บทที่ 548 พัสดุลึกลับ
หานมู่จื่อชมเธอ เลิงเยาเยาดีใจมาก ไม่ว่ายังไงผลงานที่โดดเด่นของหานมู่จื่อสำหรับหล่นแล้วถือว่าเป็นไอดอลเลยล่ะ
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เธอเสียใจคือ เย่โม่เซินปฏิเสธผลงานของเธอ แค่เพียงเขาไม่ยอมรับ ผลงานของเธอก็จะไม่ผ่านด่านของเขา เธอก็จะไม่มีทางได้รับออร์เดอร์นี้
ถ้าไม่ได้รับออร์เดอร์นี้ แล้วเธอจะได้รับเงินรางวัลได้ยังไง?
นี่ต่างหากเป็นเรื่องที่เลิงเยาเยาเศร้าใจ
ได้ยินแบบนี้ มือที่เปิดแฟ้มของหานมู่จื่อก็หยุดชะงัก สักพักเธอก็ปิด แล้วคิดอยู่นาน “ปฏิเสธต่อหน้าเลยเหรอ?”
เลิงเยาเยาส่ายหน้า “ไม่ใช่ ฉันยังไม่เคยเจอหน้าเขาด้วยซ้ำ ผู้ช่วยเขาบอกฉัน บอกว่าเขาไม่พอใจผลของของฉัน ห้ามฉันไปส่งผลงานแย่ๆ แบบนี้อีก”
“ไม่ใช่เพราะเธอวาดได้แย่” หานมู่จื่อส่ายหน้า แล้วมองเธอ “ตอนนั้นที่รับออร์เดอร์นี้ ฉันก็บอกกับเธอแล้ว ว่าเคสนี้รายใหญ่ ต้องยากกว่าเคสก่อนๆ แน่นอน ขนาดฉันเองยังเอาไม่อยู่เลย”
“อืม”
“เพราะงั้น เธอต้องมีความอดทนพอสมควรในการทำงานนี้ ถึงสุดท้ายแล้วจะไม่สำเร็จ แต่ว่ากระบวนการนี้ พอที่จะทำให้เธอเติบโตได้”
เย่โม่เซินคนนี้ถึงจะไม่อยู่ในวงการนี้ แต่ว่าเขาเป็นคนที่เลือกมาก และแม่นยำมาก ให้เลิงเยาเยาได้ฝึกฝนบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร
“เอาเถอะ ฉันรู้แล้ว งั้นฉันขอกลับไปทำงานต่อนะคะ”
“อืม ไปเถอะ”
หลังจากที่เลิงเยาเยาไปแล้ว เสี่ยวเหยียนก็ดึงเสื้อบนตัวไปมา แล้วมองหน้าหานมู่จื่อด้วยความเศร้า “เธอรู้ทั้งรู้ว่าหล่อนจะไม่มีวันทำสำเร็จ ทำไมยังให้หล่อนไปรับงานนี้ล่ะ? จริงๆแล้ว ฉันคิดว่าถ้าเราผิดสัญญาตั้งแต่แรก ก็คงไม่มีเรื่องอย่างทุกวันนี้หรอก”
“เรื่องมากมายที่ไม่มีคำว่าถ้า ถ้าเราสามารถผิดสัญญาได้ ก็คงไม่ต้องมาปวดหัวแบบนี้”
หานมู่จื่อจับที่ระหว่างคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเย่โม่เซินจะยื้อนานแค่ไหน
ภาพงานเลี้ยงเมื่อคืนยังคงอยู่ในสมอง เขาพูดข้างหูของเธอ รอยจูบที่ร้อนแรงนั้น การกระทำที่ใกล้ชิดนั้น ยังคงฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสมองของเธอ
ถึงแม้เธอไม่อยากอยู่กับเขา แต่ร่างกายกลับทำตามใจ นึกถึงแต่เรื่องของเขาไปเรื่อย
