บทที่ 562 ในใจกำลังคิดอะไร
ตัวแข็งทื่ออยู่ราวสามวินาที หานมู่จื่อรู้ว่ามันคืออะไร เธอยื่นมือออกไปผลักเย่โม่เซินออกไปด้วยความตกใจ
แต่การกระทำนี้ดูเหมือนจะเป็นการกระตุ้นเย่โม่เซิน มือที่เดิมผูกไว้แน่นกับเอวของเธอ ด้วยแรงที่แข็งแกร่งมากดูเหมือนจะบีบรัดเอวของเธอ
เขากดเธอไว้ที่ประตูตู้เสื้อผ้าด้านหลังของเขา ด้วยแรงหนักมาก หานมู่จื่อรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย
เธอต้องการจะผลักเขาออกไป แต่เขากลับกอดเธอไว้แน่นขึ้น
ทันใดนั้นลมหายใจของหานมู่จื่อ ก็เปลี่ยนไปถี่รัวขึ้น ต้องการจะต่อต้านมัน แต่กลับพบว่าเรี่ยวแรงของตัวเองกลับหายไปอย่างช้าๆ
การเคลื่อนไหวของเย่โม่เซินกำลังดำเนินอย่างต่อเนื่อง
“อย่านะ…เย่โม่เซิน นายปล่อย…”
แต่ในที่สุด เสียงของหานมู่จื่อก็เล็กลงเรื่อยๆ แม้ว่าในตอนที่เย่โม่เซินปล่อยเธอ ขาของเธอกลับอ่อนแรง จากนั้นก็ยื่นมือออกไปคว้าคอเสื้อของเขา ดึงตัวขึ้นใช้เขาประคองตัวยืนขึ้น
ดวงตาสีดำดูลึกล้ำของเย่โม่เซินไม่ดูเย็นชาอีกต่อไป ดูเหมือนกับว่าไฟสองกองกำลังลุกโชนขึ้น ริมฝีปากบางของเขากัดคางของเธอเบาๆ
“ร่างกายของคุณ ซื่อสัตย์มากกว่าปากของคุณอีก”
หานมู่จื่อ “…”
เธอก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ แต่…ถูกเขาหยอกล้อ ทั้งร่างกายก็หมดเรี่ยวแรง
เห็นได้ชัดว่าควรจะปฏิเสธเขา แต่กลับยังแสดงอาการแบบนี้ออกไปขณะที่อยู่ต่อหน้าเขา
หานมู่จื่อกัดฝีปากล่างของเธอ อารมณ์ของความอึดอัดใจปรากฏขึ้นในดวงตา
เขาพูดว่าจะงดเว้นเป็นเวลาห้าปี แต่ไม่ใช่เธอหรือ
แม้ว่าห้าปีนี้ที่อยู่ต่างประเทศจะมีคนตามจีบเธอ แต่ในใจของเธอกลับนึกถึงใครคนหนึ่งอยู่เสมอ แม้ว่าต่อมาเรื่องของเธอจะดีขึ้น เธอก็ไม่ใส่อารมณ์บนใบหน้าอีก
ดังนั้นเมื่อตอนอยู่ที่ต่างประเทศ มีไม่กี่คนที่สามารถจะมองทะลุความคิดของเธอได้
แม้ว่าใบหน้าจะแสดงออกว่าขัดขืน แต่หานมู่จื่อกลับรู้ ว่าในความเป็นจริงร่างกายของตัวเองกำลังโหยหา…เธอก็ว่างเว้นมาห้าปี
ผนวกกับการหยอกล้อของเย่โม่เซิน
ขณะที่เธอกำลังงุนงง จู่ๆ เย่โม่เซินก็เอนตัวเข้ามาหายใจอยู่ข้างหูของเธอ ทำให้หานมู่จื่อยิ่งยืนไม่มั่นคง จากนั้นทั้งร่างกายก็พูดได้ว่าแทบจะแนบชิดกับตัวของเขา
เย่โม่เซินอาศัยจังหวะนี้โอบอุ้มเธอขึ้นมา
ห้องนอนหนึ่งห้อง แค่มองเข้าไปก็เห็นห้องนอนได้อย่างรวดเร็ว
และในห้องนี้ยังมีผู้หญิงคนที่ตนเองรัก สำหรับผู้ชายแล้ว นี่เป็นคำเชิญอย่างหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย
อีกทั้งในคืนนี้เย่โม่เซินก็ดูจะมีแรงกระตุ้นมากแล้ว
เสื้อคลุมของหานมู่จื่อถูกถอดออก เพียงแต่เสื้อผ้าที่เหลือก็ถูกเย่โม่เซินนำไปไว้ใต้ตัว เธอก็ไม่ได้มีสติรู้สึกตัว
บางทีอาจเป็นความสับสน หรือบางทีเธออาจจะเป็นไงเป็นกันแล้ว
ในขณะที่กำลังเข้าได้เข้าเข็ม ทันใดนั้นก็มีอะไรดังมาจากข้างนอก——
