บทที่ 529 ห้ามตรวจสอบเรื่องฉันอีก
ความเงียบเข้ามาเยือนภายในรถ ลมหายใจของใครบางคนก็เปลี่ยนเป็นหอบกระชั้นชิดขึ้นมา
เย่โม่เซินรั้งมือของเธอไว้แล้วกัดฟันกรอด: “แล้วยังไง? ตราบใดรูปที่โชว์หรานั่นคือคุณ คุณก็เป็นภรรยาของผม”
หานมู่จื่อยิ้มบางๆ แล้วค่อยๆ ดึงมือตัวเองกลับมา
“คุณคิดผิดแล้ว พวกเราไม่ใช่สามีภรรยากันตามกฎหมาย ในความเป็นจริงยิ่งไม่ใช่ไปอีก แล้วยิ่งกว่านั้นตอนนั้นคุณให้ข้อตกลงฉันหนึ่งฉบับ คุณลืมไปแล้วเชียวหรือ? ”
เมื่อหยิบยกข้อตกลงฉบับนั้นขึ้นมา สีหน้าของเย่โม่เซินก็ยิ่งไม่น่าดูเข้าไปอีก
เขาเป็นคนให้ข้อตกลงเอง แต่ตอนนี้กลับถูกเธอใช้มาเป็นเหตุผลปฏิเสธเขา นี่เขาขุดหลุมฝังศพตัวเองหรอ?
“เย่โม่เซิน คุณมีสิทธิอะไรไปใช้อำนาจบงการคนอื่นกัน? ถ้าคุณบอกว่าต้องการฉันก็ต้องให้ ถ้าคุณบอกว่าไม่ต้องการฉันก็ต้องรีบไสหัวออกไปทันที หรือว่าที่คุณทำร้ายฉันเมื่อห้าปีก่อนมันยังไม่พออีกหรอ? อยากให้มันเกิดซ้ำรอยอีกครั้ง? ใครกันที่ให้ความมั่นใจทำให้คุณคิดว่า…ฉันยังจะกลับมาอยู่ข้างคุณอีก? ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ห้าปีนี้ฉันคิดจนเข้าใจมามากพอแล้ว ฉันหานมู่จื่อต้องการที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ นั่นคือการหนีไปให้ไกลจากคุณ”
คำพูดที่แสนไร้เยื่อใยและมั่นคงนั้นทำให้สีหน้าของเย่โม่เซินเปลี่ยนจากคล้ำเขียวเป็นขาวซีดทันที
“เฉียวเฉียว…” เขาเรียกชื่อเดิมของเธอออกมาโดยไม่รู้ตัว “คุณฟังผมอธิบายก่อน เรื่องในตอนนั้น…”
และเหมือนไปกระตุ้นหานมู่จื่อเข้า ทันใดนั้นเธอก็ตวาดขึ้นมา: “อย่าเรียกชื่อนี้อีก เสิ่นเฉียวได้ตายไปแล้วเมื่อห้าปีก่อน คนที่อยู่ตรงหน้าคุณตรงนี้คือหานมู่จื่อ สกุลของฉันคือหาน ไม่ใช่สกุลเสิ่น แล้วฉากละครในตอนนั้นก็ถือซะว่าเป็นละครตลกแล้วกัน ต่อไปก็ขอให้คุณ… อย่าได้เข้ามาในชีวิตของฉันอีก”
เมื่อสิ้นคำพูด หานมู่จื่อต้องการเปิดประตูรถออกไปแต่พบว่ามันยังคงล็อกอยู่ เธอพูดอย่างเคืองๆ ว่า: “คุณปลดล็อกให้ฉันเดี๋ยวนี้”
เขาไม่ขยับเขยื้อน
หานมู่จื่อจะลงมือด้วยตัวเอง แต่ก็ถูกเย่โม่เซินจับมือเธอไว้อีกครั้ง “ผมขอโทษ”
หานมู่จื่อชะงักไปชั่วขณะ “ที่ผมทำร้ายคุณเมื่อห้าปีก่อน ตอนนั้น…”
“คุณรู้ไหม? ” หายมู่จื่อเงยหน้าขึ้นมา “ฉันไม่คิดอยากจะรู้เหตุผลว่าทำไมตอนนั้นคุณถึงทำกับฉันแบบนั้นเลยสักนิด หลายปีผ่านมาฉันก็ไม่เคยถามและไม่เคยตรวจสอบด้วย นั่นเป็นเพราะว่าฉันไม่คิดอยากจะรู้จากใจจริง เพราะผลสุดท้ายฉันก็รับรู้เพียงเรื่องที่คุณทำ ดังนั้น… ฉันไม่เคยคิดจะไปใส่ใจเลยสักนิด ไม่ว่าจะถูกคุณบังคับก็ตาม ต่อให้ลำบากใจมากแค่ไหนฉันก็จะไม่ให้อภัยคุณทั้งนั้น ”
แต่ไหนมาเธอก็ไม่เคยคิดเลยว่าความเจ็บปวดจะสามารถทำให้คนคนหนึ่งทำเรื่องไร้เหตุผลออกมาได้
ดังนั้นหลักการของเธอคือการมองที่ผลลัพธ์เท่านั้น ไม่มองที่กระบวนการ
