เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 572 สามารถปกปิดได้ชั่วคราว ก็เอาเฉพาะหน้าก่อน

บทที่ 572 สามารถปกปิดได้ชั่วคราว ก็เอาเฉพาะหน้าก่อน

หานมู่จื่อขึ้นลิฟต์ตรงไปที่ห้องทำงาน

ในห้องทำงาน เสี่ยวเหยียนถือโทรศัพท์ยืนอยู่หน้าชั้นวางเอกสาร กำลังโทรคุยพร้อมกับค้นหาแฟ้มเอกสารบนชั้นวางด้วย น่าจะพบแฟ้มเอกสารที่ตัวเองต้องการแล้ว เธอหนีบโทรศัพท์ไว้บนไหล่ พลิกดูแฟ้มเอกสารพร้อมถามว่า “ขอโทษค่ะ คุณผู้หญิง เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ เมื่อกี้ทางฉันได้ยินไม่ค่อยชัด รบกวนคุณพูดอีกครั้งได้ไหม?”

“อ้อ? อย่างนี้นี่เอง ไม่มีปัญหา ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวคุณส่งมาที่อีเมล์ของฉัน ฉันดูให้คุณอีกครั้ง ได้ค่ะๆ”

หลังจากวางสายโทรศัพท์ เสี่ยวเหยียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็ถือแฟ้มเอกสารหันกลับมา

ตอนที่เห็นหานมู่จื่อ เสี่ยวเหยียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตั้งสติได้

“มู่จื่อ?”

หานมู่จื่อยิ้มอ่อนๆ เดินเข้าไปรับแฟ้มเอกสารในมือของเธอ แล้วพูดติดตลกว่า “ยุ่งขนาดนี้เลยเหรอ?”

เสี่ยวเหยียนถือโอกาสให้แฟ้มเอกสารในมือ ถูกเธอดึงออกไป จากนั้นก็ใส่โทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง พูดอย่างจนใจ “ทำยังไงได้ เธอไม่อยู่ ฉันก็ต้องแบกรับเรื่องทั้งหมดคนเดียว”

“พูดถึง ทำไมเธอมากะทันหัน? ฉันยังคิดว่า วันนี้เธอคงไม่มา ที่บริษัทแล้ว ถึงยังไง……”

พูดถึงตรงนี้ สายตาของเสี่ยวเหยียนหลบเล็กน้อย หัวก็ก้มลงไป

“ถึงยังไงอะไร?” หานมู่จื่อเปิดแฟ้มเอกสารพร้อมมองไปที่เธอ

“ถึงยังไงสิ่งที่ฉันพูดเมื่อคืนนี้ ต้องทำให้เธอขุ่นเคืองแน่นอน” เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากล่าง มองไปที่หานมู่จื่อด้วยความรู้สึกละอายแล้วพูดอธิบาย “ที่จริงเมื่อคืนตอนฉันนอน ได้คิดอย่างละเอียดรอบคอบ รู้สึกว่าฉันพูดแบบนั้นไม่ถูกต้อง เรื่องความรู้สึก คนนอกจะพูดรู้เรื่องได้อย่างไรกัน แม้ว่าฉันจะได้เห็นภายนอก แต่ฉันก็มองไม่เห็นข้างในหัวใจของเธอ ในฐานะเพื่อน สิ่งที่ฉันสมควรตายมากที่สุด ก็คือพูดสิ่งเหล่านี้อย่างคิดไปเอง ขอโทษ……”

“ได้แล้ว” หานมู่จื่อขัดจังหวะเธอ พูดอย่างจนใจ “เธอไม่ต้องขอโทษ เรื่องนี้ฉันไม่ได้นำมาใส่ใจเลย”

คอของเธอแหบแห้งเล็กน้อย อาจเป็นผลสืบเนื่องของไข้

เสี่ยวเหยียนเป็นคนละเอียดอ่อน ฟังออกว่าเสียงของเธอผิดปกติเล็กน้อย แล้วมองไปที่สีหน้าเธออีกครั้ง “เธอไม่โกรธจริงๆเหรอ เมื่อคืน……”

“ไม่” หานมู่จื่อส่ายหัว “เรื่องผ่านไปแล้วก็ผ่านไปเลย เธออย่าคิดอีกเลย”

“นั้นก็ได้”

หลังจากนั้นหานมู่จื่อก็ไม่ได้พูดอะไรอีก และได้เริ่มทำงานกับเสี่ยวเหยียนอย่างจริงจัง

ประมาณสิบนาทีต่อมา หานมู่จื่อจำบางอย่างได้ “ใช่แล้ว อีกสักพักฉันก็ต้องกลับไปแล้ว”

“ทำไมหละ?” เสี่ยวเหยียนถามอย่างไม่เข้าใจ “เธอไม่สบายเหรอ?”

