บทที่583 เหตุผลที่โกหกฉัน
ทั้งสองคนวุ่นวายกันอยู่ในห้องทำงานสักพักหนึ่ง แล้วก็เริ่มทำงานต่อ แล้วก็ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว
ตอนที่ใกล้ถึงเวลาเลิกงานนั้น หานมู่จื่อก็นึกถึงปัญหาที่ร้ายแรงขึ้นมาได้
เพราะว่าเสี่ยวเหยียนกับเสี่ยวเหยียนจะไปที่บ้านตระกูลหาน เพราะฉะนั้นรถของหานชิงก็เลยจะผ่านบริษัทของเธอ ก็เลยจะรับเสี่ยวเหยียนก่อน แล้วค่อยไปรับเสี่ยวหมี่โต้ว
แต่ว่า บ่ายวันนี้เย่โม่เซินก็จะมารับหานมู่จื่อ
ในเมื่อเวลามันชนกันแบบนี้ ถ้ายังงั้นพวกเขาก็อาจจะบังเอิญมาเจอกัน
พอคิดแบบนี้ สีหน้าของหานมู่จื่อก็เปลี่ยนไปทันที แล้วก็เล่าเรื่องนี้ให้เสี่ยวเหยียนฟัง
พอเสี่ยวเหยียนฟัง ก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ เธอเหลือบมองเวลาบนมือถือ แล้วก็พูดอย่างตื่นตระหนก “แต่ว่าเหลืออีกแค่สิบนาทีเอง จะพูดอะไรก็ไม่ทันแล้ว ทำยังไงดี? ”
หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่าง “ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ให้เย่โม่เซินมาที่นี่ไม่ได้ ไม่ยังงั้นพี่ชายฉันจะรู้……”
ผลที่ตามมามันต้องแย่แน่ๆ
“ถ้างั้นจะทำยังไง? เธอโทรบอกให้เขามารับเธอช้าหน่อยงั้นเหรอ? ”
“ถ้ายังงั้นเขาจะคิดว่าฉันทำงานล่วงเวลา แล้วก็จะมาเร็วกว่าเดิมอีก”
“……”
คิดไปคิดมา หานมู่จื่อก็เริ่มเก็บข้าวของ สีหน้าของเสี่ยวเหยียนดูแปลกใจ “เธอทำอะไรน่ะ? ”
“เลิกงานก่อนเวลาไง? ”
“เลิกงานก่อนเวลา? งั้นเธอ……”
“ฉันก็จะไปบริษัทเขาเลย”
เสี่ยวเหยียนเลิกตาโพลง “ไปทันเหรอ? ”
“ไม่ทันหรอก เพราะฉะนั้นฉันจะโทรหาเขาระหว่างทาง พยายามให้เขาจอดรถรอรับฉันที่อื่น”
การกระทำของหานมู่จื่อนั้นไวมาก สองสามนาทีก็สามารถเก็บของๆ ตัวเองเข้ากระเป๋าได้แล้ว แล้วก็ถือออกไป พร้อมกับหันมาพูดกับเสี่ยวเหยียนว่า “งานที่เหลือทิ้งไว้ให้เธอนะ ที่จริงมันก็ไม่ได้มีงานอะไรให้ทำแล้ว เธอลองสังเกตดูแล้วกัน”
“ได้”
ในลิฟต์ไม่มีสัญญาณ เพราะฉะนั้นหานมู่จื่อก็เลยเดินลงบันได แล้วก็ส่งข้อความให้เย่โม่เซินไปด้วย
หลังจากส่งข้อความเสร็จ ก็เร่งฝีเท้า ตอนที่เดินมาถึงชั้นสามนั้น จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หานมู่จื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเย่โม่เซิน ก็รับสายอย่างหวาดผวา
“ทำอะไร? ”
“เธออยู่ไหน? ” น้ำเสียงของเย่โม่เซินดูร้อนรนเล็กน้อย หานมู่จื่อกะพริบตาอย่างสงสัย “ฉัน ฉันอยู่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เมื่อกี้ในข้อความที่ฉันส่งไปก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ? ”
“……”
ฝ่ายตรงข้ามเงียบไปพักหนึ่ง แล้วก็ตำหนิด้วยความโกรธเล็กน้อยๆ “ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า ไม่ให้เธอออกไปข้างนอกคนเดียว? ไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ? ”
จู่ๆ ก็ดุ ทำให้หานมู่จื่อตั้งตัวไม่ทัน “ฉัน ฉันก็แค่อยากจะมาซื้อของนิดหน่อยน่ะ”
“ซื้อของ? แล้วรอให้ฉันไปรับเธอก่อนค่อยไปซื้อด้วยกันไม่ได้เหรอ? ”
หานมู่จื่อกะพริบตา ทันใดนั้นก็พบว่าตัวเองไม่ได้เอากุญแจมา ดังนั้นเธอจึงต้องหันหน้ากลับขึ้นไปชั้นบนอีกครั้ง
เธอเดินไปด้วยพูดไปด้วย “ก็จู่ๆ ฉันก็อยากจะออกมาซื้อนี่ แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้พิการ คงไม่ได้ต้องพึ่งพานายสำหรับทุกอย่างหรอกมั้ง? ”