เป็นเพราะว่าฐานะของหานมู่จื่อถูกเปิดเผยแล้ว เพราะงั้นวันนี้ที่บริษัทจึงมีลูกค้ามาขอร่วมงานด้วยไม่น้อย เสี่ยวเหยียนจัดเสื้อผ้าหน้าผมจากนั้นก็ไปต้อนรับ เหนื่อยทั้งวันเลย
“ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเปิดแถลงการณ์เปิดเผยฐานะของเธอจะมีออร์เดอร์เยอะขนาดนี้ เราก็ควรจะเปิดตั้งแต่ที่กลับมา”
หานมู่จื่อ “…….แป๊บเดียวก็มีคนมากมายแบบนี้ รู้สึกไม่ไหวเล็กน้อย”
เวลาเลิกงานเลยไปแล้ว หานมู่จื่อสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แล้วเร่งเสี่ยวเหยียน “รีบเก็บของ พวกเราไปรับเสี่ยวหมี่โต้วกลับบ้านกัน”
เสี่ยวเหยียนเองก็พึ่งรู้ตัว จึงรีบเก็บของ จากนั้นก็ใส่เสื้อผ้าของหานชิง แล้วเดินออกไปพร้อมกับหานมู่จื่อ
หลังจากที่ทั้งสองคนไปรับเสี่ยวหมี่โต้วกลับบ้านแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วขึ้นรถเห็นชุดสูทบนตัวของเสี่ยวเหยียน ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
“คุณน้าเสี่ยวเหยียนครับ คุณน้าใส่เสื้อของคุณอาของหนูเหรอครับ?”
ได้ยินแบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็จ้องเธอ “ตาดีแบบนี้ ได้ใครมา?”
เสี่ยวหมี่โต้วกอดแขนของเสี่ยวเหยียน “คุณน้าเสี่ยวเหยียนอยากเลื่อนขั้นเป็นแฟนคุณอาใช่ไหมคะ?”
เสี่ยวเหยียนโกรธจนมองบน “ฉันอยากเป็นแฟนคุณอาของหนูนะ แต่เสียดาย คุณอาของหนูเองที่ไม่อยากให้ฉันเลื่อนขั้น”
ก่อนหน้านี้เธอไม่อยากยอมรับ เพราะรู้สึกอาย แต่ตอนนี้ความคิดของเธอโดนหานชิงรู้แล้ว แถมยังปฏิเสธเธอต่อหน้าต่อตาแบบนี้ เธอจึงไม่รู้สึกอะไรแล้ว
ได้ยินแบบนี้ หานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอ่อน “ตอนนี้ไม่ใช่แฟนคุณอา แต่ว่าว่าที่แฟนคุณอาต่างหาก”
เสี่ยวเหยียนหันมาจ้องเธอแรง
ทั้งสามคนกลับไปที่โครงการด้วยรอยยิ้ม ในตอนที่ผ่านนิตินั้น พวกลุงเรียกพวกเขาไว้ บอกว่ามีพัสดุ ให้พวกเขาเอากลับไปด้วย
เสี่ยวเหยียนอาสาไปเอา ในตอนที่เธอหยิบกล่องมานั้น นิติก็บ่นเล็กน้อย “คุณซื้ออะไรครับ ทำไมกลิ่นแย่จังครับ”
“ไม่มีอะไร ฉันก็แค่ซื้อเครื่องปรุงรสเล็กน้อย บางทีกลิ่นอาจจะแรงไปหน่อย แต่ก็คงไม่ถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง?” เสี่ยวเหยียนพยายามดมกลิ่น ก็รู้สึกได้ว่ากลิ่นไม่ค่อยพึงประสงค์
แปลก เกิดอะไรขึ้น?
“ทำไมล่ะ?”
หานมู่จื่อยืนถามอยู่ที่ประตู เสี่ยวเหยียนได้สติ จึงอุ้มกล่องออกไป
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันซื้อเครื่องปรุงจากในเน็ตมาหน่อย เลยมีกลิ่นเล็กน้อย พวกเรากลับไปเปิดดูกันเถอะ ถ้ามีปัญหา จะได้รีบส่งของคืน”
“ได้”
ในลิฟต์นั้นคับแคบ และพวกเขาก็อยู่ค่อนข้างสูง ในตอนที่เข้าลิฟต์ จึงโดนคนรอบตัวมองด้วยสายตาที่แปลกๆ หานมู่จื่อมองดูกล่องบนมือของเสี่ยวเหยียน จากนั้นก็ขมวดคิ้ว
กลิ่นนี้…..ค่อนข้างรุนแรง
หรือว่าเสียหรือเปล่า?
ภายใต้ความกดดัน ในที่สุดก็ถึงบ้าน หลังจากเข้าบ้านเสี่ยวเหยียนก็วางกล่องไว้บนพื้น แล้วพูด “พวกเธอสองคนไม่ต้องมาแตะนะ ฉันไปเอามีดมาแกะกล่อง อยากรู้นักว่าแม่ค้าออนไลน์ส่งของเสียอะไรมาให้ฉัน กลิ่นแรงขนาดนี้ เมื่อกี้เกือบจะเหม็นตายในลิฟต์แล้ว ไม่กล้าเชื่อเลยว่าของชิ้นนี้ฉันซื้อมาเอง”
หานมู่จื่อก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะ พยักหน้าแล้วขึ้นไปชั้นบน หลังจากที่วางกระเป๋าลง กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้านั้น ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดมาจากชั้นล่าง
เสียงกรี๊ดนี้แหลมมาก และทำให้คนรู้สึกขนลุก
หานมู่จื่ออึ้งอยู่สักพักแล้วพุ่งลงไปด้านล่าง เห็นเสี่ยวเหยียนนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเลย ราวกับว่าโดนสะกดจิต
“เกิดอะไรขึ้น?” หานมู่จื่อรีบเดินเข้าไป จากนั้นก็หยุดทันที ราวกับว่าเครื่องค้าง ทั้งสองเหมือนโดนสตั้น
ห้องรับแขกบรรยากาศแปลกๆ
หานมู่จื่อมองดูกล่องที่ถูกเปิดออก สีหน้าที่นิ่งในตอนแรกตอนนี้ซีดเล็กน้อย ในแววตาก็ไม่ค่อยมั่นคง
“คุณน้าเสี่ยวเหยียนเป็นอะไรเหรอครับ?” เสี่ยวหมี่โต้วที่พึ่งขึ้นห้องไปก็วิ่งลงมา เห็นพวกเธอยืนนิ่ง เลยรีบเดินเข้าไปด้วยก้าวเล็กๆ
หานมู่จื่อสีหน้าเปลี่ยน แล้วรีบตะคอก “กลับไป!”
เสี่ยวหมี่โต้วหยุดชะงัก
“หม่ามี๊ครับ?”
เขายืนอยู่ที่เดิม แล้วเงยหน้าไปมองหานมู่จื่อ ด้วยแววตาที่ไม่เข้าใจ
หานมู่จื่อมองดูของในกล่อง หายใจติดขัดเล็กน้อย
“เชื่อแม่ รีบเข้าห้อง ถ้าแม่ไม่เรียกก็ห้ามออกมานะ”
ถึงเสี่ยวหมี่โต้วจะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็เชื่อฟังหานมู่จื่อ เขาพยักหน้า จากนั้นก็หันหลังแล้วขึ้นห้องของตนเองไปเลย
พอแน่ใจแล้วว่าเสี่ยวหมี่โต้วกลับถึงห้องแล้ว หานมู่จื่อถึงโล่งอก
และเวลานี้ เสี่ยวเหยียนหันกลับมาด้วยความระแวง มองนางด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว
“มู่ มู่จื่อ ทำไงดี?”