บทที่549 การแทงข้างหลังที่ยากจะป้องกัน
หานมู่จื่อหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึกเพื่อให้ตนเองสงบลง ถึงแม้เธอจะแสดงท่าทีว่าสงบลงพอสมควรแล้ว แต่ในตอนนี้บนใบหน้าเธอก็ยังไม่มีสีเลือดใดๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งว่า “แจ้งตำรวจ”
หลังจากเปิดกล่องออกมาแล้ว ไม่มีสิ่งอื่นใด มีเพียงกระต่ายที่ตายแล้วตัวหนึ่ง
แล้วยังไม่ใช่กระต่ายที่ตายแบบปกติ การตายของกระต่ายนั้นน่าเศร้ามาก ไม้สองท่อนเสียบเข้าที่ดวงตาทั้งคู่ หูก็ถูกตัดออกไป เลือดสดไหลนอง และอื่นๆ….
หานมู่จื่อไม่อาจจดจำมันได้อีก อย่างไรก็ตามมันเป็นการตายที่น่าสยดสยองมาก ฉากนองเลือดพิเศษแบบนี้ เธอกับเสี่ยวเหยียนต่างก็รู้สึกรับไม่ได้
โดยเฉพาะเสี่ยวเหยียน แม้ว่าเธอจะหวาดกลัว แต่ขาของเธอก็อ่อนลง นั่งลงกับพื้นตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน
หลังจากหานมู่จื่อบอกว่าจะแจ้งความ เธอเกือบจะร้องไห้เสียงดังออกมา
“ฉัน ฉันยืนไม่ขึ้นแล้ว”
หานมู่จื่อ “…..”
เธอเม้มริมฝีปากซีดแล้วก้าวไปด้านหน้าประคองเสี่ยวเหยียน จากนั้นก็ยื่นมือออกมาปิดกล่องลง แล้วจึงประคองเสี่ยวเหยียนไปนั่งพัก
“ฉัน ฉันฉันฉัน….”เสี่ยวเหยียนเงยหน้าขึ้นมองเธอ ถ้อยคำพูดฟังไม่ชัดเจน “ฉันกลัวแทบตาย…มู่ มู่จื่อ”
หานมู่จื่อหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรไปหาสำนักงานทรัพย์สินหมู่บ้านอย่างใจเย็น
“สวัสดีค่ะใช่สำนักงานทรัพย์สินไหม? เอ่อ นี่คือผู้อาศัย18XX เมื่อครู่ตอนเข้าหมู่บ้านมาได้รับพัสดุจากทางคุณ พัสดุมีบางอย่างผิดปกติ หวังว่าพวกคุณจะส่งคนมาจัดการเสียหน่อย เอ่อ…เป็นกระต่ายที่ตายแล้ว ขอบคุณค่ะ ช่วยรีบหน่อย”
หลังวางสายโทรศัพท์ เสี่ยวเหยียนก็มองเธออย่างชื่นชมอยู่ช่วงหนึ่ง
แต่ไม่นานก็รู้สึกตัว แล้วส่งเสียงเอ่ยถาม “เธอ เธอไม่ใช่ว่าจะแจ้งความหรอ? ทำไมถึง…ไม่แจ้งความล่ะ?”
แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะทำให้ตัวเองสงบแล้ว ความคิดในตอนนั้นคือแจ้งความ ถึงอย่างไรสภาพการตายของกระต่ายตัวนี้ก็น่าสลดมาก แค่มองก็รู้ว่ามีคนจงใจ และมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน
แต่ว่า ถ้าเพราะกระต่ายตัวเดียวก็แจ้งความแล้วแบบนี้ อาจมีหลักฐานไม่เพียงพอ
ดังนั้น ท้ายที่สุดเธอจึงเลือกที่จะให้ทรัพย์สินหมู่บ้านมาจัดการ
หานมู่จื่อครุ่นคิด ไม่ได้ตอบคำถามของเสี่ยวเหยียนไปโดยตรง แต่กลับถามว่า “เธอบอกว่าเธอซื้อวัตถุดิบผ่านทางออนไลน์? ซื้ออะไรไป?”
