บทที่581 ศาลาใกล้น้ำ ย่อมจะได้รับแสงจันทร์ก่อน
คำพูดพวกนี้ เสี่ยวเหยียนจะไม่เห็นด้วยได้ยังไงกัน
หลายปีมานี้เธอทำงานอยู่กับมู่จื่อมาตลอด ก็เห็นความดีที่หานชิงทำต่อมู่จื่อทั้งหมด เห็นจนเธอรู้สึกอิจฉามาก แต่แค่ว่าเธอไม่ได้อยากเป็นน้องสาวของหานชิง ตอนเริ่มแรกนั้นเธอก็ไม่ได้ชอบอะไรหานชิงมากหรอก จนกระทั่งในเวลาต่อมา……
พอคิดถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนก็ดึงสติกลับมาทันที
“เธอพูดถูก เขาอาจจะเป็นคนด้านชาไม่เข้าใจเรื่องอารมณ์ความรู้สึก หรืออาจจะบอกว่า ไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ว่าเขาไม่เคยมีมันเลยต่างหาก”เสี่ยวเหยียนเอามือทั้งสองข้างเท้าคาง แล้วก็พูดด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มว่า “บางทีเขาอาจจะเกิดมาเป็นคนที่ไร้หัวใจก็ได้นะ ถ้าเกิดว่าฉันอยากจะจีบเขา มันคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
“เธออย่าพึ่งท้อใจเร็วขนาดนี้สิ ที่จริงแล้วฉันรู้สึกว่าแบบนี้มันถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเธอนะ” หานมู่จื่อจับมือเสี่ยวเหยียน ยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ข้างๆ เขาไม่มีผู้หญิงคนไหน ตอนนี้โอกาสทั้งหมดเป็นของเธอคนเดียว ถูกไหมล่ะ? ”
“ของฉันงั้นเหรอ? ”สีหน้าของเสี่ยวเหยียนดูมึนงง ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ “ฉันมีโอกาสที่ไหนกัน? ”
เห็นใบหน้าของเธอดูสับสนงุนงง หานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจิ้มคางของเธอ พร้อมกับออกปากเตือนด้วยเสียงเบา
“ศาลาที่อยู่ใกล้น้ำ ย่อมจะได้รับแสงจันทร์ก่อน เธอคิดว่าเธอมีโอกาสอะไรล่ะ? ”
เสี่ยวเหยียนมึนงงไปอยู่สักพัก แล้วก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบทันที พร้อมกับคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง
“เธอพูดถูกนิ ตอนนี้ฉันอยู่กับเสี่ยวหมี่โต้วทุกวัน อยู่ใกล้เขาขนาดนั้น แน่นอนว่าศาลาที่อยู่ใกล้น้ำย่อมจะได้รับแสงจันทร์ก่อนจริงๆ ……มู่จื่อ เธอนี่ช่างดีจริงๆ เลย เธอเตือนฉัน ดี! ฉันตัดสินใจแล้ว ต่อให้หานชิงเป็นคนไร้อารมณ์ความรู้สึก ฉันก็ต้องยั่วเขาให้มาอยู่ในกำมือของฉันให้ได้! ”
พอพูดจบ ทันใดนั้นเสี่ยวเหยียนก็หรี่ตาลงคิดแผนดีๆ กอดหานมู่จื่อแล้วพูดว่า “เธอคิดว่าฉันควรจะวางยาเขาแล้วค่อยลงมือ หรือว่าข่มขืนเขาตรงๆ ไปเลยดี? ”
หานมู่จื่อ:“……”
มุมปากของเธอกระตุกเล็กน้อย พบว่าตัวเองไม่สามารถตอบได้เลยแม้แต่ประโยคเดียว
“เอ้ะ แต่ว่าถ้าเกิดว่าจะข่มขืนเขาฉันอาจจะควบคุมเขาไม่ได้ ถ้ายังงั้นฉันวางยาเขาก่อนแล้วค่อยจัดการดีกว่า! ” ทางฝั่งของเสี่ยวเหยียนก็ยังคงพูดความคิดของตัวเอง มู่จื่อเองก็ปล่อยให้เธอพูดไป ยังไงเธอก็รู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวเหยียนได้แต่คิดแต่ไม่กล้าหรอก
แต่ว่าไม่แน่อาจจะมีวันหนึ่งที่เธอคลุ้มคลั่งขึ้นมา อาจจะวางยาหานชิงจริงๆ ก็ได้
“ใช่สิ”จู่ๆ สีหน้าของเสี่ยวเหยียนก็จริงจังขึ้นมา “เรื่องปัญหาความรักของเธอจัดการไปถึงไหนแล้วล่ะ? ”
หานมู่จื่อไม่ค่อยอยากจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเท่าไหร่ ก็เลยเลี่ยงงานหนักมาพูดเรื่องเบาๆ แทน
“ไม่มีอะไรให้จัดการหรอก ก็เป็นแบบนั้นไปนั่นแหละ”
เสี่ยวเหยียนฟังออกว่าเธอพยายามหลบเลี่ยง ก็เลยไม่บังคับถามเธอต่อ
ตอนเช้าผ่านไปอย่างว่องไวมาก จนถึงตอนเที่ยงนั้น ตอนที่ทั้งสองคนวางงานในมือลงเตรียมจะไปกินข้าวที่โรงอาหารนั้น กลับมีสายหนึ่งโทรเข้ามา
หานมู่จื่อมองเบอร์ที่โทรมา เหมือนกับว่าจะคุ้นๆ
“ฮัลโหล? ”
“คุณหาน ผมเซียวซู่เองครับ”
เซียวซู่?หานมู่จื่อหยุดลงทันที ทำไมเขาถึงโทรหาเธอได้ล่ะ?