ความเจ็บปวดทรมานเกิดขึ้นมาในสายตาของเย่โม่เซิน ผู้หญิงคนนี้ดื้อรั้นและยากที่จะรับมือกว่าที่เขาคิดไว้ แต่เขากลับชอบนิสัยนี้ของเธอ ดื้อรั้นและไม่ยอมคน
และยังยึดแต่เหตุผลของตัวเองเท่านั้น
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ? ” เย่โม่เซินแค่นหัวเราะออกมา มันเป็นเสียงที่เย้ยหยันกับตัวเอง: “คุณไม่คิดจะให้อภัยผม แต่ผมไม่คิดที่จะทิ้งคุณไป ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยคิดเลยจริงๆ ”
คำพูดเหล่านี้พูดส่งไปถึงก้นบึ้งหัวใจของหานมู่จื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
เธอกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น: “ถ้าอย่างนั้นคุณก็อยู่ให้ห่างจากฉันไกลๆ แค่มองฉันก็พอ อย่าส่งผลกระทบต่อชีวิตของฉัน แล้วก็…”
เธอคิดแล้วก็เพิ่มไปอีกหนึ่งประโยค: “ห้ามคุณทำร้ายคนในครอบครัวของฉัน! ”
ตอนแรกเย่โม่เซินคิดว่าเธอพูดถึงหานชิง แต่พอคิดอีกแง่หนึ่ง ถ้าเธอจะพูดถึงหานชิงก็คงจะพูดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว นอกจากหานชิงแล้วอย่างนั้นเธอกำลังพูดถึงใครอีก?
ทันใดนั้นเย่โม่เซินนึกถึงเสียงของหนุ่มน้อยที่เขาได้ยินทางโทรศัพท์ที่โรงพยาบาลในวันนั้นขึ้นมาได้
อีกฝ่ายเรียกเธอว่าหม่ามี๊ด้วยเสียงออดอ้อน หน้าตาของหานมู่จื่อในตอนนั้นก็อ่อนลง
เด็กคนนั้นคือดวงใจของเธอ
เมื่อคิดถึงตอนนั้นที่เธอแต่งงานเข้ามาขณะที่อุ้มท้องลูกของสามีคนก่อนและจากนั้นก็ปกป้องเก็บเรื่องเด็กคนนั้นไว้อย่างเต็มที่ เย่โม่เซินไม่สบายใจอย่างมาก แต่ไม่สบายใจแล้วอย่างไรกันล่ะ?
เขารักผู้หญิงคนนี้มากแม้ว่าจะเป็นลูกของคนอื่น แล้วอย่างไร?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่โม่เซินก็พูดขึ้นมาด้วยความยากลำบาก: “ผมจะไม่ทำร้ายคนในครอบครัวของคุณ เด็กคนนั้น…”
เมื่อได้ยินเขาพูดถึงเด็ก สีหน้าของหานมู่จื่อก็เปลี่ยนไปทันที: “นี่คุณกำลังตรวจสอบเรื่องฉันหรือเปล่า? ”
เย่โม่เซินขมวดคิ้วเบาๆ : “นี่ผมเป็นคนแบบไหนในสายตาของคุณ? ”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมรับ ในใจของหานมู่จื่อก็โล่งอกนิดหน่อย เมื่อพูดถึงเสี่ยวหมี่โต้วใจเธอก็ไม่สงบเลยแล้วช่วงนี้เธอยังบังเอิญเจอเย่หลิ่นหานอีก ถึงเขาจะมาจากเย่โม่เซิน แถมเขายังมองเห็นเสี่ยวหมี่โต้วอีก ไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้กับเขาได้ไหม
พอคิดตามนิสัยของเย่โม่เซิน
ถ้าให้เขาเห็นหน้าตาของเสี่ยวหมี่โต้ว เขาอาจจะไม่หยุดนิ่งรอดูสถานการณ์จนถึงตอนนี้หรอก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็พูดขึ้นทันทีว่า: “งั้นคุณต้องรับปากฉันว่าตลอดชีวิตนี้ของคุณจะไม่ตรวจสอบเรื่องของฉันอีก”
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว: “ทำไม? หรือว่าคุณกำลังปิดบังอะไรผม? ”