ทันใดนั้นท่าทีของเสี่ยวเหยียนก็กลายเป็นน่าสงสาร “เธอคงไม่สงสัยฉันหรอกนะ? ฉันไม่ได้มีนิสัยชอบกินเนื้อกระต่าย ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ร้านค้าส่งกระต่ายที่ตายอย่างน่าสยดสยองแบบนี้มาให้”
หานมู่จื่อ “ฉันไม่ได้ว่าเธอ”
“ฉันซื้อสเต็กเนื้อลูกวัวแบบพิเศษ ไม่มีอย่างอื่น ในความหมายของเธอคือ ร้านค้าแกล้งฉัน ส่งกระต่ายตายตัวหนึ่งมาให้ฉัน?”
เธอในตอนนี้จากที่ตกใจก็โล่งใจขึ้นมา ดังนั้นจึงพูดค่อนข้างเร็ว ถึงแม้ทั้งสองนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่ยังคงซีดขาวราวกับผงแป้ง
“เธอมีความแค้นกับร้านค้าไหม?”
เสี่ยวเหยียนส่ายหัว
“ร้านค้ามีความแค้นกับเธอ?”
เสี่ยวเหยียนก็ออกแรงส่ายหัวอีก “ไม่มีแน่นอน เป็นครั้งแรกที่ทักไป อีกอย่างนี่เป็นร้านที่มีชื่อเสียงมาก”
หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะพูดว่า “สองคำถามนั้นของฉันเธอยังไม่เข้าใจอีกหรอ? ในเมื่อพวกเธอทั้งคู่ไม่มีความแค้นกัน แล้วเธอยังจะสงสัยว่าร้านค้าจงใจส่งกระต่ายที่ตายแล้วมาให้เธอ?”
ในตอนแรกเสี่ยวเหยียนยังคงมึนงง แต่ไปๆมาๆ เธอก็ตอบสนอง แล้วเบิกตากว้างสุดแรง “เธอ ความหมายของเธอคือมีคนจงใจเอากระต่ายตายใส่กล่องพัสดุส่งมาให้พวกเราตกใจ แล้วคนๆนี้ก็มีความแค้นกับเรา!”
“ใช้ได้ ถือว่ายังไม่โง่เกินไป”
“มู่จื่อ!”
“อะไร?”
“เธอตอนนี้ยังมีอารมณ์มาล้อเล่น เธอรู้ไหมเมื่อกี้ฉันกลัวฉี่แทบแตก แม่งเอ้ย กระต่ายตายก็ช่างเถอะ ในตายังเสียบด้วย…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว” หานมู่จื่อขัดคำพูดของเธอ เสี่ยวเหยียนเริ่มบรรยาย เธอก็ยิ่งเริ่มนึกถึงการตายของกระต่าย มันช่างโหดร้ายมากจริงๆ
คิดไปคิดมา เธอยังคงรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย ได้แต่นั่งปิดริมฝีปากไว้ไม่ขยับเขยื้อน
คนจากสำนักงานทรัพย์สินไม่นานก็มาถึง เสี่ยวเหยียนขยับตัวไม่ได้ จึงเป็นหานมู่จื่อที่ไปเปิดประตู
หลังจากคนจากสำนักงานทรัพย์สินตรวจสอบพัสดุ ชายร่างใหญ่สองสามคนต่างก็ถูกเหตุการณ์นองเลือดนี้ทำให้ตกใจจนหน้าซีด แล้วจึงมองไปที่เจ้าของบ้านหานมู่จื่อ
“คุณมู่ นี่คือพัสดุที่คุณพึ่งได้รับ?”
“ไม่ใช่พัสดุ” หานมู่จื่อส่ายหัว สายตาจับจ้องไปบนกล่อง “น่าจะมีคนใช้ชื่อพัสดุแล้ววางไว้ที่ทรัพย์สินหมู่บ้าน”
คนจากสำนักงานทรัพย์สินฟังแล้วก็พยักหน้า “โอเคครับคุณมู่ พวกเราเข้าใจความหมายของคุณแล้ว ตรงนี้พวกเราจะรีบจัดการทันที สำหรับเรื่องของคุณ พวกเราจะตรวจสอบให้ชัดเจนแล้วให้คำอธิบายกับคุณ”
หานมู่จื่อท่าทีไม่แยแส “ลำบากหน่อยนะ”
พวกเขาเก็บกล่องแล้วนำออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากหานมู่จื่อปิดประตูลง ก็ยืนพิงกำแพง
เสี่ยวเหยียนยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นจ้องมองเธอ
หานมู่จื่อเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเดินไปข้างหน้า “สีหน้าเธอดูไม่ดี ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าวเย็นไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวค่ำๆพวกเราออกไปกินไม่ก็สั่งอาหารมา”
เสี่ยวเหยียนกลับพูดเสี่ยงแผ่วออกมา “แล้วถ้าอาหารที่สั่งมาถูกวางยาจะทำยังไง?”
