เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 539 ร่วมเต้นรำ

บทที่539 ร่วมเต้นรำ

“นาย……อื้ม” หานมู่จื่ออยากจะปกป้องตัวเอง แต่ทันทีที่เปิดปากริมฝีปากของอีกฝ่ายก็กดลงมาอีกครั้ง แย่งชิงเอาลมหายใจทั้งหมดของเธอไป ปิดกั้นทุกคำพูดของเธอ

ปล่อยให้ทำตามอำเภอใจในความมืด

หานมู่จื่อค่อยๆได้สติกลับคืนมา เลยผลักเขาออกอย่างแรง

เย่โม่เซินเซถอยหลังไปสองสามก้าว แต่เขาก็กลับเข้ามาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้หานมู่จื่อก็ควานหาสวิชไฟใกล้ตัวจนเจอ แล้วกดเปิดไฟทันที

ภายในห้องกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง

เมื่อหานมู่จื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามชัดเจนแล้ว ถึงได้พบว่าเขาใส่หน้ากากสีเงินอยู่ และมุมการตกแต่งก็ยังดูคุ้นตาอีกด้วย

เมื่อแสงสว่างกลับคืนมาก็ทำให้เย่โม่เซินชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว แววตาภายใต้หน้ากากหรี่ลง มองดูหานมู่จื่อไม่พูดไม่จา

สบตากันอยู่ครู่หนึ่ง คิ้วงามของหานมู่จื่อก็ขมวดขึ้น “การตกแต่งบนหน้ากากนาย……”

เย่โม่เซินกลับขยับเข้ามาใกล้ จ้องมองเธอด้วยสายตาชั่วร้าย “ไม่ถามว่าฉันเป็นใครเหรอ ?”

หานมู่จื่อ “……”

เขาขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม “ดูเหมือนว่าแม้จะผ่านไปห้าปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ลืมฉันสินะ”

สิ่งที่กล่าวมา……ราวกับจะมองทะลุจิตใจของหานมู่จื่อ เธอเงยหน้าขึ้นมาจ้องเขาด้วยความตื่นตระหนก “ทำไมนายถึงแต่งตัวแบบนี้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ถ้าฉันจำไม่ผิด ในรายชื่อแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ไม่ได้มีชื่อนายนะ”

“อ๋อ ?” รอยยิ้มบนริมฝีปากของเย่โม่เซินกว้างกว่าเดิม แววตาชั่วร้ายยิ่งกว่าเดิม “เธอตั้งใจสังเกตว่ามีชื่อฉันไหมด้วยเหรอ”

หานมู่จื่อ “……”

สงสัยจะเป็นเพราะเธอดื่มมากไป เลยเผลอพูดสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายจับไต๋ได้ออกมาไม่หยุดแบบนี้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็เลยเลือกที่จะไม่พูดอีก และจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคือง

แต่กลับไม่รู้เลยว่าเมื่อกี้เธอเพิ่งถูกเย่โม่เซินจูบไปหยกๆ ริมฝีปากยังบวมแดงอยู่ บวกกับสายตาที่ล่องลอยเล็กน้อย คิ้วถูกย้อมด้วยสีไวน์ที่มีเสน่ห์ เดิมทีชุดที่ใส่ในคืนนี้ก็ทำให้งดงามจนหาอะไรเปรียบไม่ได้อยู่แล้ว

ณ ตอนนี้เวลานี้……

เย่โม่เซินมองดูหานมู่จื่อที่อยู่ตรงหน้า ก็เผลอกลืนน้ำลายเข้าคออย่างไม่รู้ตัว

เธอที่งดงามจนหาอะไรเปรียบไม่ได้แบบนี้ กลับถูกผู้ชายคนอื่นจ้องมองอยู่นาน

เขาล็อกมือของเธอไว้ “ต่อไปห้ามแต่งตัวแบบนี้ออกไปให้ผู้ชายคนอื่นเห็นอีก”

หานมู่จื่อขมวดคิ้ว อยากจะสะบัดมือของเขาออก แต่มือของเย่โม่เซินกลับล็อกมือเธอเอาไว้แน่นราวกับโซ่ตรวน เธอพูดออกมาอย่างสุดจะทนว่า “ปล่อยฉันนะ”

เย่โม่เซินไม่ยอมปล่อย แต่กลับฉวยโอกาสคว้าฝ่ามือเธอ และจังหวะที่เธอขัดขืนก็สอดนิ้วเข้าไปประสานกับเธอ กุมมือเธอไว้แน่น

เจ้าคนฉวยโอกาส !

