บทที่ 561 คุณจะทำอะไร
เมื่อเสี่ยวเหยียนวิ่งลงไปข้างล่างเพียงอึดใจเดียว แต่กลับพบว่าทั้งสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน ในห้องนั่งเล่นมีเพียงร่างของเย่โม่เซิน ไม่พบหานมู่จื่อ
หานมู่จื่อได้ได้อยู่ เสี่ยวเหยียนมองเห็นเย่โม่เซินก็เปลี่ยนเป็นหวาดกลัว
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมหายใจที่เยือกเย็นของเขาหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นเพราะเขาเคยเป็นเจ้านายของตนเองมาก่อน ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงอยู่ในสภาวะที่เกรงกลัวเขามาตลอด
ตอนนี้เห็นเขานั่งอยู่เพียงลำพังในห้องนั่งเล่น เสี่ยวเหยียนรู้สึกกลัวเล็กน้อยที่จะก้าวไปข้างหน้า “คุณ…”
สายตาอันเฉียบคมของเย่โม่เซินกวาดตามองมา เสี่ยวเหยียนกลัวมากจนขาทั้งสองไม่สามารถยืนตรงอยู่ได้ แต่…คิดดูแล้วตอนนี้เขากำลังตามจีบมู่จื่อ และตนเองก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีของมู่จื่อ สุดท้ายแล้วเย่โม่เซินก็คงจะไม่ได้มองสีหน้าของตัวเองหรอก
คิดถึงสิ่งนี้ เสี่ยวเหยียนก็ไอขึ้นเบาๆ รู้สึกได้ว่าตนเองนั้นไม่ได้กลัวเย่โม่เซินขนาดนั้นแล้ว
ดวงตาของเย่โม่เซินหยุดจ้องอยู่ตรงร่างของเธอสองสามวินาทีก่อนจะละสายตาออกไป เขานั่งไขว่ห้างอยู่ตรงนั้น รูปลักษณ์หล่อเหลาที่ดูเย็นชา ดวงตาที่น่าเกรงขามนั้นเป็นที่เย้ายวนใจ
เสี่ยวเหยียนมองไปที่เย่โม่เซิน หรี่ตาลงอย่างเงียบๆ ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้ดูดีมากมายอะไร
ตอนนั้นเธอรอดพ้นจากการดึงดูดของผู้ชายคนนี้ได้อย่างไร หรือจะเป็นเพราะลมหายใจที่เย็นชาในร่างกายของเขาที่เย็นเกินไป ดังนั้นตนเองไม่เคยคิดที่จะชอบผู้ชายคนนี้เลยอย่างนั้นหรือ
เมื่อนึกการบาดเจ็บที่หานมู่จื่อได้รับในตอนนั้น เสี่ยวเหยียนก็ตัวสั่นอย่างไม่รู้ตัว โชคดีที่ในตอนนั้นเธอยังไม่ได้ชื่นชอบเย่โม่เซิน ไม่เช่นนั้นเธอก็คงจะไม่กลายเป็นเหมือนกับหานเส่โยวไปแล้วหรือ
เสี่ยวเหยียนคิดแล้วคิดอีก เดินเข้าไป แล้วถามขึ้น “มู่จื่อล่ะอยู่ที่ไหน”
เย่โม่เซินจ้องตานิ่ง ตอบอย่างเยือกเย็น “ห้องครัว”
เสียงนั้นเพิ่งสิ้นสุดลง เสี่ยวเหยียนก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากในครัว เธอรีบหลีกออกมาจากเย่โม่เซิน และเข้าไปในครัว
หานมู่จื่อเพิ่งจะเปิดไฟ ตอนที่เตรียมจะทำอาหารนั้นเสี่ยวเหยียนก็เข้ามา
เธอหันไปมองเสี่ยวเหยียนที่กำลังด้อมๆมองๆและพลิกมือปิดประตูครัว เธอมองด้วยความขบขันเล็กน้อย “เธอเป็นขโมย”
ได้ยินดังนั้น เสี่ยวเหยียนตกใจถึงกับหันกลับไปมองเธอ
“เธอสิขโมย”
“ไม่ขโมย ทำไมต้องมาหลบๆซ่อนๆในบ้านของตัวเองด้วยนี่”