ทันใดนั้นอีกฝ่ายก็หัวเราะอย่างเย็นชา
“แล้วถ้าเธอเจออันตรายขึ้นมาจะทำยังไง? หืม? ”
หานมู่จื่อเดินขึ้นบันไดมาสองชั้น รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ตอนพูดก็หอบโดยไม่รู้ตัว “นั่นมันก็เรื่องของฉัน ก็เป็นไปตามโชคชะตา……โอเครึยัง? ”
เหมือนกับว่าเย่โม่เซินยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่ว่าจู่ๆ ก็เงียบลงไป ผ่านไปนานถึงได้ถามออกมา “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? ”
อะไรนะ?
หัวใจของหานมู่จื่อเต้นดังตึกๆ สายตาของเธอก็กลอกไปกลอกมาอย่างรู้สึกผิด
“ฉัน ฉันก็บอกว่าอยู่ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่ใช่เหรอ? ทำไมนายถึงถามอีก? ”
“ไม่จริง รอบๆ เธอไม่มีเสียงอะไร แถมยังมีเสียงก้องอีก และเธอก็หอบด้วย”
ในใจของหานมู่จื่อ : บัดซบ!
ทำไมเธอถึงได้ลืมเรื่องนี้ไปได้? ตรงทางเดินเสียงสะท้อนดังจะตาย ตอนที่ไม่พูด เสียงสะท้อนของฝีเท้าตัวเองก็เหมือนกับมีคนเดินตามมายังไงยังงั้น
เธอกลับลืมเรื่องนี้ไปซะได้
พอคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็ไอเบาๆ เพื่อปกปิดความตื่นตระหนกในใจของตัวเอง แล้วก็อธิบายว่า “ฉันอยู่ที่บันไดซุปเปอร์มาร์เก็ตไง เพราะว่าลิฟต์มันเสียง ฉันจะเดินขึ้นบันไดมีอะไรผิดด้วยเหรอ? ”
“หึ” เย่โม่เซินหัวเราะอย่างเย็นชา “ทางที่ดีเธอควรรอฉันอยู่ที่หน้าประตูบริษัทอย่างเชื่อฟัง ถ้าเกิดว่าฉันเห็นว่าเธอไม่ได้อยู่ที่หน้าประตูบริษัทล่ะก็ ฉันจะพลิกแผ่นบริษัทเธอหาให้กลับหัวกลับหางเลยล่ะ”
คำพูดแบบนี้ มันเป็นการข่มขู่อย่างมาก หานมู่จื่อรู้สึกโกรธนิดหน่อย แล้วก็พูดกับเขาอย่างดุร้าย “กล้าเหรอ! ”
“ก็ลองดูสิ”
หานมู่จื่อ :“……”
เธอกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง กระทืบเท้าด้วยความโมโห เย่โม่เซินคนนี้ช่างมีความสามารถที่ทำให้คนโกรธจนเป็นบ้าได้จริงๆ สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือก เธอก็ได้แต่ด่าออกมา “ตามใจนายแล้วกัน อยากจะพลิกบริษัทหาก็ทำไป! ”
หลังจากนั้นเธอก็ตัดสายเย่โม่เซิน
เธอจะไปซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วก็จะดูว่าถ้าเกิดว่าเขาหาเธอไม่เจอ เขาจะพลิกบริษัทเธอให้กลับหัวกลับหางยังไง
เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะกล้าลงไม้ลงมือกับบริษัทของเธอ ถ้าเกิดว่าเขากล้าลงมือจริงๆ ล่ะก็ เธอจะไม่มีวันให้อภัยเขาแน่
กลับมาถึงห้องทำงาน หานมู่จื่อก็ผลักประตูเข้าไปพร้อมกับหายใจหอบ
เสี่ยวเหยียนจ้องมองเธอด้วยความประหลาดใจ “มู่จื่อ ทำไมเธอกลับมาอีกล่ะ? ”
หานมู่จื่อเดินเข้ามาด้วยสีหน้ามืดมน พร้อมกับคว้ากุญแจบนโต๊ะ “ลืมหยิบกุญแจไปด้วย ฉันจะไปตอนนี้แหละ”
พอเดินออกไปได้สองก้าว จู่ๆ เธอก็หยุด หลังจากนั้นก็พูดว่า “ช่างเถอะ”
“ทำไมเหรอ? เธอไม่ได้จะไปหาเขาก่อนเหรอ? ”
หานมู่จื่อไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตรงทางเดินให้เธอฟัง จริงๆ แล้วเธอก็อยากจะสู้กับเย่โม่เซินจริงๆ แต่ว่าคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไร ถ้าเกิดว่าเย่โม่เซินไม่เจอเธอที่ด้านล่างบริษัท บางทีอาจจะพลิกบริษัทเธอจริงๆ ก็ได้
ก็ถือว่าเธอหาเรื่องใส่ตัวไม่ใช่เหรอ?
