บทที่584 ใครกลัวเขากัน
คำพูดนี้ทำให้เย่โม่เซินรำคาญเล็กน้อย มือที่บีบคางของเธออยู่นั้นก็ออกแรงมากขึ้นเล็กน้อย เม้มริมฝีปากพร้อมกับมองหน้าเธอด้วยสายตาที่เยือกเย็น
ไม่มีความอบอุ่นแม้แต่นิดเดียวในดวงตาของเขา ทำให้หานมู่จื่อรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ
เขาขึ้นมาตอนนี้ แล้วเมื่อกี้ตอนที่อยู่ชั้นล่าง เขาได้เจอใครไหม?
เธออยากจะถาม แต่ว่าก็ไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นก็เลยได้แต่เก็บคำพูดพวกนี้ไว้ในใจ
“ฉันคิดว่ายังไงก็คือยังงั้นเหรอ? ” เย่โม่เซินย้อนถาม
หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง ผลักมือของเขาออก พร้อมกับพูดว่า “นายขึ้นมาได้ยังไง? ไม่ได้บอกให้ฉันรอนายอยู่ข้างล่างเหรอ? ”
“หึ” ริมฝีปากบางๆ ของเย่โม่เซินยิ้มอย่างเหน็บแนม “แล้วเธออยู่เหรอ? ”
“อยู่ไง ฉันเตรียมจะลงไปแล้ว แค่ไม่คิดว่านายจะมาเร็วขนาดนี้แค่นั้นเอง จากนั้นก็เลยเกือบจะหลับไปบนโซฟา”
มันก็แค่ข้ออ้าง ใช่ เธอโกหกเขา
“เกือบจะหลับ หรือว่าไม่กล้าเผชิญหน้ากันแน่? ”
การบีบบังคับให้ตอบคำถามแบบนี้ทำให้รูม่านตาของหานมู่จื่อหด เธอมองไปที่เย่โม่เซินที่อยู่ใกล้มาก นัยน์ตาสีดำลึกราวกับท้องทะเล ราวกับว่ามีแรงดึงดูด ที่แทบจะดึงดูดวิญญาณเธอเข้าไป
ชั่วขณะหลังจากนั้น หานมู่จื่อก็กะพริบตา แล้วก็ตบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ฉันมีอะไรให้ไม่กล้าเผชิญหน้าด้วยเหรอ? ถ้าเกิดว่านายสงสัยในสิ่งที่ฉันพูด ถ้ายังงั้นก็ไม่ต้องถามฉันสิ”
เย่โม่เซินหรี่ตา มือที่บีบคางเธออยู่นั้นก็ออกแรงมากกว่าเดิม อารมณ์ที่เป็นอันตรายในแววตาของเขาหนักขึ้นกว่าเดิม
“ถามประโยคเดียวก็ไม่ได้เหรอ? เธอลองทายสิว่าตอนที่ฉันมาฉันเจอใครที่ชั้นล่าง? ”
หานมู่จื่อหยุดหายใจทันที
“นี่คือสาเหตุที่เธอโกหกฉันงั้นเหรอ? ”
หานมู่จื่อกัดริมฝีปาก มองไปที่อื่นไม่มองหน้าเขาอีกต่อไป
“นายอยากจะคิดแบบไหนก็คิดไป”
ในใจของเย่โม่เซินกลับรู้สึกไม่มีความสุขขึ้นมาทันที “ในใจของเธอ เขาสำคัญกว่าฉันยังงั้นเหรอ? น่าเสียดาย ถึงแม้ว่าเขาจะให้ความสำคัญกับเธอมาก แต่ยังไงเขาก็เป็นพี่ชายของเธออยู่ดี”
ตอนหลังจากที่รู้ว่าเธอโกหกเขานั้น เย่โม่เซินก็ออกจากบริษัทก่อนเวลา แล้วก็ตะบึงรถมาที่นี่อย่างบ้าระห่ำ แต่ว่าเขาก็มาช้าไปก้าวหนึ่ง เพราะว่าเขาเห็นรถที่คุ้นเคยจอดอยู่ตรงหน้าบริษัท และเขาก็จำเลขทะเบียนรถได้อย่างชัดเจน
ตอนแรกที่รู้ว่าหานชิงเป็นพี่ชายของมู่จื่อนั้นเขาก็ช็อกไปอยู่นานเหมือนกัน
แล้วอีกอย่าง พี่ชายคนนี้ก็ยังค่อนข้างจะเป็นปรปักษ์กับเขาซะด้วย
มู่จื่อน่าจะกลัวว่าวันนี้พวกเขาจะเจอกันที่หน้าประตูบริษัท ก็เลยโกหกเขาว่าอยู่ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เพื่อไม่ให้เขามาที่บริษัทใช่ไหม?
ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกไม่มีความสุขอย่างมากกับการที่เธอทำแบบนี้ แต่ว่าเย่โม่เซินก็จอดรถอยู่ไกลๆ อย่างฝืนใจตัวเอง มองดูเสี่ยวเหยียนขึ้นรถของหานชิงไปด้วยสายตาที่อันตราย พอรถขับออกไปสักพัก เขาถึงได้ขับเข้ามา
แล้วก็ถึงตอนนี้
“นายหมายความว่ายังไง? ” หานมู่จื่อขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ทำไมถึงได้รู้สึกว่าคำพูดของเย่โม่เซินนั้น เหมือนกับว่าเธอกับหานชิงมีความสัมพันธ์อะไรที่ซ่อนอยู่ยังงั้นแหละ?
วินาทีถัดมา เย่โม่เซินก็อุ้มเธอขึ้นมาจากโซฟา หานมู่จื่อกลัวว่าจะตก ก็เลยรีบกอดคอของเย่โม่เซิน ใบหน้าที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ “นายจะทำอะไร? ปล่อยฉันลงนะ”
เย่โม่เซินกอดเอวเธอไว้แน่น พูดด้วยสีหน้าที่เย็นชาและหนักแน่น “ฉันจะพยายาม”
“พยายามอะไร? ”
“ให้เขายอมรับ”
หานมู่จื่อ :“……”
เขาอุ้มเธอไว้แล้วเดินออกมาข้างนอก สีหน้าของหานมู่จื่อเปลี่ยนไปทันที “ฉันยังไม่ได้ใส่รองเท้าเลย ปล่อยฉันลงก่อน”
“ไม่ต้องใส่แล้ว”
เขาอุ้มเธอออกมาจากห้องทำงานโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จากนั้นก็ลงมาชั้นล่าง หานมู่จื่อถูกอุ้มลงมาข้างล่างด้วยเท้าเปล่า เพราะว่าครั้งนี้เธอไม่ได้ใส่รองเท้า ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงเย่โม่เซินก็ไม่ยอมปล่อยเธอลง
ทันใดนั้นประตูลิฟต์ก็เกิดออก แล้วก็มีเสียงที่เย่อหยิ่งของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“ไอ้สารเลวหวังอาน ฉันจะทำโอทีก็จะตามฉันมา ถ้ายังงั้นฉันก็ไม่ทำแล้ว รำคาญจะตายอยู่แล้วไอ้คนน่ารำคาญ! ”
เลิงเยาเยาด่าพึมพำไปด้วยพร้อมกับถือกระเป๋าเดินเข้ามา ผลก็คือตอนที่เธอเห็นภาพเหตุการณ์ในลิฟต์นั้น ก็เบิกตากว้างแล้วก็กรีดร้องด้วยความตกใจ
“แล้วถ้าไม่ให้ฉันตามเธอแล้วจะให้ไปตามใครล่ะ? ” หวังอานเองก็เดินตามเข้ามาในลิฟต์เหมือนกัน ตอนที่เห็นภาพในลิฟต์นั้น ก็อึ้งจนยืนค้างอยู่กับที่ พร้อมกับถามด้วยความงุนงง “นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน? ”
หานมู่จื่อเบ้ปาก แล้วก็เอาหน้ามุดลงไปในหน้าอกของเย่โม่เซินอย่างไม่เต็มใจ เหมือนอยากจะหลอกลวงตัวเอง
เธอไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
เลิงเยาเยาน่าจะอึ้งอยู่ประมาณห้าวินาที พวกเขาทั้งสองคนยังยืนบื้ออยู่ที่เดิม
สายตาที่เยือกเย็นของเย่โม่เซินยิงไปที่สองคนนั้น ริมฝีปากบางๆ ก็ค่อยๆ เปิดออก “จะไปไม่ไป? ”
สายตาที่คมกริบเหมือนกับลูกศรนี้ทำให้เลิงเยาเยาเสียวสันหลังวาบ เธอพยักหน้าโดยอัตโนมัติ “ไปค่ะ! ”
หลังจากนั้นก็ยื่นมือไปลากหวังอานเข้ามา ทั้งสองคนเบียดตัวเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน
เพราะว่าเย่โม่เซินยึดครองพื้นที่ตรงกลางลิฟต์ เพราะฉะนั้นเธอกับหวังอานทำได้แค่เบียดเข้าไปตรงมุมด้านข้าง ทั้งสองคนยืนใกล้กันมาก