“เธอคิดว่าฉันอยากจะหลบๆซ่อนๆหรือ ไม่ใช่เพราะจู่ๆ เธอก็พาผู้ชายเข้ามาอยู่เหรอ ฉันจึงต้องหลบๆซ่อนๆแบบนี้!” เสี่ยวเหยียนเดินกอดอกไปข้างหน้าเธอ หานมู่จื่อกำลังตั้งหม้อให้ร้อน แล้วก็พลางพูดไป “ฉันช่วยเปิดเครื่องดูดควัน”
เสียวเหยียนยกมือขึ้น ช่วยเธอเปิดเครื่องดูดควัน แล้วถามต่อ “เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือ ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากอยู่กับเขาหรือ ทำไมถึงรีบออกไปซื้อเกลือแป๊บเดียว เธอถึงได้พาคนกลับมาบ้านด้วยได้ล่ะ”
หานมู่จื่อ “…..ฉันก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้”
“แต่ในที่สุดเธอก็ทำไปแล้ว”
ใช่ ในที่สุดเธอก็เปิดประตูให้เย่โม่เซินเข้ามาแล้ว
เธอกัดริมฝีปากล่าง เห็นว่าก้นหม้อเกือบจะร้อน จึงนำกะหล่ำปลีเทลงไป ควันก็พุ่งขึ้นมาทันที เสี่ยวเหยียนเห็นเช่นนั้นจึงรีบไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง พลางพูดว่า “เธอรีบตอบฉันมาสิ เพราะอะไรเขาถึงมาโผล่ที่นี่ได้ ทำไมถึงต้องพาเขากลับมาด้วย”
หานมู่จื่อกำลังผัดผัก พลางคิดว่าจะบอกกับเสี่ยวเหยียนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นชั้นล่างหรือไม่ แต่เมื่อคิดดูแล้ว ก็รู้สึกว่าถ้าบอกเธอไปละก็ ด้วยนิสัยของเสี่ยวเหยียนแล้วเธอจะต้องกลัวจนไม่กล้านอนหลับแน่
ท้ายที่สุดสิ่งที่เกิดขึ้นในสองวันที่ผ่านมาก็ล้วนแต่ได้สัมผัสมาด้วยกัน ตอนเช้ายังมีคนเสียชีวิตอีกคน
ถ้าเธอยังบอกอีกว่าตอนเองถูกติดตาม อย่างนั้น…
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หานมู่จื่อก็ยิ้มเล็กน้อย “ฉันเพิ่งจะวิ่งลงไปชั้นล่างก็ได้เจอกับ คนไม่มียางอาย ฉันก็เลยพาเขากลับมา”
ได้ยินแบบนั้น เสี่ยวเหยียนก็หรี่ตาอย่างสงสัย “อีกฝ่ายไม่มียางอายเธอก็เลยพากลับมาอย่างนั้นหรือ ฉันไม่รู้เลยนะว่าเธอกลายเป็นคนช่างพูดตั้งแต่เมื่อไร”
หานมู่จื่อหยุดการกระทำในมือ เธอมองไปยังเสี่ยวเหยียนอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดี
“เธอว่างมากหรือไง”
เสี่ยวเหยียนกะพริบตา หานมู่จื่อลากตัวเธอมาอยู่ตรงหน้าตนเอง วางตะหลิวไว้ในมือเธอ “ส่งต่อให้เธอ”
“โอ้”เสี่ยวเหยียนมองตะหลิวในมือ “ฉันยังคิดว่าเธอต้องการจะลงมือทำกับข้าวให้เขากินด้วยตัวเอง ให้รออยู่ครึ่งวันเธอเพิ่งจะมาให้ฉันทำนี่นะ”
“ฉันหวังว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องกินข้าว เธอจะยังพูดมากได้ขนาดไหน”
จนกระทั่งหานมู่จื่อออกไปจากครัว เสี่ยวเหยียนก็นึกขึ้นมาได้ หากเย่โม่เซินต้องการอยู่ทานอาหารด้วยละก็ ตอนนั้นคงจะต้องนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับพวกเขาแน่นอน
ต้องนั่งด้วยกันกับคนที่แสนจะเย็นชา ช่างไม่กล้าที่จะคิดเลย
หลังจากหานมู่จื่อออกมาจากครัว ก็ไม่ได้ไปดูเย่โม่เซินซึ่งนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่ตรงขึ้นไปชั้นบนแทน