หานมู่จื่อแสยะยิ้ม: “ตอนนั้นคุณสอบสวนไปกี่ครั้งแล้ว? หรือว่ามันยังไม่พออีกหรอ? ”
เย่โม่เซินเดาว่าเธอแค่รู้สึกว่าการสอบสวนเธอนั้นทำให้เธอต้องเจ็บปวด เขาจึงพยักหน้า: “ได้ ผมรับปากคุณ”
เมื่อได้ยินเขารับปากแล้ว หานมู่จื่อก็รู้สึกหินตะกอนที่ทับถมอยู่ในใจของเธอนั้นหายไปกว่าครึ่งหนึ่ง: “ที่คุณพูดมา ฉันจำมันได้ทั้งหมด”
“ผมจะไม่ตรวจสอบคุณ” แล้วเย่โม่เซินก็เสริมอีกว่า: “ไม่ว่าตอนนี้คุณจะเป็นอะไร มีลูกกับใคร ผมก็รับได้ทั้งหมด”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอไหววูบ ริมฝีปากของเธอสั่นเล็กน้อย
ไม่ว่าเป็นลูกใคร เขาก็รับได้?
“คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร? ”
“รู้” เย่โม่เซินพยักหน้า ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่เยือกเย็นและเงียบเหงาของเธอ: “ผมมีสติเต็มร้อย ไม่ต้องสงสัย”
ใครทำให้เขาขาดเธอไม่ได้กันล่ะ?
เขาก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าตัวเองจะล้มหกคะเมนใส่ผู้หญิงคนนี้เต็มๆ แล้วจากนั้นก็ไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย
“ฉันดูแลเด็กคนนี้ด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องการคุณหรอก เด็กคนนี้เป็นลูกของฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ”
ทันใดนั้นเย่โม่เซินก็รู้สึกทะแม่งๆ ตอนที่เธอพูดถึงลูกและประโยคหลังที่ตามมาก็แปลกมาก
ทำไมเธอต้องย้ำกับเขาว่าเด็กคนนี้เป็นของเธอเอง?
เย่โม่เซินก็ค่อยๆ เกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ บางทีเขาควรจะให้คนไปสืบเรื่องนี้ว่าที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
แต่พอคิดอีกทีตัวเขาก็เพิ่งจะรับปากเธอว่าจะไม่สอบสวนเธอแล้ว
ให้ตายเถอะ เธอจำกัดความคิดและการกระทำทั้งหมดของเขาจริงๆ
“คุณสามารถเป็นลูกค้าของฉันได้ แต่พวกเราจะไม่กลับไปสู่ความสัมพันธ์เหมือนครั้งก่อน ส่วนเรื่องของวันนี้ถ้าต่อไปยังมีอีก เราก็จะได้พบกับในชั้นศาล เย่โม่เซิน หวังว่าคุณจะจำคำพูดของคุณได้นะ แล้วห้ามมาตรวจสอบเรื่องของฉันอีก”
เมื่อจบคำพูด เธอก็เอื้อมมือออกไปปลดล็อก โดยครั้งนี้เย่โม่เซินไม่ได้ขัดขวางเธอ
หลังจากที่หานมู่จื่อปลดล็อคได้แล้วก็เปิดประตูลงจากรถไป
เย่โม่เซินนั่งอยู่ในรถโดยยังคิดถึงคำพูดเหล่านั้นของหานมู่จื่อที่เพิ่งพูดไป
เขาเอาแต่ขมวดคิ้วอยู่ครู่ใหญ่ๆ จากนั้นก็หยิบมือถือออกมาต่อสายหาเซียวซู่
ในใจเขาอยากรู้อยากเห็นถ้าไม่ตรวจสอบ แต่ถ้าตรวจสอบก็จะผิดสัญญากับเธอ?
เย่โม่เซิน คุณเพิ่งจะรับปากเธอนะ แค่ชั่วพริบตาก็ลืมแล้วหรือ?
ถ้าทำเช่นนี้ก็ยิ่งแต่จะทำให้เธอเกลียดคุณเข้าไปอีก
ในที่สุดมือของเย่โม่เซินก็ตกลงมาอย่างอ่อนแรง
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกพ่ายแพ้แบบนี้