เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 553 สับสน

บทที่ 553 สับสน

อาจเป็นเพราะรอยยิ้มหวานของเธอ ชายหนุ่มที่ในตอนแรกทำหน้าเหมือนจะรำคาญ จากสภาพอากาศที่ย่ำแย่อยู่แล้วยังมีคนมาถามอีก ดังนั้นจึงทำให้เขาหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

ทว่าเมื่อหันกลับมามองกลับพบว่าเป็นสาวสวยหน้าหวานคนหนึ่งและด้านข้างเธอยังมีสาวสวยที่ดูบอบบางกำลังขมวดคิ้วนิ่งอยู่

ดังนั้นจึงทำให้ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปในทันที เมื่อมองไปทางสองสาวแล้วเขาจึงเริ่มอธิบายให้ฟังอย่างอดทนเป็นพิเศษ “สถานการณ์ยังไม่แน่ชัดเลยครับว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินเพียงว่าร้ายแรงถึงชีวิตเลย”

“เสียชีวิตเลยเหรอ?” เสี่ยวเหยียนสูดลมหายใจอย่างตกใจจนแทบช็อก

หลังจากที่เธอเหลือบสายตาไปมองหานมู่จื่อก็พบว่าสีหน้าเธอดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก

“สามารถบอกเพิ่มเติมอีกหน่อยได้ไหมคะ?” หานมู่จื่อเม้มปากที่ขาวซีด หลังจากนั้นจึงเอ่ยถามออกไป

เมื่อสาวสวยเอ่ยถาม ชายหนุ่มจึงพยักหน้ารับอย่างเป็นธรรมชาติ “ตอนที่พวกผมมาถึงนี้ ตำรวจก็เข้ามาปิดล้อมแล้วครับ พวกผมเลยสามารถดูได้แค่ในระยะไกลเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปได้ แต่ว่าตอนที่มาถึงคนยังน้อยอยู่ แล้วผมก็เลยได้ยินคนพูดกันว่าจู่ๆ ก็มีคนวิ่งมาจะฆ่าตัวตาย เป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ทุกคนก็ไม่รู้อะไรเลย”

หานมู่จื่อ “……….”

เมื่อได้ฟังก็ยิ่งสับสนไม่เข้าใจ

“ฆ่าตัวตายกะทันหัน?” เสี่ยวเหยียนปากตะกุกตะกัก กอดแขนหานมู่จื่อเอาไว้ด้วยความกลัว “เรื่องนี้ทำไมฟังดูแปลกๆ? เมื่อวานพวกเราก็ได้รับ……..”

“ขอบคุณที่อธิบายให้ฟังนะคะ พวกเราทราบแล้ว” หานมู่จื่อขัดคำพูดของเสี่ยวเหยียนขึ้นมาอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นเธอจึงดึงเสี่ยวเหยียนให้หันกลับมาหา “พวกเรากลับกันก่อนเถอะ ที่นี่คนเยอะ ยังไงก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี”

หลังจากนั้นไม่รอให้เสี่ยวเหยียนได้ตอบกลับมา หานมู่จื่อก็ดึงลากเธอกลับไปเลย

ในตอนที่เข้ามาในลิฟต์ เสี่ยวเหยียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “เธอเป็นอะไรไป? จู่ๆ ก็พูดขัดฉัน หรือว่าคนที่ตายคนนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับกระต่ายที่ส่งมาให้พวกเราไหม?”

“ไม่รู้” หานมู่จื่อส่ายหน้า สีหน้านิ่งขึ้น “แต่เรื่องของพวกเรายิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี”

ท้ายที่สุดไม่ว่าจะเป็นใครที่ส่งกระต่ายที่ตายมาให้พวกเรา มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ามันเกิดขึ้นเมื่อคืน มาเช้าวันนี้ยังมีคนฆ่าตัวตายอีก

สองเรื่องนี้ดูเหมือนว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน…….

ทว่ามันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น

ทั้งเวลาและสถานที่ที่มันบังเอิญขนาดนี้ มันจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันได้ยังไง?

ติ่ง—

ประตูลิฟต์เปิดออก หานมู่จื่อจึงเดินออกไป ในขณะที่กำลังจะป้อนลายนิ้วมือเพื่อเปิดประตู เท้าของเธอก็หยุดชะงักลงกะทันหัน

เป็นเพราะเธอเห็นว่าตัวล็อกด้านในถูกเปิดออกทำให้มองเห็นผ่านประตูกันขโมยอย่างชัดเจน

หานมู่จื่อรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ชัดเจนอยู่แล้วว่าตอนที่เธอเพิ่งออกไป เธอจัดการล็อกประตูดีแล้ว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เธอก็รีบจัดการป้อนลายนิ้วมือแล้วรับเปิดประตูเข้าไป

เสี่ยวเหยียนที่เห็นท่าทางรีบร้อยของเธอก็รีบตามเข้าไป หลังจากที่หานมู่จื่อเข้าไปแล้ว เธอก็พบรองเท้าสองคู่วางไว้ก่อนโถงทางเดิน

เธอถึงกลับหน้าเปลี่ยนสี ไม่แม้แต่จะถอดรองเท้าเธอก็เดินเข้าไปเลย

“หม่ามี๊กลับมาแล้วเหรอครับ?”

มีเสียงออดอ้อนเสียงหนึ่งดังขึ้นมา หานมู่จื่อจึงเดินตามเสียงไป ก็พบว่าเป็นเสี่ยวหมี่โต้วที่กำลังถือน้ำสองแก้วออกมาจากห้องครัว และในห้องรับแขกก็มีชายหนุ่มสวมใส่ชุดตำรวจสองคนนั่งอยู่ตรงโซฟา

ทั้งสองคนหันหน้ากลับมาก่อนจะลุกขึ้นยืน

“สวัสดีครับคุณหาน ก่อนหน้าที่คุณไม่อยู่ห้องเป็นลูกของคุณที่เปิดประตูให้พวกเราเข้ามาครับ”

เมื่อมองไปที่พวกเขา หานมู่จื่อก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวหมี่โต้วเสียอีก

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าตำรวจทั้งสองท่านมาหาฉันมีธุระอะไรคะ?”

อีกฝ่ายเรียกเธอว่าคุณหานอย่างตรงไปตรงมานั้นก็แสดงว่า พวกเขาเตรียมตัวที่จะมาหาเธอ

หลังจากที่ถามเสร็จ หานมู่จื่อก็หันไปมองเสี่ยวหมี่โต้วอีกรอบ ก่อนจะยิ้มบางออกมา “เสี่ยวหมี่โต้ว เดี๋ยวหม่ามี๊คุยธุระกับคุณตำรวจก่อนนะครับ หนูขึ้นไปข้างบนก่อนดีไหมลูก?”

เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตาหลังจากนั้นจึงพยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินขึ้นชั้นบนไป

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจึงเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาว่า “คุณหานครับ เพื่อแน่ใจในความจริงของคำพูดคุณ พวกเราจึงอยากจะให้ลูกชายของคุณอยู่ด้วยครับ เพราะเรามีคำถามจะถามเขาเหมือนกันครับ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหานมู่จื่อยังคงไว้อย่างสุภาพ ทว่ากับดูเย็นชาขึ้นมา ก่อนเธอจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ตำรวจทั้งสองท่านที่มาที่นี่ก็เพื่อจะสอบปากคำเหรอคะ?”

ทั้งคู่หน้าเปลี่ยนสี หลังจากที่สบตากันแล้วต่างก็พากันถอนหายใจออกมา “จะบอกว่าเป็นการสอบปากคำก็ไม่ใช่ครับ เป็นเพียงการสอบถามข้อเท็จจริงเท่านั้นครับ หวังว่าคุณหานจะให้ความร่วมมือกับพวกเรานะครับ”

“โอเคค่ะ” หานมู่จื่อกวักมือเรียกเสี่ยวหมี่โต้วให้เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ เธอ เสี่ยวเหยียนเองก็ตามมาอย่างไม่สบายใจ

“ทั้งสองท่านอยากจะถามอะไรเหรอคะ?”

“อย่ากังวลไปเลยครับ ทางเราอาจจะดูจริงจังไปบ้างจนทำให้คุณตกใจ แต่เวลาทำงานเราก็เป็นแบบนี้กันอยู่แล้วครับ ไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไร แค่ได้ยินมาว่าเมื่อวานคุณหานได้รับพัสดุ ในนั้นมีกระต่ายที่ตายไปแล้วตัวหนึ่ง ถูกต้องไหมครับ?”

หานมู่จื่อไม่ได้ปฏิเสธ เพียงพยักหน้าตอบรับอย่างตามตรง

“ใช่ค่ะ”

“งั้นคุณหานพอจะทราบไหมครับว่าใครเป็นคนส่งมาให้?”