แต่ว่าก็ช่างเถอะ
อะไรที่ต้องเจอก็ต้องเจออยู่ที่ เธอจะหลบอะไรอีก?
“ช่างเถอะ ให้โชคชะตานำพาแล้วกัน”
หานมู่จื่อเอากุญแจใส่กระเป๋า หลังจากนั้นก็นั่งลงบนโซฟา พักผ่อนหน่อย
เธอเดินขึ้นบันไดมาตั้งหลายชั้น เหนื่อยจนจะไม่ไหวแล้ว
เสี่ยวเหยียน:“……”
เธออึ้งไปหลายวินาที หลังจากนั้นก็เริ่มเก็บข้าวเก็บของ พอเก็บเสร็จก็พูดกับหานมู่จื่อว่า “ถ้ายังงั้นฉันลงไปก่อนนะ เธออยู่ที่นี่ไปก่อนเดี๋ยวค่อยลงไป”
“ได้”
หลังจากเสี่ยวเหยียนไปแล้ว ภายในห้องทำงานก็เงียบลง หานมู่จื่อนึกถึงสิ่งที่เย่โม่เซินพูดในโทรศัพท์เมื่อกี้นี้ ก็โกรธจนทำเสียงฮึดฮัดออกมา หลังจากนั้นก็ถอดรองเท้าออกแล้วนอนขดตัวอยู่บนโซฟา
ไอ้เลวเย่โม่เซิน!
ไอ้ใจแคบ!
เธอสาปแช่งเขาอยู่ในใจ แต่ไม่รู้เลยว่าคนที่เธอกำลังด่าอยู่นั้น ตอนนี้กำลังขับรถพุ่งมาที่บริษัทเธอด้วยความรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าในใจของหานมู่จื่อตอนนี้จะเป็นกังวลอย่างอกสั่นขวัญหาย แต่ว่าเธอก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าลงไปเผชิญหน้า เพราะฉะนั้นก็เลยได้แต่นอนขดอยู่บนโซฟาในห้องทำงาน
รอดูผลลัพธ์สุดท้ายของเรื่องนี้
แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ต่อให้เวลามันจะผ่านไปห้าปีแล้ว แต่เธอก็ยังคง……ขี้ขลาดแบบนี้อยู่
แม้แต่ความกล้าที่จะเผชิญหน้ายังไม่มี
ไม่รู้ว่านอนขดอยู่ในนั้นนานแค่ไหน จู่ๆ ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเข้ามา เสียงฝีเท้าที่มั่นคงก็ดังขึ้นในห้อง
ไม่นาน ร่างสูงก็เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เธอ
หานมู่จื่อที่นอนขดตัวอยู่ก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาจากแขนของตัวเอง แล้วก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เยือกเย็นเหมือนกับน้ำแข็ง
ผู้ชายที่เย็นชาคนนั้นก้มตัวลงตรงหน้าเธอ แล้วก็ยื่นมือมาบีบคางของเธอไว้ สายตาเหมือนลูกธนู
“ฉันให้เวลาเธอหนึ่งนาทีในการอธิบาย ว่าเหตุผลที่เธอโกหกฉันคืออะไร? ”
หานมู่จื่อ :“……”
ริมฝีปากของเธอขยับ สุดท้ายก็ได้แค่พูดออกมาว่า “นายคิดว่าอะไร ก็แบบนั้นแหละ”