บทที่550 ส่งอีเมลไปให้พ่อ
เพราะเรื่องของกระต่ายทำให้เสี่ยวเหยียนกับหานมู่จื่อได้รับผลกระทบทางจิตใจ ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงรอหลังจากคนจากสำนักงานทรัพย์สินกลับไป หยิบไม้ถูพื้นออกมาถูตรงที่เมื่อกี้วางกล่องไว้ ถูไปสี่ห้ารอบแล้วก็ยังรู้สึกรับไม่ได้
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าในห้องนี้ กลิ่นของเลือดยังคงรุนแรงอยู่เลย…”
พอได้ฟัง หานมู่จื่อก็ขมวดคิ้วแน่น แล้วก็ลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่างในห้องออก สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาในห้องช่วยขจัดกลิ่นเลือดที่กระต่ายตายเมื่อครู่นี้ทิ้งเอาไว้
แต่เสี่ยวเหยียนยังคงรู้สึกว่าแค่นี้ไม่พอ คิดแล้วคิดอีกก็หยิบน้ำหอมจากกระเป๋าออกมา ฉีดลงไปทั่วทุกมุมของห้อง
เห็นอีกฝ่ายสงบลงมากขึ้นแล้ว หานมู่จื่อจึงพูดขึ้น “ไปอาบน้ำเถอะ แล้วก็เก็บของเสียหน่อย พวกเราออกไปกินข้าวกัน”
เสียวเหยียน “ออกไปในเวลาแบบนี้? มันมืดค่ำแล้ว จะไม่อันตรายไปหน่อยหรอ?”
เธอรู้สึกว่าความหวาดกลัวยังคงหลงเหลืออยู่
หานมู่จื่อครุ่นคิด ก็รู้สึกว่าออกไปข้างนอกมันอันตรายไปหน่อย จึงพูดขึ้นอีก “งั้นช่างเถอะ ทำบะหมี่จากข้างล่างแล้วกัน”
ทั้งสองกลับห้องของตนเพื่อล้างเนื้อล้างตัว เสร็จแล้วจึงลงไปทำบะหมี่ชั้นล่าง
เสี่ยวหมี่โต้วไม่ทันได้เห็นอะไรก็ถูกหานมู่จื่อเรียกกลับห้องแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นอะไรเลย และไม่รู้เรื่อง
ในตอนนี้ก็หิวแล้ว บะหมี่ที่หานมู่จื่อลงไปทำที่ห้องครัวด้วยตัวเอง เขากินอย่างเอร็ดอร่อย
เพียงแต่คนทั้งสามที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะกินข้าว มีแค่เขาเท่านั้นที่เจริญอาหาร
แต่หานมู่จื่อกับเสี่ยวเหยียนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม กลับไม่แม้แต่จะหยิบตะเกียบขึ้นมา
กิน…ไม่ลงเลย
เมื่อได้เห็นฉากนองเลือดเมื่อกี้ แล้วมองดูบะหมี่ที่อยู่ในชามตอนนี้ พวกเธอไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด
เสี่ยวเหยียนมองไปที่หานมู่จื่อ กระพริบตาให้ “เธอ เธอไม่กินหรอ?”
หานมู่จื่อเงยหน้า แววตาสับสนอยู่บนหน้าเธอ
“เธอล่ะ”
เสี่ยวเหยียนยิ้มน้อยๆ “ฉันกินไม่ลง”
หานมู่จื่อก็ยิ้มเช่นกัน ไม่ได้พูดตอบ
เสี่ยวหมี่โต้วที่อยู่อีกฝั่งเงยหน้าขึ้นจากอาหาร มองจ้องพวกเธอทั้งสองด้วยความสงสัย “หม่ามี๊ น้าเสี่ยวเหยียน เป็นอะไรกันหรอ?”
มือข้างหนึ่งแตะไปที่หลังหัวของเสี่ยวหมี่โต้ว แล้วลูบเบาๆ “เสี่ยวหมี่โต้วรีบกินข้าวเถอะ แล้วดูทีวีสักพักลูกก็เตรียมอาบน้ำเข้านอนนะ”
“แต่ว่าหม่ามี๊ ไม่หิวกันหรอ?”