ก๊อกๆ——
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาในห้องฉับพลันแบบนี้ จึงเป็นการเรียกสติของหานมู่จื่อที่กำลังฟุ้งซ่าน
“มู่จื่อ ฉันทำกับข้าวเสร็จแล้ว ออกมากินข้าวกัน…”
เป็นเสียงของเสี่ยวเหยียน!
เธอลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นฉากเหตุการณ์ตรงหน้า เธอก็จ้องมองด้วยความตกใจ ผลักเย่โม่เซินออกไปอย่างแรง จากนั้นก็รีบกระโดดลงจากเตียงคว้าเสื้อผ้าที่โยนลงไปบนพื้นขึ้นมาสวมใส่
คนภายนอกไม่ได้รับการตอบสนอง จึงยิ่งสงสัย
“มู่จื่อ เธออยู่ข้างในไหม”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนก็เอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู
เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตู หานมู่จื่อก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก พูดอย่างประหม่า “เธออย่าเพิ่งเข้ามา ฉันกำลังจะลงไป เธอรอฉันครู่เดียว!”
พูดไป เธอก็รีบเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว
หลังจากเย่โม่เซินถูกผลักออกไป ก็นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าบึ้งตึงเฝ้าดูหานมู่จื่อกำลังใส่เสื้อผ้าที่เธอถอดออกกลับไปทีละชิ้น
ในใจก็รู้สึกหดหู่
สันดานเสียจริง ๆ
เห็นได้ชัดว่า…เหลือก้าวสุดท้ายเพียงก้าวเดียว เขาก็จะเป็นเจ้าของเธอได้สำเร็จแล้ว
ใครจะรู้ ว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
และทางนี้ หานมู่จื่อก็รีบใส่เสื้อผ้าด้วยความกังวล เมื่อได้ยินเสียงเสี่ยวเหยียนบิดลูกบิดประตู เธอก็หันศีรษะไปด้วยความตื่นตระหนก พบว่าเย่โม่เซินยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ใส่เสื้อผ้าใดๆ
หากว่าเสี่ยวเหยียนเกิดเข้ามา คงจะต้องเห็น…
เธอไม่คิดอะไรมากต่อไป หันไปรอบๆ แล้วรีบวิ่งไปดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมร่างกายของเย่โม่เซิน
ครึกฉึก——
“เอ๊ะ มู่จื่อ ทำไมเธอต้องล็อกประตู เธอเป็นบ้าหรือไง ในห้องนี้ก็มีแค่เธอกับฉันจะต้องล็อกประตูด้วยหรือ หรือกลัวว่าฉันจะแอบดูเธอหา…” เสี่ยวเหยียนทุบประตูอยู่ข้างนอก ตะโกนอยู่พักหนึ่งก็หยุดลงรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ
ใบหน้าของหานมู่จื่อแข็งทื่อด้วยความอึดอัด และเธอก็ได้เอาผ้านวมห่มให้เย่โม่เซินเรียบร้อยแล้ว
เย่โม่เซินถูกขัดจังหวะ สีหน้าบูดบึ้งอย่างมาก เมื่อเห็นเธอลุกลี้ลุกลน ในใจยิ่งโกรธ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ผมล็อกประตูตอนเข้ามา”
หานมู่จื่อ “…”
ดังนั้น เจตนาของเขาก็เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้วหรือ
มีความเงียบที่น่าอึดอัดอยู่ที่ด้านนอก ผ่านไปเป็นเวลานานเสี่ยวเหยียนก็กระแอมขึ้นเบาๆ “อย่างนั้นฉันลงไปข้างล่างก่อนนะ เธอ…เธอยัง ยังออกมากินไหม”
หานมู่จื่อ “…แน่นอน!”
“อ้อ อย่างนั้นฉันลงไปรอพวกเธอข้างล่างนะ”
หลังจากพูดจบไม่ทันรอให้หานมู่จื่อตอบกลับ เสี่ยวเหยียนก็แอบชิงหนีไปก่อน
ได้ยินเสียงฝีเท้าห่างออกไปไกล หานมู่จื่อถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างช่วยไม่ได้ เอื้อมมือถูระหว่างคิ้วของตัวเองที่เจ็บ จากนั้นเธอก็มองไปยังผู้ร้าย ซึ่งยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับไปไหน เธอโกรธมาก พูดอย่างเย็นชา “นายจะนั่งตรงนี้ถึงเมื่อไร ลุกขึ้นแต่งตัวสิ”
เย่โม่เซินจ้องมองเธออย่างหมดหวัง
เมื่อเห็นช่วงระหว่างคอของเธอที่เขาได้ทิ้งรอยเขียวช้ำเอาไว้ ก็เลียริมฝีปากแห้งนั้นโดยไม่รู้ตัว “ไม่สะดวก”
“……”
เหอ ๆ!
เธอเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ ที่ยังให้ผู้ชายแบบนี้เข้ามา
จะไปสงสารเขาไม่ได้!
“ไม่สะดวกใช่ไหม อย่างนั้นนายก็อยู่ในห้องนี้ไปจนกว่านายจะสะดวกแล้วกันนะ”
พูดจบ หานมู่จื่อก็สะบัดมือแล้วหันออกจากห้องไป
เมื่อออกไปข้างนอก เธอก็ปิดประตูเสียงดังปัง
หลังจากลงมาถึงชั้นล่าง หานมู่จื่อก็เห็นว่าเสี่ยวเหยียนได้จัดเตรียมอาหารพร้อมจานชามตะเกียบเอาไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว แต่…เธอขมวดคิ้ว
“ทำไมถึงมีชามกับตะเกียบแค่ชุดเดียว ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าจะออกมากิน”
เสี่ยวเหยียนมองไปที่เธอ จากนั้นดวงตาก็เบิกกว้าง งอริมฝีปากขึ้นแล้วพูว่า “ฉัน ฉันนึกว่า…ฉันนึกว่าเธอจะไม่ออกมาแล้ว ทำไมถึงได้เร็วจังเลย”
หานมู่จื่อ “……”
“ฉันไม่ได้ว่าอะไร ฉันก็แค่กำลังหุงข้าว เธอก็ลงมาแล้ว ทำไมเร็วจัง…มันดีหรือเปล่า” เสี่ยวเหยียนขยับใกล้เข้ามา กระซิบเบาๆข้างหูของหานมู่จื่อ “คุณชายเย่ทำไมถึง…ไม่อึดหรือ”
หานมู่จื่อ “……”
เธอหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลง จากนั้นก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
“ในความคิดของเธอนี่ มีแต่คิดเรื่องเลอะเทอะหรืออย่างไร”