บทที่538 กำลังคิดถึงผู้ชายที่เธอเพิ่งเจอเมื่อกี้เหรอ
หานซิงหันไปมองมู่จื่อที่เปล่งแสงแพรวพราว ก็ก้มหน้าตอบกลับไปด้วยเสียงแผ่วเบาคำหนึ่ง
“ยังไม่ได้”
“ยังไม่ได้ ? แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้ล่ะ” หานมู่จื่อจับชายกระโปรงอย่างอมทุกข์ “พี่คะ พี่รู้ไหมว่าน้องสาวของพี่สวมชุดนี้ไว้ด้วยความเหนื่อยยากขนาดไหน”
เธอก้มหน้าลงมองกระโปรงที่ตัวเองสวมอยู่ทีหนึ่ง “มันหนักมากเลยนะคะ”
“ฉันพาเธอไปทำความรู้จักกับบางคนก่อน ตามฉันมา” หานซิงให้เธอตามลงไปจากเวที หานมู่จื่อรู้สึกทุกข์ทรมาน แต่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า เธอยกกระโปรงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วเดินไปข้างหน้า
ตอนที่หานซิงพาเธอไปทำความรู้จักคนอื่น ก็ต้องมีชนแก้วกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่มือของหานมู่จื่อต้องคอยจับชายกระโปรง แล้วก็ต้องจับแก้วเหล้าอีกก็เลยไม่สะดวกเป็นอย่างมาก
ในช่วงเวลาวิกฤต เสี่ยวเหยียนก็วิ่งมาอยู่ด้านหลังเธอ “ฉันช่วยเธอถือชายกระโปรงแล้วกัน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หานมู่จื่อก็หันกลับไปมองเธออย่างรู้สึกขอบคุณ แต่สายตาของเสี่ยวเหยียนกลับหันไปมองทางอื่น ไม่กล้ามองมาทางนี้ หานมู่จื่อถึงได้รู้ว่าเธอกำลังหลบสายตาของหานซิงอยู่
ที่แท้เหตุผลที่เธอไม่กล้ามาทางนี้ตั้งแต่เมื่อกี้ก็เพราะหานซิงอย่างนั้นเหรอ เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่เสี่ยวเหยียนเคยทำมาก่อนหน้านี้ หานมู่จื่อก็อดขำอยู่ในใจไม่ได้
“มู่จื่อ นี่คือประธานหวัง เป็นผู้ทำธุรกิจค้าผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเป่ย”
เมื่อได้ยินคำว่าธุรกิจค้าผ้า ตาของหานมู่จื่อก็เป็นประกายทันที พี่ชายคนนี้ของเธอช่างไม่ธรรมดาจริงๆ มาถึงก็แนะนำบุคคลที่มีความสำคัญแบบนี้ให้เธอรู้จักทันที เธอเปิดบริษัทรับออกแบบเครื่องแต่งกาย สิ่งที่จำเป็นที่สุดก็ต้องเป็นผ้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง
“น้องสาวของประธานหาน ช่างน่าทึ่งมากจริงๆ ดูคล้ายกับคุณนายหานในสมัยนั้นไม่มีผิดเลยครับ”
ประธานหวังเป็นคนที่มีอายุแล้ว เป็นคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับคุณนายหาน
ตอนนี้พอมาเห็นหานมู่จื่อ ก็คิดถึงคุณนายหานในสมัยนั้น จากนั้นเขาก็ขยับแก้วเหล้าในมือ แล้วก็เริ่มรู้สึกโศกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย “คิดถึงสมัยนั้น ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่หลงใหลในสไตล์ของคุณนายหาน แต่น่าเสียดาย……ในสายตาคุณนายหานมีเพียง……”
เมื่อพูดถึงตอนนี้ คำพูดของเขาก็หยุดลงกะทันหัน เมื่อคิดได้ว่าตัวเองพูดอะไรที่ไม่สมควรออกไป ก็ยิ้มอย่างอึดอัดก่อนจะพูดว่า “ต้องขออภัยด้วย ดูเหมือนผมจะพูดอะไรมากไปหน่อย ความหมายของผมคือ……คุณเหมือนแม่คุณในสมัยนั้นมาก”
“ขอบคุณค่ะ” หานมู่จื่อส่งยิ้มให้เขา จากนั้นก็กล่าวขอบคุณคำหนึ่ง จากนั้นก็ทักทายกันอีกสองสามคำ ประธานหวังบอกว่าเวลาว่างให้เธอไปเป็นแขกที่บริษัท ก่อนหานซิงจะพาเธอไปทำความรู้จักกับคนอื่นๆต่อ