“ไม่ทราบค่ะ”

“ไม่ทราบเหรอครับ?” หนึ่งในนั้นเพิ่มระดับเสียงเข้มขึ้น “งั้นปกติแล้วคุณหานทำอะไรให้ใครขุ่นเคืองบ้างไหมครับ? เพื่อนที่ทำงานหรือว่าขัดแย้งอะไรกับใครไหมครับ?”

“การจะทำให้ใครขุ่นเคืองหรือไม่นั้น ต้องถามอีกฝ่ายไม่ใช่เหรอคะว่าฉันทำอะไรให้ขุ่นเคืองไหม?” หานมู่จื่อยิ้มบาง “คุณมาถามฉัน ฉันก็ว่าปกติฉันไม่มีปัญหาอะไรกับใคร ดังนั้นฉันคงไม่ทำให้ใครขุ่นเคืองหรอก”

เสี่ยวเหยียนที่ยืนอยู่ข้างหานมู่จื่อแอบคิดอยู่ในใจเงียบๆ

สุดยอดเลย……

คำตอบของเธอทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนขมวดคิ้ว แต่เมื่อคิดดูแล้วการที่เธอพูดอย่างนี้ก็ดูไม่ผิดปกติอะไร ท้ายที่สุดแล้วการที่จะทำให้คนอื่นขุ่นเคืองนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับคนอื่นจริงๆ ภายนอกอาจดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ภายในอาจไม่พอใจอยู่ก็ได้?

“ที่คุณหานพูดมาก็ไม่ผิดครับ แต่ว่าทางเราก็ยังหวังว่าจะได้ความคิดเห็นสักหน่อย ไม่มีอะไรที่คุณรู้เลยเหรอครับ?”

หานมู่จื่อยิ้ม “ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยค่ะ ทำไมทางตำรวจถึงทราบเรื่องได้เหรอคะ ฉันไม่ได้แจ้งตำรวจนิ? ก่อนที่คุณจะถามคำถามฉันต่อ ฉันอยากจะรู้เรื่องขั้นตอนสักหน่อยก่อนได้ไหมคะ? ฉันอยากจะรู้ว่า ทำไมถึงได้มาสอบถามเรื่องนี้กับฉันได้? ไม่ใช่ว่าคงเกี่ยวกับที่ด้านล่างมีคนเสียชีวิต? แล้วทางตำรวจสงสัยฉันหรอกนะคะ?”

“คุณหานเข้าใจผิดแล้วครับ ทางเราไม่ได้สงสัยคุณเลยครับ เพียงแต่ว่าผู้ตายเป็นคนส่งของดังนั้นมันจึงอาจจะเชื่อมโยงกับเรื่องนี้”

เมื่อได้ฟังอย่างนั้นหานมู่จื่อก็ถึงกลับตกใจ “ใครพูดอะไรนะ? คนที่ตายเป็นคนส่งพัสดุงั้นเหรอ?”

“ใช่ครับ พวกลเราตรวจสอบกล้องบันทึกวิดีโอแล้วพบว่าเขาเป็นคนส่งของ”

“งั้นทำไม?” เสี่ยวเหยียนอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา “ถ้าคนที่ส่งพัสดุเป็นเขา งั้นทำไมเขาถึงมาฆ่าตัวตายตอนเช้ากันล่ะคะ? ฉันไม่เข้าใจ”

“เรื่องนี้ทางเราก็ยังหาสาเหตุไม่เจอเหมือนกันครับ” ตำรวจพูดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น มันค่อนข้างยุ่งยากและสับสนเป็นพิเศษ

ทำไมคนส่งพัสดุถึงฆ่าตัวตาย ไม่คาดว่าเขากลัวถูกค้นพบจึงชิงฆ่าตัวตายไปก่อนงั้นเหรอ? แต่ทว่าส่งเพียงกระต่ายที่ตายต่อให้ถูกค้นหาจนเจอ เขาจำเป็นต้องฆ่าตัวตายหนีเลยเหรอ? ดูเหมือนว่านี้อาจเป็นการเตือนหรือไม่ก็คนเบื้องหลังเขา เขาอาจไม่รู้เบื้องหลังอะไรเลยด้วยซ้ำ

เบื้องหลัง……..

หรือว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเขาจะเป็นคนลงมือกับเขากัน?

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset