บทที่585 ไม่ต้องให้นายอยู่เป็นเพื่อนหรอก
เสียงนั้นไกลออกไปเรื่อยๆ จนไม่ได้ยินแล้ว
หานมู่จื่อโดนเย่โม่เซินอุ้มจนมาถึงรถ แล้วก็วางเธอลงบนที่นั่งข้างคนขับ
เพราะว่าไม่ได้ใส่รองเท้า พอนั่งลงไปแล้ว หานมู่จื่อก็รู้สึกไม่มีที่ให้วางเท้า ก็เลยนั่งขัดสมาธิแทน
เย่โม่เซินขับรถออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หานมู่จื่อก็ได้แต่นั่งขดตัวอยู่บนที่นั่งข้างคนขับไปแบบนั้น สีหน้าของทั้งสองคนดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ตอนที่เข้าใกล้ชุมชนนั้น หานมู่จื่อก็นึกอะไรขึ้นมาได้ หน้าซีดลงทันที
“นายไม่ยอมให้ฉันหยิบรองเท้า อีกเดี๋ยวคงไม่ใช่ว่านายจะอุ้มฉันขึ้นไปชั้นบนอีกใช่ไหม? ”
ในรถมีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าเย่โม่เซินยอมรับแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดด้วยเสียงเบาว่า “แบบนี้มันก็ดีมากเลยไม่ใช่เหรอ? ”
ดีกับผีอะสิ!
หานมู่จื่อด่าเขาในใจ กัดฟันแน่นพร้อมกับคิดว่า เธอจะปล่อยให้เขาครอบงำแบบนี้ไม่ได้
ดังนั้นพอรถจอดที่ที่จอดรถนั้น หานมู่จื่อก็เปิดประตูรถแล้วพุ่งออกไปทันที
เธอวิ่งออกไปด้วยเท้าเปล่าด้วยความรวดเร็ว
หานมู่จื่อไม่ถือว่าเตี้ย แต่ก็ไม่ได้สูง เพราะฉะนั้นก็เลยวิ่งเร็วมาก
บวกกับที่ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่ได้ทำอะไรที่ส่อให้เห็นแววว่าจะทำแบบนี้มาก่อน เพราะฉะนั้นการที่เธอเปิดประตูรถแล้ววิ่งออกไปนั้นเป็นสิ่งที่เย่โม่เซินไม่ได้คาดคิดไว้เลย เขารีบเปิดประตูรถออกไปแล้วก็ล็อกอย่างรวดเร็ว
การวิ่งอย่างบ้าคลั่งของเธอดึงดูดสายตาคนเยอะเลยทีเดียว หานมู่จื่อรู้สึกว่าตลอดชีวิตมานี้ยังไม่เคยอายขนาดนี้มาก่อนเลย
จนมาถึงหน้าลิฟต์ เธอก็เหนื่อยจนหอบ
หลายคนที่รอลิฟต์อยู่ก็ส่งสายตาแปลกๆ มาให้เธอ สายตาพวกนั้นมองเธอราวกับว่าเธอเป็นสัตว์ประหลาดยังไงยังงั้น
หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง อยากจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกว่ามันไม่ได้มีความจำเป็นอะไร
ยังไงพวกเขาก็เป็นแค่คนแปลกหน้าเท่านั้นเอง
“เอ้ะ คุณเองเหรอ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ซื่อๆ ตรงๆ ของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากในกลุ่มคนนั้น หานมู่จื่อมองไปทางนั้น ถึงได้พบว่าเป็นลุงอ้วนที่เธอได้เจอในลิฟต์วันนั้น
ลุงอ้วนคนนั้นมองเธออย่างละเอียด หลังจากนั้นก็มองไปทางด้านหลังของเธอ แล้วก็ก้าวขึ้นมาด้านหน้าพร้อมกับถามเธอว่า
“ทำไมวันนี้สามีคุณไม่มาด้วยล่ะ? แล้วทำไมคุณถึงเท้าเปล่า? ”
ในที่สุดก็มีคนถามเธอแล้ว หานมู่จื่อก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วก็อธิบายว่า “ส้นรองเท้าหักน่ะค่ะ ฉันก็เลยเท้าเปล่า……”
สำหรับคำถามก่อนหน้านั้น เธอก็เมินไปเลยแล้วกัน
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” คุณลุงอ้วนคนนั้นยิ้มตาหยี “ต้องดูดีๆ นะ ถ้าเหยียบแก้วขึ้นมาจะแย่เอา”