หานมู่จื่อยิ้มน้อยๆ แล้วพูดเสียงเบา “ตอนนี้ไม่หิว ลูกกินก่อนเถอะ ดึกๆหน่อยแม่กับน้าเสี่ยวเหยียนของลูกหิวแล้วก็จะกินเอง”
“อื้ม” เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้า แล้วจึงก้มหน้ากินบะหมี่ต่อ
คราวนี้เขากินอย่างรวดเร็ว แล้ววางตะเกียบลง “หม่ามี๊ผมกินอิ่มแล้ว แต่คืนนี้ผมไม่อยากดูทีวี ผมอยากใช้โน้ตบุ๊คของหม่ามี๊หน่อย ได้ไหมครับ?”
“ได้แน่นอนจ่ะ ลูกไปใช้เถอะ อย่าลืมล่ะว่าห้ามนอนดึกมากเกินไป”
“ฝันดีครับหม่ามี๊ ฝันดีครับน้าเสี่ยวเหยียน”
ทั้งสองมองดูขาสั้นๆเดินขึ้นบันได แล้วเข้าห้องไป สายตาของทั้งสองถึงเก็บกลับมา จากนั้นเสี่ยวเยียนก็ถอนหายใจแล้วมองไปที่บะหมี่ ลูบไปที่ท้องของตัวเอง
บ่นพึมพำ—
“หิวจังเลย แต่กินไม่ลง ทำยังไงดี?”
ท้องของหานมู่จื่อก็ร้องขึ้นมาอย่างยอมแพ้ ไม่กินอะไรมาทั้งวันแล้ว เธอเองก็หิวนิดหน่อยเหมือนกัน
คิดไปคิดมา หานมู่จื่อก็หยิบตะเกียบขึ้นแล้วยิ้มน้อยๆ “มา หยิบตะเกียบขึ้นมา เรามากินบะหมี่ด้วยกันเถอะ”
มุมปากเสี่ยวเหยียนกระตุก “เธอคงไม่เอาจริงหรอกนะ? เธอกินลงหรอ?”
“กินไม่ลง ก็ต้องกินน่ะ” หานมู่จื่อยังคีบบะหมี่เข้าไปในปากจริงๆ พยายามอย่างมากที่จะไม่คิดถึงเรื่องพวกนั้น เสี่ยวเหยียนมองตาค้าง เดิมทีนึกว่ากินไปครึ่งนึงหานมู่จื่อก็คงอ้วกออกมา แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะกินบะหมี่จนหมดเกลี้ยง
หลังจากทำให้ท้องอิ่มเรียบร้อยแล้ว หานมู่จื่อก็เก็บชามกับตะเกียบของตนเอง แล้วลุกขึ้น “ฉันอิ่มแล้ว ไปพักผ่อนก่อนนะ เธอหาวิธีเอาเองแล้วกัน”
พูดจบ หานมู่จื่อก็หันตัวเดินจากไป ด้านหลังมีเสียงของเสี่ยวเหยียนที่บอกว่าตนเป็นคนทรยศดังสะท้อนมา
หลังจากเธอกลับมาถึงชั้นบน นาทีแรกที่เข้ามาในห้องน้ำ ก็ไปพิงอ่างล้างหน้าพยายามจะอ้วก
ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเธอแสร้งกินบะหมี่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจก็ยังคงไม่อาจผ่านจุดนั้นไปได้ หานมู่จื่อยืนพะอืดพะอมอยู่ที่อ่างล้างหน้าอยู่นาน ถึงเริ่มผ่อนคลาย จากนั้นก็ยืนพิงกำแพงอย่างเหนื่อยล้า มองตัวเองในกระจกที่สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย
เป็นใครกันแน่ที่แอบทำเรื่องแบบนี้ในที่ลับ?
วันนี้เป็นกระต่ายตาย พรุ่งนี้จะเป็นอะไร?
บางที เธอควรคิดที่จะส่งเสี่ยวหมี่โต้วไปอยู่กับหานชิง ให้หานชิงดูแลเขาสักระยะ
แต่ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นหานชิงก็จะรู้เรื่องพวกนี้ เธอก็จะไม่เป็นอิสระ
ถ้าไม่ส่งไป งั้นเสี่ยวหมี่โต้วอาจจะเห็นเข้าสักวัน เขายังเด็กขนาดนี้ เธอไม่ต้องการให้ลูกของตัวเองได้รับบาดเจ็บทางจิตใจ
*
ในเวลานี้ หลังจากที่เสี่ยวหมี่โต้วได้นำเอาโน้ตบุ๊คของหานมู่จื่อกลับมาที่ห้องของตนเอง ก็มุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มของตัวเอง วางโน้ตบุ๊คลงบนตักตัวเอง มือเล็กๆขาวเนียนนุ่มคู่หนึ่งกดแป้นพิมพ์ราวกับกำลังโบยบิน
ไม่นาน เขาก็ได้รับวิดีโอเฝ้าระวังของหมู่บ้าน จากนั้นมือน้อยๆก็จับคางของตน จ้องมองสถานการณ์บนหน้าจออย่างจริงจัง
ถึงแม้เมื่อกี้หม่ามี๊ไม่ให้เขาดู แต่ตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วกลับไปที่ชั้นบนก็จงใจหยิบกล้องส่องทางไกลที่เขาเก็บสะสมไว้ แอบดูสถานการณ์ด้านล่าง
ในเมื่อเป็นสิ่งที่สามารถทำให้แม่ของตนหน้าซีดเซียวไปได้ขนาดนั้น แล้วยังปกป้องเขาไม่ให้เขาเห็น จะต้องเป็นของที่น่ากลัวมากแน่
จึงเป็นเหตุให้หม่ามี๊ปกป้องเขาไม่ให้เขาเห็น
แต่หม่ามี๊ยิ่งทำแบบนี้ เขายิ่งต้องรู้ให้ได้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร แบบนี้เขาถึงจะมีวิธีแก้ไข
หม่ามี๊ลำบากมากแล้ว ไม่อาจปล่อยให้เธอเพียงคนเดียวยืนอยู่หน้าตนเอง
หลังจากที่เสี่ยวหมี่โต้วบันทึกวิดีโอไว้แล้ว ก็เอารูปกระต่ายตายตัวนั้นออกมาแล้วจัดการสำรองข้อมูล เลือกอีเมลของใครบางคน แล้วก็ส่งออกไปโดยตรง
หึ
ไม่อาจปล่อยให้พ่อของเขาว่างไปทำเรื่องน่าเบื่อ การถูกมุ่งเป้าแบบนี้ จะต้องจัดการทันที
*
ติ๊ง—
ในห้องหนังสือกลางดึกมีเพียงโคมไฟดวงเดียวที่สว่างอยู่ เย่โม่เซินที่เดิมทีควรจะสะสางงานในตอนนี้กลับนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ดูการฉายซ้ำ
การถ่ายทอดสดในงานเลี้ยงที่บ้านหานวันนั้น เย่โม่เซินให้คนตัดต่อวิดีโอถ่ายทอดสด ให้เหลือเพียงส่วนที่มีหานมู่จื่อทั้งหมดส่งมาให้เขา
หลังจากได้รับ เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากเปิดวิดีโอ แล้วนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ดูภาพที่ถ่ายทอดในนั้นซ้ำไปซ้ำมา
อันที่จริงในห้องแต่งตัวเขาก็ขยับมือเท้าไปแล้ว วิดีโอที่เขากับหานมู่จื่อเต้นรำก็มีการบันทึกไว้ เย่โม่เซินเอาแต่ดูส่วนนี้ซ้ำไปมา
ทันใดนั้น เมลบ๊อกส์ของเขาก็แจ้งเตือนว่ามีอีเมลใหม่เข้ามา
เมลบ๊อกส์ของเขาปกติจะมีแต่อีเมลที่เกี่ยวกับงาน กลางดึกกลางดื่น เขาเลยขี้เกียจที่จะสนใจ
คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ขมวดคิ้ว มองข้ามข้อความของอีเมลใหม่ตรงมุมขวาล่าง แล้วดูวิดีโอต่อ
แต่เสี่ยวหมี่โต้วที่รอให้เย่โม่เซินดูอีเมลเห็นอีกฝ่ายไม่เปิดอ่านอีเมลเสียที แต่เห็นๆอยู่ว่าคอมพิวเตอร์กำลังออนไลน์ เสี่ยวหมี่โต้วพองแก้มด้วยความโกรธ
“หึ พ่อบ้านี่ กลางดึกแล้วไม่ดูอีเมล”
คิดไปคิดมา นิ้วมือของเขาก็โบยบินบนแป้นพิมพ์อีกครั้ง พลางพูดว่า “ให้ผมดูหน่อยว่าพ่อทำอะไรอยู่!”