หานมู่จื่อโกรธจนกัดฟันกรอด ทั้งๆที่ถ้าเขาไม่โผล่เข้ามา เธอก็จะได้เปลี่ยนชุดที่หนักอึ้งตัวนี้ออกแล้วแท้ๆ แต่เพราะเขาโผล่เข้ามา ทำให้เธอไม่มีโอกาสได้เปลี่ยนชุดนี้ออกยังไม่พอ ตอนนี้ยังจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ เกือบจะทำให้เธอหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

เขาเองก็ไม่พูดอะไร ราวกับกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศ ดวงตาสีเข้มคู่นั้นจ้องมาที่เธออย่างไม่วางตา

ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน

สายตาที่ร้อนผ่าวแบบนี้ ทำให้หานมู่จื่อรู้สึกราวกับจะเผาไหม้ใบหน้าของเธอจนกลายเป็นรู

เธอจ้องเขาอย่างเกลียดชัง หน้ากากบนใบหน้าของเขาทำให้รู้สึกไม่สบอารมณ์ ยื่นมืออีกข้างออกไปหมายจะดึงหน้ากากของเขาออก

เมื่อยังไม่ทันได้สัมผัสโดนเขา ก็ถูกมืออีกข้างของเย่โม่เซินล็อกเอาไว้เสียก่อน

“ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ ได้ยินแล้วใช่ไหม”

“……หรือนายจะให้ฉันใส่หน้ากากออกไปเจอหน้าผู้คนเหมือนนายล่ะ” เธอหัวเราะเสียงเย็น “ฉันไม่ได้ว่างจัดเหมือนนายนะ นาย……”

เธอยังไม่ทันได้พูดจบ จู่จู่เย่โม่เซินก็ถอดหน้ากากบนหน้าของตัวเองออก จากนั้นก็เอาไปปิดหน้าของเธอไว้

หานมู่จื่อชะงักอยู่กับที่

ในคราวแรกสิ่งที่ปลายจมูกของเธอสัมผัสได้คือความเย็น แต่คราวนี้หน้ากากที่เย่โม่เซินสวมใส่มาก่อนยังหลงเหลือไออุ่นของเขาเอาไว้ เอามาปิดหน้าเธอไว้แบบนี้ ก็เหมือนกับคนสองคนแนบชิดอยู่ด้วยกัน

หานมู่จื่ออดหน้าแดงไม่ได้ และพูดออกมาอย่างรำคาญใจว่า “นายทำอะไรของนาย”

“เดิมที่มันก็เป็นชุดเดียวกัน” เย่โม่เซินยกมือขึ้น และช่วยเธอผูกเชือกที่อยู่ด้านหลังหน้ากาก

ตอนที่กำลังผูกเชือก หน้าอกของเขาก็ขยับอยู่ต่อหน้าสายตาตัวเอง กลิ่นที่คุ้นเคยก็กำลังโอบล้อมอยู่รอบๆตัวเธอเช่นกัน

ถึงแม้ทั้งสองคนจะรู้จักกันมาอย่างยาวนาน แต่เขากลับไม่เคยแสดงท่าทางอ่อนโยนแบบนี้มาก่อนเลย ชั่วขณะหนึ่ง หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าขอบตาของตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมา

เธอก้มหน้ากัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรง

ใจอ่อนไม่ได้ ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด

เธอลืมความเลวร้ายที่เขาเคยทำในตอนนั้นไม่ได้ไปชั่วชีวิต ตอนที่เพิ่งจากไปปีแรกๆความเลวร้ายของเขาทำให้เธอต้องนอนฝันร้ายทุกครั้งที่หลับตาลง หลังจากผ่านไปเป็นปีอาการแบบนั้นถึงได้ทุเลาลง จนถึงตอนนี้เธอก็ยังฝันร้ายเป็นครั้งคราว