รอยยิ้มของหานมู่จื่อดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ไม่หรอกค่ะ ชุมชนนี้ดูแลความสะอาดดีจะตาย”
ตอนที่กำลังพูดอยู่นั้น ลุงอ้วนก็มองไปด้านหลังของเธอแล้วก็อุทานออกมา
“สามีคุณมาแล้ว”
เสียงเขาค่อนข้างดัง คนที่รอลิฟต์อยู่นั้นก็มองไปยังทิศทางนั้นทันที
มองไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาที่อยู่ไกลจากตรงนั้น ชายร่างสูงและทรงพลังกำลังเดินตรงมาที่นี่ ทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นถึงกับต้อนทอดถอนใจออกมา
ลุงอ้วน “ถึงแม้ว่าลุงเองก็จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ว่าจะไม่ถอดถอนใจก็ไม่ได้ สามีของคุณนี่หล่อจริงๆ นะ แน่นอน คุณเองก็เป็นสาวสวยเหมือนกัน”
มุมปากของหานมู่จื่อกระตุก พูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่ประโยคเดียว
ลิฟต์ไม่มีสักที เธอเลยจะถูกเย่โม่เซินตามมาทันงั้นเหรอ? ไม่ว่าจะคิดยังไงก็รู้สึกไม่พอใจ หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง แล้วก็หันหลังเตรียมจะขึ้นบันไดแทน
“อยากจะแสดงฉากบันไดอีกครั้งงั้นเหรอ? ” เสียงที่เย็นชาของเย่โม่เซินดังขึ้นมาพอดี ทำให้ฝีเท้าของหานมู่จื่อหยุดลง
หานมู่จื่อเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น แล้วก็คว้าข้อมือขาวๆ ของหานมู่จื่อไว้ ป้องกันไม่ให้เธอหนีไปได้อีก
“ปล่อยฉันนะ” หานมู่จื่อกระซิบ อยากจะสะบัดมือของเย่โม่เซินออก แต่ว่าหลังจากที่เย่โม่เซินจับข้อมือของเธอไว้ ก็ล็อกเธอไว้แน่นเหมือนกับโซ่เหล็ก ทนให้เธอสะบัดออกไม่ได้อีกแล้ว
“เอ้ะ พวกคุณสามีภรรยาคู่นี้แกล้งกันไปแกล้งกันมาอยู่เหรอ? ” ลุงอ้วนคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือไม่ก็ค่อนข้างจะโง่ ก็เลยถามออกมา
หานมู่จื่อพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว เธอแค่อยากจะสะบัดมือของเย่โม่เซินออก แต่ว่าวินาทีถัดมา แต่ว่าเย่โม่เซินกลับโอบเอวเธอไว้แล้วโน้มเข้ามากระซิบข้างหูของเธอ “ถ้าเกิดว่าเธอยังขัดขืนล่ะก็ เชื่อไหมว่าฉันจะอุ้มเธอต่อหน้าทุกคน? ”
พอได้ยินดังนั้น ท่าทางที่ขัดขืนของหานมู่จื่อก็หายไปในทันที
ล้อเล่นหรือยังไง คนที่รอลิฟต์อยู่เยอะจะตาย เธอไม่อยากจะโดนเย่โม่เซินอุ้มหรอกนะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเธอต้องขายหน้ามากแน่ๆ
เพื่อที่จะไม่ต้องเป็นเป้าที่โดนคนอื่นโจมตี เธอก็เลยทำได้แค่ถลึงตาใส่เย่โม่เซินอย่างดุร้าย หลังจากนั้นก็ก้มหน้าลงไม่ได้พูดอะไรอีก
“ลิฟต์ใกล้จะมาแล้ว เหยียบบนเท้าฉันแล้วเข้าไปพร้อมกัน”
หานมู่จื่อเหยียบบนเท้าเขาอย่างไม่เต็มใจ ตอนที่เหยียบลงไปนั้นจงใจใส่แรง แต่ว่าน่าเสียดายที่เธอไม่ได้ใส่รองเท้า เพราะฉะนั้นแรงแค่นี้เลยไม่ได้ทำให้เย่โม่เซินเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย
เขาโอบเอวเธอไว้ แล้วก็พาเธอเดินเข้าไปในลิฟต์
คนในลิฟต์ต่างหลีกทางให้พวกเขา หลังจากเข้าไปแล้วลุงอ้วนก็ยังยิ้มจนตาหยีแล้วพูดกับหานมู่จื่อว่า
“สามีคุณนี่ดีจริงๆ เลยนะ คุณผู้หญิง ต้องรักษาเขาไว้ดีๆ นะ เรื่องคู่หนุ่มสาวทะเลาะกันบ้างอะไรบ้าง มันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดา~คู่สามีภรรยาทะเลาะกันยังไงก็ต้องนอนเตียงเดียวกันอยู่ดี
หานมู่จื่อ :“……”
คุณลุงช่วยหุบปากหน่อยได้ไหมคะ? ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าลุงเป็นใบ้หรอกนะ
แต่ว่าเธอก็ทำได้แค่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
เย่โม่เซินน่าจะยังถือสาเรื่องก่อนหน้านี้อยู่ สีหน้าของเขาเย็นชามาก กลิ่นอายที่ออกมาจากตัวเขาทำให้อุณหภูมิในลิฟต์ต่ำลง
ระหว่างนั้นก็มีคนออกไปเรื่อยๆ จนถึงชั้น18 ก็เหลือแค่พวกเขาสองคนแล้ว
เย่โม่เซินพาเธอเดินออกไป เมื่อถึงหน้าประตูบ้านก็ให้เธอกดรหัส
แต่ว่าหานมู่จื่อชักช้าไม่ยอมกดรหัส เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน “จะไม่เข้าไปเหรอ? ”
“นายอยู่ตรงนี้แล้วจะให้ฉันกดรหัสได้ยังไง? ”หานมู่จื่อถามกลับ
พอได้ยินดังนั้น เย่โม่เซินก็อึ้งไป ทันใดนั้นเขาก็คลี่ยิ้มที่ดูถูกตัวเอง
“ในสายตาของเธอ แม้แต่รหัสบ้านของเธอฉันก็ไม่สมควรที่จะรู้งั้นเหรอ? หรือว่า เธอคิดว่า พอเธอกดรหัสไปแล้วหลังจากนี้ฉันจะแอบเอารหัสเธอมาทำอะไรเธอยังงั้นเหรอ? ”
หานมู่จื่อ :“……”
“ถ้าเกิดว่าฉันอยากจะทำอะไรเธอ ตอนนี้ก็ทำได้”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” หานมู่จื่ออธิบาย เธอก็แค่ไม่อยากให้เย่โม่เซินรู้รหัสผ่านห้องของเธอ ยังไงห้องนี้ก็ไม่ใช่ห้องของเธอแค่คนเดียว
“ถ้ายังงั้นก็กดซะ”
“ฉัน……”
พอคิดไปคิดมา หานมู่จื่อก็เรียกร้องออกมา “ถ้ายังงั้นนายก็หลับตาไม่ยังงั้นก็หันหน้าไปทางอื่น”
เขาไม่ขยับ พร้อมกับจ้องหน้าเธอด้วยสายตาเย็นชา หานมู่จื่อก็ก็ได้แต่จ้องหน้าเขาอยู่แบบนี้ ไม่ยอมกดรหัส
สุดท้าย เย่โม่เซินก็ถอนหายใจออกมา “ถือว่าฉันแพ้แล้ว”
หลังจากนั้นเขาก็หลับตา สีหน้าดูไม่มีทางเลี่ยง
หานมู่จื่อเห็นท่าทางของเขา ก็รู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่มีทางเลือก เพื่อที่จะปิดบังเย่โม่เซินเรื่องของเสี่ยวหมี่โต้ว เธอต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
พอคิดแบบนี้แล้ว หานมู่จื่อก็รีบกดรหัสอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เปิดประตูออก
พอประตูเปิดออกแล้วเย่โม่เซินก็ปล่อยเธอ “โอเค เข้าไปเถอะ”
หานมู่จื่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นี่เขาจะไม่เข้ามาด้วยงั้นเหรอ?
“อยู่ในห้องดีๆ ล่ะ อย่าออกไปข้างนอกมั่วซั่ว ฉันยังมีธุระต่ออีก อยู่เป็นเพื่อนเธอไม่ได้”
หานมู่จื่อเงยหน้ามองเขา “ถ้าอย่างงั้นนายก็ไปจัดการธุระของนายเถอะ ฉันก็ไม่ใช่เด็กน้อย ไม่ต้องให้นายอยู่เป็นเพื่อนหรอก”