หานมู่จื่อ “……”
เสี่ยวเหยียนกระพริบตา “ฉันรู้สึกเหมือนพวกเราถูกจับตามองอยู่”
หานมู่จื่อไม่พูดตอบ เธอลากขาที่อ่อนแรงทั้งคู่ไปที่โซฟาแล้วนั่งลง รินน้ำเย็นให้ตัวเองหนึ่งแก้วเพื่อระงับอารมณ์ที่ว้าวุ่นในใจ
“ช่วงนี้พวกเราไปทำผิดต่อใครไว้นะ? ใครกันที่จะชั่วช้าขนาดทำเรื่องแบบนี้ได้? เธอบอกสิช่วงนี้พวกเราทำไม…” เสี่ยวเหยียนบ่นพึมพำกับเธอ พูดไปพูดมาก็ชะงัก นึกบางอย่างขึ้นได้กะทันหัน เธอเบิกตากว้างมองไปที่หานมู่จื่อ
สายตาคู่นั้นทำเอาอีกคนสงสัย
“อยากพูดอะไรก็พูด อย่ามามองฉันแบบนี้”
หลังจากที่ผ่านเรื่องแบบเมื่อสักครู่มา เกราะป้องกันในใจของหานมู่จื่อตอนนี้ก็เปราะบางมาก
“เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นหลินชิงชิงคนนั้น? ก่อนหน้านี้หล่อนก็คิดที่จะทำร้ายเธอ!”
หลินชิงชิงหรอ?
หานมู่จื่อนึกถึงคนที่ก่อนหน้านี้มาถึงออฟฟิศของเธอพร้อมกับแม่ของหล่อนเพื่อขอโทษเธอ ริมฝีปากซีดขยับเล็กน้อย ไม่ได้ตอบอะไร
“เธอเคยคิดไหม หล่อนอาจจะบอกว่าจะไม่ทำร้ายเธอแล้ว แต่ถ้า…เธอเปลี่ยนความตั้งใจแล้วล่ะ? ไม่อย่างนั้น หลังจากพวกเรากลับเข้าประเทศมาก็ไม่ได้ทำผิดต่อใคร ทำไมถึงต้องทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ แล้วก็ในช่วงเวลานี้ด้วย”
หานมู่จื่อขัดคำพูดของเธอ “คนที่เราทำผิด ไม่เพียงแค่กับหลินชิงชิงเท่านั้น ยังมีคนอื่นอีก”
เมื่อเห็นเสี่ยวเหยียนจ้องเธอ หานมู่จื่อก็เปิดปากพูดเบาๆ “เธอลืมเรื่องที่บริษัทก่อนหน้านี้ไปแล้วหรอ?”
“ก็ใช่นะ งั้นหรือจะเป็นจ้าวยี่หรู? แม่ง ยัยบ้านั่นคงไม่เพราะขายหน้า เลยหันมีดมาทางเราหรอกนะ?”
หานมู่จื่อเม้นริมฝีปาก คิดไปคิดมา กลับคิดหาเหตุผลไม่ออก ในตอนนี้สมองเธอกำลังยุ่งเหยิง
สำหรับหลินชิงชิง ในตอนนั้นสามารถเห็นได้ถึงความจริงใจของเธอ แต่ใครจะรับประกันได้ว่าเธอจะไม่เปลี่ยนแปลงความตั้งใจล่ะ? ถึงอย่างไรเธอก็พูดด้วยว่าจะให้ตนเองได้แข่งขันอย่างยุติธรรมต่อเย่โม่เซิน
อีกอย่าง หล่อนพูดว่า…จะไม่ทำร้ายเธอ แต่ไม่ใช่จะไม่ทำให้เธอหวาดกลัว
หรืออาจจะเป็น จ้าวยี่หรูที่ไม่พอใจ ให้คนหาที่อยู่ของเธอ แล้วจึงส่งกระต่ายตายตัวนี้มา?
หานมู่จื่อคิ้วขมวดจนเจ็บ ยกมือขึ้นนวดเล็กน้อย รู้สึกปวดหัว
เป็นใครกันแน่?