ตลอดทางได้รู้จักผู้คนมากมาย ต่างก็เป็นคนที่หานมู่จื่ออยากรู้จักทั้งนั้น ในเวลาเดียวกันเธอก็ดื่มเหล้าไปหลายแก้ว จนตอนนี้เธอเริ่มดื่มต่อไปไม่ไหวแล้ว บวกกับชุดที่อยู่บนตัวเธอมันหนักมากจริงๆ เธออยากจะไปด้านหลังเพื่อเปลี่ยนชุดและพักผ่อนมาก
คงเป็นเพราะสายตาของเธอเผยแววอ่อนล้าออกมาเลยทำให้หานซิงรู้สึกสงสาร ดังนั้นหานซิงก็เลยพาเธอไปพบกับคนสำคัญไม่กี่คนเท่านั้น จากนั้นก็หันไปมองเสี่ยวเหยียนที่ตามถือกระโปรงอยู่ข้างๆเธอตลอดเวลา “ไปร่วมชนแก้วกับแขกในงานเป็นเพื่อนฉันไหม ต่อจากนี้ยังมีแขกสำคัญอีกหลายคน อาจจะมีประโยชน์กับบริษัทของพวกเธอด้วย”
คุณชายเอ่ยปากชวนเธอแบบนี้ เสี่ยวเหยียนจะปฏิเสธได้อย่างไร เลยพยักหน้าตอบอย่างว่าง่าย “ค่ะ เดี๋ยวฉัน……พามู่จื่อไปด้านหลังก่อน แล้วค่อยกลับมาหาคุณ”
“อืม” หานซิงพยักหน้าตอบ
และแล้วเสี่ยวเหยียนก็พาหานมู่จื่อไปส่งที่ด้านหลังเวที ตอนที่ก้าวเดินเธอรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอย ราวกับวิญญาณไม่ใช่ของเธอเอง
“เป็นอะไรไป พี่ชายฉันชวนเธอไปด้วยกัน เธอก็เลยดีใจเกินเหตุเหรอ” พอมาถึงบริเวณที่ไร้ผู้คนแล้ว หานมู่จื่อก็เลยพูดหยอกล้อเธอพร้อมรอยยิ้ม
พอเสี่ยวเหยียนได้สติกลับมาก็เบิกตาโตทันที “พูดอะไรของเธอ ที่พี่ชายเธอชวนฉันไปด้วยกันก็เพื่อธุรกิจของบริษัทเธอไม่ใช่เหรอ ใครให้น้องสาวอย่างเธอไม่ได้เรื่องกัน แค่ไปเจอนักธุรกิจไม่กี่คนก็ร้องไม่ไหวแล้ว แถมยังต้องให้บุคลากรสำรองอย่างฉันออกโรงแทนเธออีกไม่ใช่หรือไง”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หานมู่จื่อก็อดขำไม่ได้ “ใช่สิ ช่างเป็นบุคลากรสำรองที่มีคุณภาพจริงๆ บุคลากรสำรองคุณภาพ แล้วเสี่ยวหมี่โต้วล่ะ ?”
เมื่อพูดถึงเสี่ยวหมี่โต้ว เสี่ยวเหยียนก็ต้องอุทานออกมาคำหนึ่ง
“แปลกจัง ก่อนหน้านี้ฉันถามแม่บ้าน พวกเขาบอกว่าเสี่ยวหมี่โต้วอยู่กับพี่ชายเธอนี่นา”
แต่เมื่อกี้ข้างตัวหานซิงก็ไม่ได้มีคนอยู่ด้วยเลย เสี่ยวหมี่โต้วเจ้าหนูคนนี้วิ่งไปไหนคนเดียวอีกแล้วนะ
“เธอไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ”
หานมู่จื่อมองไปยังห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ ก่อนจะพยักหน้า “ฉันเข้าไปเปลี่ยนเอง เธอรีบกลับไปก่อนเถอะ แล้วก็ถามพี่ชายฉันด้วยเลยว่าเสี่ยวหมี่โต้วอยู่ที่ไหน ให้เสี่ยวหมี่โต้วมาหาฉันที่นี่”
“เดรสชุดนี้เธอถอดเองคนเดียวได้เหรอ”
“ฉันเป็นนักออกแบบนะ ทำไมจะถอดไม่เป็น เธอรีบไปเถอะ”
“งั้นก็ได้ เธอเข้าไปเปลี่ยนชุดเองแล้วพักผ่อนก่อนนะ พอฉันเสร็จจากทางนั้นแล้วเดี๋ยวฉันกลับมาหาเธอ”
“อืม”
หานมู่จื่อพยักหน้ารับ จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็จากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเสี่ยวเหยียนไปแล้ว ในห้องแต่งตัวก็เหลือแค่เธอคนเดียว
รอบตัวค่อยๆเงียบสงบลง ตอนนี้ทุกคนต่างก็ไปรวมตัวกันที่ห้องโถงด้านหน้า ทุกคนต่างก็กำลังเข้าร่วมงานเลี้ยงอยู่
หานมู่จื่อหันไปมองรอบตัว ลากกระโปรงเดินไปในห้องเปลี่ยนชุดอย่างยากลำบาก จากนั้นเธอก็ลงมือถอดชุดเดรสออก ชุดนี้ถอดยากมาก แต่หานมู่จื่อก็มีความอดทนมากเช่นกัน ดังนั้นเธอก็เลยค่อยๆถอดมันออกทีละนิดอย่างช้าๆ
แกร่ก !