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็สูดหายใจเข้าลึก ค่อยๆสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะถามเสียงแผ่วเบา

“ชุดนี้พี่ชายฉันเป็นคนสั่งทำไม่ใช่เหรอ ทำไมนายถึงมีหน้ากากที่เป็นชุดเดียวกัน นักออกแบบก็ไม่……”

“ไม่ได้บอกอะไรใช่ไหม” เย่โม่เซินพูดเสริมต่อจากเธอ เริ่มพูดอธิบายด้วยเสียงทุ้มต่ำ “นั่นเป็นเพราะฉันไม่ให้เขาบอกเอง”

“นี่มันนับประสาอะไร” หานมู่จื่อหลับตาลง พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง

“อืม ?” เย่โม่เซินหรี่ตามองสำรวจเธอ กลัวว่าเธอจะอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา

ตอนนี้สำหรับเขาผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมเป็นพิเศษ อยากจะเอาใจอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็กลัวว่าเธอจะไม่ยอมรับหรือโกรธเคือง

ดูเหมือนว่าจุดศูนย์กลางของเขาจะหมุนรอบตัวเธอยังไงอย่างนั้น

“ขนาดชุดที่พี่ชายฉันสั่งทำ นายยังกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งอีกเหรอ”

หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้น สายตาจ้องตรงไปที่เขา

เย่โม่เซินชะงักไป เห็นเธอเอ่ยถามด้วยสายตาแบบนี้ทำให้ลนลานขึ้นมาเล็กน้อย ริมฝีปากบางเปิดปากอย่างไม่รู้ตัว “เธอไม่ชอบเหรอ”

ไม่รอให้เธอเปิดปาก เย่โม่เซินก็พูดต่ออีกว่า “งั้นต่อไปฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว หรือไม่ก็ก่อนทำฉันจะมาถามความเห็นเธอก่อนดีไหม”

“เย่โม่เซิน นายกลายเป็นคนถ่อมตัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ในที่สุดหานมู่จื่อก็ทนต่อไปไม่ไหวจนต้องคำรามออกมา “ฉันยอมให้นายทำกับฉันเหมือนเมื่อก่อนเสียยังดีกว่า คำก็เจ้าสาวมือสองสองคำก็เจ้าสาวมือสอง ทำเหมือนฉันเป็นคนที่ชื่นชอบคนที่เปลือกนอก ผู้หญิงที่ในสายตามีแต่เงินทองและอำนาจ”

ทันใดนั้นดนตรีไพเราะก็ดังขึ้น ในห้องแต่งตัวที่เงียบสงบแบบนี้เสียงเลยยิ่งดังชัดเป็นพิเศษ

หานมู่จื่อเงี่ยหูฟัง และรับรู้ว่ามันเป็นดนตรีไพเราะสำหรับการเต้นประสาน ซึ่งเหมาะกับการเต้นรำ

มือถูกจับไว้ มือของเย่โม่เซินโอบรอบเอวเธอ เส้นเสียงแหบพร่า “แต่งตัวซะสวยขนาดนี้ ถ้าไม่เต้นสักเพลงคงน่าเสียดายแย่ เธอว่ายังไง”

เสียงดนตรียังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด และเห็นได้ชัดว่าเย่โม่เซินได้จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว

แต่ยังไงเสียงดนตรีก็ไม่มีทางดังขึ้นเองได้ จะเห็นได้ว่าในนี้คงมีคนที่เขาซื้อตัวไว้แล้ว

หานมู่จื่อเม้มปาก ตอนที่คิดจะปฏิเสธเขาก็ถูกเขาพาเต้นรำก่อนเสียแล้ว

ตอนแรกเธออยากจะปฏิเสธ แต่สายตาของเย่โม่เซินก็ราวกับมีเวทมนตร์ ทำเห็นเธอค่อยๆสูญเสียกำลังที่จะต่อต้าน จากนั้นก้าวตามเขาไปตามจังหวะของท่วงทำนอง

หานมู่จื่อคิด ไม่แน่ว่าช่วงเวลานี้ เธออาจจะสามารถลืมความผิดพลาดในอดีตได้

เพียงแค่……ช่วงเวลานี้เท่านั้น

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset