้ฉินหยานรู้สึกมั่นใจเพิ่มขึ้น
เพียงแค่เธอปฏิเสธ อย่างนั้นก็ชัดเจนว่าเย่โม่เซินมีความรู้สึกให้หานมู่จื่อเพียงฝ่ายเดียว เขายังมีโอกาส
ในใจของฉินหยานรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา กระแอมขึ้นมา “งั้นก็ดีครับ คุณเย่….. มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยนะครับ หวังว่าคุณเย่จะยอมวางมือนะครับ”
หานมู่จื่อลุกขึ้นยืน “คุณฉินคะ คุณจะว่าอะไรไหมถ้าจะเปลี่ยนที่คุยกันต่อ?”
ฉินหยานเห็นเธอลุกขึ้นยืน ก็รีบลุกขึ้นตามพลางพยักหน้า “แน่นอนว่าไม่อยู่แล้วครับ คุณหานตัดสินใจได้เลยครับ”
“ดีค่ะ” หานมู่จื่อยิ้มบาง ก่อนเตรียมจะหมุนตัวจากไป
สัมผัสจากมือที่ถูกจับเอาไว้แน่น เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นเย่โม่เซินที่จับมือเธออยู่ ทั้งสีหน้าก็เคร่งขรึมเหมือนยมทูตที่พร้อมจะพรากวิญญาณ
“คุณคิดจะไปไหน? ”
น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความน่าสยดสยองและแฝงการเอ่ยเตือน
เมื่อเห็นฉากนี้ ฉินหยานก็มองหานมู่จื่อด้วยสายตาเป็นกังวล
หานมู่จื่อเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือออกไปแกะมือของเย่โม่เซินออกช้าๆ ตามองเขาอย่างไม่แยแส “ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินออกไปข้างนอกกับฉินหยาน
ฉินหยานหยิบกุญแจรถออกมาจากร้านกาแฟ “คุณหาน คุณรอผมที่นี่สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมไปเอารถมารับ”
“โอเคค่ะ” หานมู่จื่อพยักหน้า “รบกวนด้วยนะคะ”
เธอยิ้มให้กับเขา ฉินหยานรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังละลาย แม้ว่าดวงตาของเธอไม่ได้ยิ้มไปด้วย แต่ก็ยังเป็นรอยยิ้มที่ดูสวยมาก
ฉินหยานไปเอารถออกมา หานมู่จื่อก็ยืนรอที่ริมถนน
แต่แล้วก็มีรถสีเงินคันหนึ่งมาจอดตรงหน้าเธอ เมื่อลดกระจกลงก็ปรากฏให้เห็นใบหน้าของเย่โม่เซิน “ขึ้นรถ”
เขาเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
หานมู่จื่อไม่สนใจเขา กลับมองเลยไปราวกับไม่เห็นเขา
อารมณ์โมโหที่เย่โม่เซินกักเก็บไว้ยังไม่ปะทุออกมา แต่สายตาดำขลับก็อึมครึมขึ้นมาเรื่อยๆ มือกำพวงมาลัยรถไว้แน่น “มู่จื่อ ผมจะให้โอกาสคุณขึ้นรถเองเป็นครั้งสุดท้าย”
ไม่คิดว่าหานมู่จื่อไม่เพียงแต่ไม่สนใจเขา เธอยังเดินหนีไปอีก
เมื่อหานมู่จื่อเห็นฉินหยานขับรถมา เธอก็เดินไปหารถของฉินหยาน
รถของฉินหยานหยุดลงตรงหน้าเธอ หลังจากนั้นเขาก็ลงมาเปิดประตูรถให้เธออย่างสุภาพบุรุษ “คุณหาน ขึ้นรถเถอะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” หานมู่จื่อที่กำลังจะก้มตัวเข้าไปนั่งในรถ ก็รู้สึกสัมผัสรัดแน่นที่บริเวณเอว
ในวินาทีถัดมา ตัวของเธอก็ถูกยกลอยขึ้น
“อ๊ะ” หานมู่จื่อร้องออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะออกแรงพยายามดิ้นอย่างหนัก
“คุณเย่ นี่มันอะไรกัน?” ฉินหยานมองเห็นหานมู่จื่อที่โดนเย่โม่เซินอุ้มพาดไหล่ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชา
“หึ” เย่โม่เซินยิ้มเยาะออกมา สายตามีเพียงความเย็นชาที่ปรากฏออกมา “ทำไม? คุณชายฉินคิดจะแย่งคนกับผมเย่โม่เซินเหรอ? ครั้งที่แล้วยังได้รับบทเรียนไม่พออีกเหรอครับ? ”
ฉินหยานเม้มปากแน่น “เธอไม่ได้เต็มใจไปกับคุณ”
“ถ้าหากคุณชายฉินมีความกล้าก็มาพยายามแย่งคนของเย่โม่เซินได้นะครับ” เมื่อสิ้นคำพูด เย่โม่เซินก็หมุนตัวอุ้มร่างของหานมู่จื่อจากไป
“เย่โม่เซิน คุณปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน! ” ท้องของหานมู่จื่อพาดอยู่บนไหล่ของเย่โม่เซิน ไหล่ของเขาแข็งมากจนเธอรู้สึกเจ็บหน้าท้องไปหมด
และท่าทางนี้มันทำให้เธอมึนหัวไปหมด อึดอัดเป็นบ้าเลย
เธอรู้สึกเหมือนกับว่ากาแฟที่เธอเพิ่งจิบเข้าไปจะอาเจียนออกมา
อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังได้ยินคำพูดของร้ายกาจของเย่โม่เซินที่พูดกับฉินหยาน ในช่วงเวลาที่เย่โม่เซินเดินกลับไปก็ทำให้หานมู่จื่อเห็นฉินหยานที่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้ สีหน้าของเขากำลังดูยุ่งเหยิง จนในที่สุดก็มองไม่เห็นอีก
ในเวลาต่อมาหานมู่จื่อได้ถูกเย่โม่เซินยัดเข้าไปในรถ การเปลี่ยนท่าทางมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกมึนหัว
ปึง!
ประตูรถถูกปิดตาย ร่างสูงของเย่โม่เซินกดเข้ามา ก่อนจะจับศีรษะเธอล็อกเอาไว้แล้วกดจูบลงมา
“อื้อ”
ริมฝีปากบางของหานมู่จื่อที่ถูกปิดแน่น ซ้ำยังเวียนหัวอย่างหนัก
ดูท่าว่าการกระทำของเธอวันนี้คงจะเป็นการยั่วยุเขา ดังนั้นจึงทำให้การกระทำของเย่โม่เซินดูหยาบคาย ทั้งเธอยังถูกเขากัดเข้าที่ริมฝีปากล่างอย่างแรง
เลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากริมฝีปาก หานมู่จื่อขมวดคิ้วแน่น
หลังจากนั้นเขาถึงยอมผละออกไปแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อยากขึ้นรถมันมากหรอ? ชีวิตนี้อย่าได้คิดถึงเรื่องนี้อีก! ”