ตอนนั้นเอง ด้านนอกก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น มีคนเข้ามาอย่างนั้นเหรอ ?
หานมู่จื่อรู้สึกสงสัย เลยถามออกไปคำหนึ่ง “ใครน่ะ”
แต่กลับไม่มีคนตอบเธอ มือของหานมู่จื่อหยุดชะงักไป เริ่มประหลาดใจเล็กน้อย……
หรือว่าเธอจะฟังผิดไป
แต่เมื่อกี้เธอได้ยินเสียงคนเปิดประตูชัดๆ ไม่มีทางที่เธอจะคิดไปเองแน่
หานมู่จื่อคอยจับตาดูอย่างระมัดระวัง จดกระดุมที่พึ่งปลดออกให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม จากนั้นก็ยกชายกระโปรงขึ้นมาเพื่อจะออกไปดูว่าใครเข้ามา
แต่ตอนที่เธอหันกลับตัว ก็มีเงาดำร่างหนึ่งวาบผ่านสายตา ก่อนที่เธอจะทันรู้สึกตัว เธอก็ถูกดันไปติดกับกำแพงหนาวเย็นที่อยู่ด้านข้างเสียแล้ว
แกร่ก !
ไฟในห้องไม่รู้ว่าถูกใครปิด รอบตัวตกอยู่ในความมืด
ตอนที่คนเราอยู่ในความมืดประสาทสัมผัสมักจะชัดเจนเป็นพิเศษ แถมยังแยกทิศทางไม่ออก หานมู่จื่อรู้สึกลนลานขึ้นมาทันที อ้าปากหมายจะร้องตะโกนออกมา
“นั่นใคร คิดจะทำ……อื้อ……”
มือใหญ่ร้อนผ่าวลูบไปที่กลางหลังของเธอ ทำให้หลังของเธอไม่ชนเข้ากับกำแพงแข็งโดยตรง ส่วนห่วงอีกอันก็ผูกอยู่ที่เอวของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้
สิ่งที่ตามมาติดๆ ก็คือจูบที่ร้อนแรง
ริมฝีปากบางของชายหนุ่มประกบเข้ามาอย่างไม่อ่อนโยนเลยสักนิด ในเวลาเดียวกันกลิ่นอายที่แสนคุ้นเคยก็รุกล้ำเข้ามาอย่างดุดัน ครู่แรกหานมู่จื่อยังรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ แต่หลังจากที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย เธอก็ถูกแช่แข็งอยู่กับที่ไปทั้งอย่างนั้น
เมื่อเธอเผลอเหม่อลอย ก็ยิ่งเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้ใครบางคน โดยไม่ทันได้ระวังตัวฟันก็ถูกอีกฝ่ายแยกออกเสียแล้ว
ภายในความมืด หานมู่จื่อเผลอเบิกตาโตอย่างไม่รู้ตัว มองดูคนที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม
มีบางอย่างส่องแสงสีเงินในความมืด
ถึงแม้ส่วนที่ริมฝีปากของเธอสัมผัสถูกจะนิ่มนวล แต่ส่วนที่จมูกของเธอสัมผัสถูกกลับแข็งและเย็น เหมือนกับ……พื้นผิวของแผ่นเหล็ก ?
นี่มันคืออะไร ?
ขณะที่หานมู่จื่อกำลังเหม่อลอย ชายที่กอดเธออยู่ก็กอดรัดเอวเธออย่างไม่พอใจ ราวกับจะหลอมละลายเธอให้เข้าไปอยู่ในร่างกายของตัวเอง
“เวลาแบบนี้กลับไม่มีสมาธิ เธอกำลังคิดอะไรอยู่”
“……”
“กำลังคิดถึงพวกผู้ชายที่เธอเพิ่งเจอเมื่อกี้เหรอ ?”