“คุณชายเย่ให้ผมเอาอาหารมามอบให้คุณน่ะครับ ตอนนี้ผมอยู่ชั้นล่าง สะดวกมารับไหมครับ? ”
ในห้องทำงานเงียบมาก สิ่งที่เซียวซู่พูดกับหานมู่จื่อนั้นเสี่ยวเหยียนเองก็ได้ยินเหมือนกัน เธอเบิกตากว้างและพูดว่า “ถ้าเอาอาหารมาส่งทำไมไม่เอาขึ้นมาส่งข้างบนล่ะ? ต้องให้เธอลงไปเอาด้วยตัวเองด้วยงั้นเหรอ? ”
“แผนกต้อนรับของบริษัทพวกคุณไม่ให้ผมเข้าไป” เซียวซู่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู มองพนักงานต้อนรับอย่างไม่มีทางเลี่ยง
พอได้ยินดังนั้น หานจื่อถึงได้นึกขึ้นได้ว่าตัวเองได้กำชับพนักงานต้อนรับกับรปภ.ว่าห้ามปล่อยใครเข้ามาตามอำเภอใจได้ เพราะว่าหลายวันมานี้เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดค่อนข้างเยอะ เธอกลัวว่าบริษัทจะมีผลกระทบไปด้วย
พอคิดได้แบบนี้ มู่จื่อก็พูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะลงไปเดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยวก่อน ฉันไปเอาแทนเธอแล้วกัน” เสี่ยวเหยียนเสนอทำเรื่องนี้เอง มู่จื่อก็พยักหน้า “งั้นก็ได้”
หลังจากวางสายแล้ว หานมู่จื่อก็มองโทรศัพท์ด้วยความงุนงง
ให้ผู้ช่วยอย่างเซียวซู่มาส่งอาหารให้เธอยังงั้นเหรอ? เซียวซู่น่าจะโกรธตายแล้วมั้ง
“จุ๊ๆๆ วิธีง้อเมียอันนี้นี่มันช่างพิเศษจริงๆ เดี๋ยวฉันลงไปเอาอาหารแทนเธอก่อน เธอรอฉันแป๊บหนึ่งนะ”
ตอนที่เสี่ยวเหยียนมาถึงชั้นล่างนั้น ก็เห็นเซียวซู่ยืนถือถุงอยู่หน้าประตูจากไกลๆ ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้เธอก็ไม่ได้รู้สึกเป็นศัตรูกับเซียวซู่หรอก
แต่ว่าหลังจากตอนนั้นที่เขาพูดกับเธอแบบนั้น แถมยังตั้งคำถามว่าทำไมมู่จื่อต้องกลับมาอีก ความคิดที่เสี่ยวเหยียนมีต่อเขาก็เปลี่ยนไป
ท่าทางที่มีต่อเซียวซู่ก็ถือว่าไม่ค่อยจะอารมณ์ดีเท่าไหร่ เดินเข้าไปแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาทันที “เอาของมาให้ฉัน”
พอเซียวซู่ได้ยินเสียงนั้นแล้วหันมาเห็นเสี่ยวเหยียนก็ย่นจมูกทันที “ทำไมถึงเป็นคุณได้? ”
“ทำไม? ไม่อยากเจอฉันงั้นเหรอ? ” เสี่ยวเหยียนหัวเราะอย่างเย็นชา “กลัวว่าฉันจะตีนายรึไง? ”
คิ้วของเซียวซู่ก็ขมวดเข้าด้วยกัน “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
“ถ้ายังงั้นก็เอาของมาให้ฉันได้แล้ว พอฉันรับมาแล้วนายก็สามารถออกไปได้ทันทีเลยนะ”
เซียวซู่:“……”
มองเสี่ยวเหยียนที่พูดจาด้วยคำพูดและน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ ทันใดนั้นเขาก็รู้ตัวได้ว่าสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้มันทำให้เธอไม่พอใจ ตอนนี้เธอน่าจะมองเขาเป็นศัตรูไปแล้ว
เขาไม่ได้ส่งถุงนั้นให้ทันที แล้วก็พูดด้วยเสียงต่ำว่า “สิ่งที่ผมพูดกับคุณเมื่อก่อนตรงที่จอดรถนั้น คุณยังจำได้อยู่เหรอ? ”
“ที่จอดรถ? ” เสี่ยวเหยียนเอามือกอดอก แล้วก็เหล่ตามองเขาพร้อมกับสีหน้าที่เย็นชา “ฉันไม่รู้ว่านายพูดเรื่องอะไร”
“ก็ที่ผมถามว่าทำไมพวกคุณต้องกลับมา” ถ้าเกิดว่าเธอปฏิเสธ น่าจะหมายความว่าโกรธมากจริงๆ มองไปที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ตรงหน้าที่ไม่ได้เจอกันมาห้าปี แต่ว่ายังคงโมโหอยู่ เซียวซู่ก็พูดอย่างจำใจเล็กน้อย “คำพูดพวกนั้นผมผิดเองแหละ ผมต้องขอโทษคุณด้วย หลายปีผ่านมานี้ ในใจของคุณชายเย่ก็มีคุณมู่จื่ออยู่มาโดยตลอด แล้วอีกอย่าง……ผมก็มองเธอเป็นคุณนายน้อยมาโดยตลอด แต่ว่าคุณเป็นเพื่อนสนิทของเธอ คุณต่อสู้เพื่อความยุติธรรมให้เธอ ในทำนองเดียวกันผมก็เป็นผู้ช่วยของคุณชายเย่ แน่นอนว่าต้องอยู่ฝั่งคุณชายเย่ แน่นอนว่าต้องมีความรู้สึกแค้นคุณนายน้อยบ้าง แต่ว่า……”
“หยุด! ” เสี่ยวเหยียนยื่นมือไปห้ามไม่ให้เขาพูดต่อ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และอธิบายอย่างใจเย็น “ฉันไม่สนว่านายจะอยู่ฝั่งไหน ถึงแม้ฉันจะอยู่ฝั่งมู่จื่อ แต่ว่าฉันก็ไม่เคยถามอะไรนายแบบนั้นเลยไม่ใช่เหรอ? นายไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาว ยังไงฉันก็ไม่ได้แคร์อยู่แล้ว เรื่องความรู้สึกมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่จะรู้ดี พนักงานที่ไม่มีตำแหน่งประจำอย่างฉันไม่อยากจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรอก นายเอาของมาให้ฉัน แล้วกลับไปได้แล้ว”
เธอมีท่าทางเหมือนกับว่าไม่อยากจะคุยอะไรกับนายมากนัก เซียวซู่เองก็ไม่มีทางเลือก ทำได้แค่ส่งถุงอาหารกลางวันให้เธอ พอเสี่ยวเหยียนได้รับไปก็หันหลังเดินออกไปทันที ไม่ส่งสายตาให้เขาแม้แต่นิดหนึ่งด้วยซ้ำ
มองไปที่แผ่นหลังของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นที่เดินออกไปแบบไร้เยื่อใย เซียวซู่ย้อนกลับไปนึกถึงภาพที่เธอเมาเมื่อห้าปีก่อน ตอนนั้นพอประตูเปิดออกเธอก็พุ่งเข้ามาใส่เขา ริมฝีปากนุ่มๆ ของหญิงสาวประทับลงบนลูกกระเดือกของเขา แล้วก็สัมผัสที่มือของเขาหลังจากที่เขาอุ้มเธอไปที่ห้อง
ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ในฝันของเซียวซู่ก็มักปรากฏภาพของหญิงสาวคนนั้นอยู่บ่อยๆ
ห้าปีนี้ที่คุณนายน้อยหายตัวไป คุณชายเย่ตามหาจนแทบบ้า
แต่ว่าคนที่บ้านั้นมีแค่คุณชายเย่คนเดียวที่ไหนกัน? เซียวซู่เองก็จำเด็กผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวเหยียนมาโดยตลอด แต่ว่า……
เขาเป็นผู้ช่วยนะ เป็นลูกน้อง……
ในทุกๆ เรื่องเขาต้องให้คุณชายเย่มาก่อนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็เลยทิ้งเรื่องของตัวเองไว้ด้านหลัง
ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอหน้ากันอีกครั้ง แต่ว่าดูเหมือนว่าตอนนี้ทั้งคู่จะเปลี่ยนไปกลายเป็นศัตรูกันไปแล้ว