เธอกลับไปยังห้องนอนของตนเอง เมื่อเปิดประตูตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมหาชุดนอนมาซัก จู่ๆก็รู้สึกถึงความไม่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามเย่โม่เซินก็มาอยู่ที่นี่แล้ว
เขาเป็นผู้ชายธรรมดา ถ้าหากตนเองปรากฏตัวต่อเขาในชุดนอนละก็ อย่างนั้นเขาก็จะไม่ต้องการอีกหรือ
แต่…
หานมู่จื่อลดสายตาลง การละเว้นเป็นเวลาห้าปี เป็นเรื่องจริงหรือ
หรือว่า เขาจะทำเพื่อให้ได้รับการอภัยจากเธอ ดังนั้นจึงจงใจวางแผนออกมาให้เธอฟังหรือ
ไม่ใช่สิ
หานมู่จื่อส่ายหน้าอย่างกะทันหัน เธอจะคิดถึงเรื่องนี้ไปทำไม
ถึงเขาจะงดเว้นเป็นเวลาห้าปีแล้วจะอย่างไร เธอก็ไม่ใช่คนที่สั่งให้เขาละเว้น เขาเองเป็นคนรักความสะอาด ไม่ต้องการสัมผัสกับผู้หญิงคนอื่น…
แต่ กับผู้หญิงคนอื่นทำไม่ได้ แล้วทำไมกับเธอถึงทำได้
ยิ่งคิดมากเท่าไร ความคิดในสมองของหานมู่จื่อก็ยิ่งยุ่งเหยิง รู้สึกว่าตนเองกำลังอยู่ในวังวนที่ไม่รู้จบ
หานมู่จื่อรู้สึกอารมณ์เสีย เมื่อคิดจะยื่นมือออกไปเพื่อเปิดประตูตู้เสื้อผ้า กลับมีมือหนึ่งหยุดรั้งการกระทำของเธอไว้
“รสนิยมไม่เลว”
เสียงทุ้มของผู้ชายดังมาจากข้างหู หานมู่จื่อแทบจะกระโดดขึ้นด้วยความตกใจ
ด้วยความตื่นตระหนก เธอจึงผลักออกไปอย่างไม่รู้ตัว แต่เย่โม่เซินกลับถูกกดลงไปยังตู้อีกด้านหนึ่ง
ดวงตาของหานมู่จื่อเบิกกว้าง พูดดุเสียงดัง “เย่โม่เซิน นายจะทำอะไร”
กลิ่นหอมของร่างกายเธอ และความนุ่มนวลของร่างกายเธอ ทั้งหมดนี้ทำให้เย่โม่เซินยากที่จะควบคุม
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาในคืนนี้ ก่อนหน้านี้ก็เคยเห็นมาหลายเรื่องแล้ว แต่คืนนี้…เป็นเพราะคำพูดนั้นของเขา เขาร้อนอยู่นานมาก
จนถึงตอนนี้…ใจของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
ต้องการมาก ต้องการมาก…
เย่โม่เซินยกมือขึ้น ปลายนิ้วสัมผัสลงบนใบหน้าของเธอ เลื่อนลงช้า ๆ ในที่สุดก็มาตกอยู่ที่คอของเธอ
หานมู่จื่อไวต่อความรู้สึกมาก สัมผัสแบบนี้ทำให้เธอสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ แม้ริมฝีปากแดงนั้นก็สั่นสะท้าน หานมู่จื่อลดสายตาลงเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผดเผาจากปลายนิ้วของเย่โม่เซิน
เธอดูออกแล้ว เย่โม่เซินในคืนนี้…ไม่เงียบสงบ
“นาย…” หานมู่จื่อคิดจะพูดกับเขา เย่โม่เซินเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาที่ลึกล้ำนั้นเหมือนมีแรงดึงดูด ดูดเอาจิตวิญญาณของเธอเข้าไป จากนั้นก็ควบคุมไว้
“กอดหน่อยได้ไหม”
หานมู่จื่อ “…”
เธอกัดฟัน “นายเพิ่งจะพูดถึงเรื่องนี้ จะเป็นได้อย่างไร นาย…”
อย่างไรก็ตามเธอยังไม่ทันพูดจบ เย่โม่เซินก็ก้มลงอุ้มเธอขึ้นมา โอบกอดเอวของเธอไว้แน่น
หานมู่จื่อตัวแข็งทื่อ
หลังจากทันใดนั้น เธอรู้สึกได้ถึงความร้อนชื้นที่มาจากคอของเธอ