บรรยากาศในลิฟต์แปลกมาก หานมู่จื่อหดอยู่ในอ้อมอกของใครบางคนและแกล้งตาย เธอไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เธอทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน
ทั้งๆ ที่มันก็แค่ไม่กี่ชั้นแค่นั้นเอง แต่ว่ามันกลับนานเหมือนหนึ่งศตวรรษยังไงยังงั้น หลังจากประตูลิฟต์เปิด เลิงเยาเยากับหวังอานก็ต่างไม่กล้าขยับ เย่โม่เซินก็อุ้มหานมู่จื่อพร้อมกับก้าวยาวออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ” หวังอานดึงชายเสื้อของเลิงเยาเยา แล้วก็กระซิบถาม
พอได้ยินดังนั้น เลิงเยาเยาก็หันมาถลึงตาใส่หวังอาน “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย ถามอะไรเยอะแยะ”
“แค่กๆ ก็อยากรู้อยากเห็นไง แล้วอีกอย่าง……เขาคือบริษัทตระกูลเย่……”
“อะไรที่เห็นวันนี้ ห้ามพูดออกไปเด็ดขาด! ” เลิงเยาเยาเอามือกอดอก แล้วก็เตือนหวังอานอย่างเกรี้ยวกราด
พอหวังอานได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป แต่ไม่นานก็พยักหน้าแล้วก็รับประกันกับนางฟ้าในใจของเขา “เธอว่ายังไงก็ยังงั้นแหละ ฉันไม่มีวันพูดออกไปแน่นอน! ”
ถึงแม้ว่าเขาจะอยากรู้อยากเห็นมาก แต่ดูท่าทางของเลิงเยาเยาแล้วเหมือนกับว่าไม่ได้พึ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก เพราะฉะนั้นก็เลยเตือนไม่ให้เขาพูดออกไป
“แต่ว่า ฉันค่อนข้างจะสงสัยเลยนะ เธออยู่ข้างเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เมื่อก่อนเธอเกลียดเธอมากเลยไม่ใช่เหรอ? ”
มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาหมายถึงใคร เมื่อเลิงเยาเยาปกป้องใครแล้ว ขอแค่ไม่มีใครพูดถึงก็โอเค แต่ว่าถ้าเกิดว่าพูดถึงขึ้นมาเมื่อไหร่ เธอก็จะโกรธขึ้นมาทันที
“ใครบอกว่าฉันอยู่ข้างเธอกัน? แล้วอีกอย่างใครบอกว่าเมื่อก่อนฉันเคยเกลียดเธอ? หวังอานนี่นายสร้างเรื่องขึ้นมาเองรึเปล่า? ฉันเลิงเยาเยาเกลียดผู้หญิงพวกที่ไม่มีความรู้ความสามารถ แต่อาศัยการหลอกล่อผู้ชายเพื่อให้ได้อยู่ในตำแหน่งสูง มู่จื่อคือคนเก่ง วันนั้นในห้องทำงานนายก็ได้เห็นความสำเร็จของเธอแล้ว เธอไม่ใช่ผู้หญิงพวกที่หลอกล่อผู้ชายเพื่อให้ได้ตำแหน่ง! ”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ? ”
“หลังจากนั้นเหรอ? ” เลิงเยาเยาโกรธจนทนไม่ไหว “ฉันก็แค่ทวงความยุติธรรมให้เธอเท่านั้นเอง เธอยอดเยี่ยมขนาดนั้น ฉันก็ต้องยอมรับในความสามารถของเธอ แล้วอีกอย่างที่ฉันไม่ให้นายพูดเรื่องเมื่อกี้ออกไปไม่ใช่เพื่อปกป้องเธอ แต่เพราะว่าท่านประธานของบริษัทตระกูลเย่ไม่ใช่คนที่จะยั่วยุได้ นายไม่เห็นสายตาของเขางั้นเหรอ? ”
“จริงเหรอ? ” หวังอานกะพริบตา แล้วก็พูดด้วยสีหน้าที่ไร้เดียงสา “ฉันก็นึกว่าเธอกำลังปกป้องมู่จื่ออย่างร้อนใจซะอีก……”
“ฉันก็พูดไปตั้งหลายรอบแล้วว่าไม่ใช่ นายฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือยังไง? ”
“โอเคๆๆๆ เธอเปล่า……เธอก็แค่กลัวประธานเย่แห่งบริษัทตระกูลเย่เท่านั้นเอง……”
“ใครกลัวเขากัน……”