เมื่อได้ยินหานมู่จื่อชะงัก เธอมองไปที่เสี่ยวเหยียน “ชัดเจนมากเลยเหรอ?”

“เสียงแหบแห้งเล็กน้อย หน้าแดงก็แดงนิดหน่อย เป็นอะไร? เธอป่วยจริงๆเหรอ ฉันแค่เผลอถามไปอย่างนั้น”

“ไม่ใช่” หานมู่จื่อยิ้มอ่อนๆ ปฏิเสธ “ฉันจะป่วยง่ายๆได้ยังไง? แต่เจ็บคอนิดหน่อยเท่านั้น ดื่มน้ำมากขึ้นก็แก้ได้แล้ว”

หานมู่จื่อเหลือบมองเวลา เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่นาทีที่เย่โม่เซินนัดกับเธอไว้ หากเธอไม่ลงไป คาดว่าตามนิสัยของเย่โม่เซินแล้ว จะเกิดขึ้นลากตัวด้วยตัวเอง

ดังนั้นเธอจึงคำนวณเวลาเอง แล้วลงไป

ในขณะที่กำลังคิดอยู่ ประตูห้องรับรองด้านหลังก็เปิดออกกะทันหัน แล้วเสียงน่ารักของเด็กน้อยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“หม่ามี๊!”

หานมู่จื่อสะดุ้ง หันหน้าไปเห็นเสี่ยวหมี่โต้วออกมาจากห้องรับรองกะทันหัน ทันทีที่เห็นเธอ ก็วิ่งพุ่งเข้าหาเธอด้วยขาสั้นๆในทันที

ตอนที่เธอชะงัก เสี่ยวหมี่โต้วได้กระโดดกอดเธอแล้ว หานมู่จื่อยกมือขึ้นพยุงก้นเล็กๆของเขาโดยอัตโนมัติ

พูดด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “เสี่ยวหมี่โต้ว ทำไมหนูถึงอยู่ที่นี่?”

เสี่ยวหมี่โต้วแนบแก้มของหานมู่จื่ออย่างรักใคร่ หานมู่จื่อก็ลูบแก้มของเขาด้วยความรัก ลูกชายของตัวเอง เธอจะไม่คิดถึงได้อย่างไร แต่……

เมื่อหานมู่จื่นึกได้ว่า ด้านล่างยังมีเย่โม่เซินรอเธออยู่ และจะขึ้นมาได้ทุกเมื่อ ถ้าให้เขาและเสี่ยวหมี่โต้วได้เจอหน้ากัน นั้นทั้งหมดที่เธอปกปิดไว้ ก็จะต้องสูญเปล่าแล้วไม่ใช่หรือ?

“วันนี้โรงเรียนมีกิจกรรม ดังนั้นพวกเขาจึงเลิกโรงเรียนก่อนเวลา ครูโทรหาฉัน ให้ฉันไปรับเสี่ยวหมี่โต้ว ฉันนึกได้ว่าบริษัทยังมีงานอยู่ จึงถามเสี่ยวหมี่โต้วว่าอยากมาที่บริษัทรอฉันไหม เสี่ยวหมี่โต้วบอกว่าอยากมา ฉันก็เลยพาเขามาด้วย”

หานมู่จื่อ “……ที่แท้เป็นแบบนี้เอง วันนี้โรงเรียนเลิกเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”

“อืม!” เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าอย่างแรง มือเล็กๆก็กอดหานมู่จื่อแน่นขึ้นอีกหน่อย “หม่ามี๊ สองวันนี้เสี่ยวหมี่โต้วไม่อยู่ ได้คิดถึงหนูบ้างไหม?”

“แน่นอน หม่ามี๊คิดถึงเสี่ยวหมี่โต้วตลอดเวลา ช่วงสองวันนี้ เสี่ยวหมี่โต้วไปโรงเรียนได้ตั้งใจเรียนไหม? ได้กินข้าวและนอนตรงเวลาหรือเปล่า?”

เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าอย่างจริงจัง ใบหน้าเล็กๆแสดงท่าทีที่เคร่งขรึม “หม่ามี๊ เสี่ยวหมี่โต้วตั้งใจมาตลอดเลยนะ ไม่เชื่อฉันสามารถกลับบ้านไปถามคุณลุงได้เลย”

“นั้นก็ดี” หานมู่จื่อบีบแก้มเขาเบาๆ จำเรื่องอะไรได้ แล้วพูดกะทันหันว่า “เราไปอยู่ที่ห้องรับรองกันสักพักดีไหม?”

เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ

“หนูเข้าไปในร้องรับรองรอหม่ามี๊สักพัก หม่ามี๊ จะมาทันที”

ดังนั้นเสี่ยวหมี่โต้วจึงหันกลับไปที่ห้องรับรองอย่างเชื่อฟัง เสี่ยวเหยียนที่อยู่ด้านข้างถามอย่างสงสัย “มีอะไรหรือเปล่า? ให้เขาไปที่ห้องรับรองกะทันหัน คุยที่นี่ไม่ดีเหรอ?”

หานมู่จื่อยิ้มและมองดูเสี่ยวหมี่โต้วเข้ามาในห้องรับรอง จากนั้นถึงได้เก็บรอยยิ้มแล้วมองไปที่เสี่ยวเหยียนอย่างจริงจัง

“เย่โม่เซินอยู่ข้างล่าง”

“อะ อะไรนะ?” เสี่ยวเหยียนดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ทำไมเขาถึงอยู่ข้างล่าง แล้วเธอรู้ได้อย่างไร?”

เมื่อพูดตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็หยุดพูดในทันใด ปิดปากของตัวเองไว้ด้วยความเหลือเชื่อ

“หรือว่า……คือประธานเย่ที่ส่งพาเธอมา?”

หานมู่จื่อพยักหน้าด้วยสีหน้าไม่ดี

“เดี๋ยวเขาขึ้นมาหา ฉันอยากให้เธอช่วยฉันปิดบังสักพัก ให้เขาลงไปรอฉันข้างล่างก่อน ฉันจะลงไปทันทีเลย”

“แต่ว่า……” เสี่ยวเหยียนกระตุกมุมปาก “แบบนี้สามารถปกปิดได้นานแค่ไหน? สถานการณ์เช่นวันนี้ และยังมีสถานการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อน ทั้งหมดเกิดขึ้นกะทันหัน ถ้าหากอนาคต……”

“ฉันไม่สนใจอนาคต ตอนนี้สามารถปกปิดได้ชั่วคราว ก็เอาเฉพาะหน้าก่อน เธอแค่พูดว่าเธอยอมที่จะช่วยฉันไหม?”

เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างเฉื่อยชา

“ถ้าเธอเอ่ยปาก ฉันก็ต้องช่วยเธอแน่นอน เป็นไปได้ไหมที่ฉันจะไปช่วยเขา?”

“เสี่ยวเหยียน ขอบคุณนะ”

“เธอรีบเข้าไปเถอะ เดี๋ยวเย่โม่เซินมา ฉันจะบอกกับเขาเอง”

“ได้”

หลังจากได้คุยตกลงกับเสี่ยวเหยียนแล้ว หานมู่จื่อถึงได้ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางห้องรับรอง หลังจากที่เธอเข้าไป ก็ล็อคประตูห้องรับรองทันทีเลย จากนั้นก็เดินไปที่เสี่ยวหมี่โต้ว

เสี่ยวเหยียนหลังจากที่ได้ฟังหานมู่จื่อพูด ก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นไปหมด ตามที่คาด หลังจากรอได้สักพัก ประตูห้องทำงาน ก็ถูกคนเปิดออก

เมื่อได้ยินเสียง เสี่ยวเหยียนก็เงยหน้าขึ้นทันที แล้วมองไปที่ต้นเสียง

เมื่อเผชิญกับดวงตาที่เย็นชาของเย่โม่เซิน เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกหนาวเย็นจากด้านหลังในทันที

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset