บทที่586 ไม่อนุญาตให้คิดถึงเขาอีกแล้ว
ปัง!
หลังจากประตูปิด หานมู่จื่อก็กั้นเย่โม่เซินไว้ด้านนอกประตู หลังจากนั้นก็ใส่รองเท้าแล้วก็เข้าห้องไป
เพราะว่าเมื่อกี้เดินเท้าเปล่า เพราะฉะนั้นตอนนี้เท้าก็เลยค่อนข้างสกปรก ดังนั้นหานมู่จื่อก็เลยไปข้างเท้าในห้องน้ำก่อน หลังจากนั้นก็ทำตามกิจวัตรประจำวัน
ตอนที่เธอทำกับข้าวเสร็จ แล้วยกมานั่งกินคนเดียวที่โต๊ะ หานมู่จื่อถึงได้รู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆ มันว่างเปล่ามาก
ตรงข้ามกับเธอไม่มีเสี่ยวเหยียน ข้างๆ เธอไม่มีเสี่ยวหมี่โต้วพูดคุยกับเธอ
และก็ไม่มีใครกำชับให้เธอกินให้มากขึ้น กำจัดพลังงานด้านลบทั้งหมดออกไปให้เธอ
หานมู่จื่อคีบผักขึ้นมา แล้วก็ค้างนิ่งอยู่แบบนั้น
น่าจะผ่านไปประมาณหนึ่งนาที หานมู่จื่อก็ได้สติกลับมา แล้วก็หัวเราะเยาะตัวเอง
นี่เธอคิดอะไรอยู่?
แต่ว่ามันก็แค่การอยู่เป็นเพื่อนแค่สองวันนี้เองไม่ใช่เหรอ ตอนนี้แค่กินข้าวคนเดียวเธอก็เหงาและโดดเดี่ยวแล้วงั้นเหรอ? เธอต้องหิวกระหายแค่ไหนถึงได้มีความคิดแบบนี้ได้?
หานมู่จื่อส่ายหัวอย่างจำใจ แล้วก็คีบผักเข้าปากไป แต่รู้สึกว่าผักวันนี้มีรสชาติขมมาก ไม่ได้มีรสชาติของผักเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนที่กินเข้าไป เหมือนกับว่ากินยาจีนยังไงยังงั้น
เธอขมวดคิ้วแล้วก็ยื่นมือไปคีบซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานของเธอ แต่ว่าพอกินเข้าไปก็รู้สึกเหมือนเดิม
หลังจากกินอย่าชาๆ แบบนี้ไปสักพัก สุดท้ายหานมู่จื่อก็วางตะเกียบลง
การกินข้าว แน่นอนว่าต้องมีคนกินด้วย ถึงจะอร่อย
กินคนเดียว มันทั้งเหงาและเศร้า
น่าเสียดายที่ทั้งเสี่ยวเหยียนและเสี่ยวหมี่โต้วไม่อยู่
ในหัวของเธอปรากฏใบหน้าที่หล่อเหลานั้นขึ้นมาอีกครั้ง แล้วหานมู่จื่อก็ยื่นมือขึ้นมาตบหัวตัวเองทันที
“ไม่อนุญาตให้นึกถึงเขาอีกแล้ว! ”
“น่าสมเพชจริงๆ! ”
เธอไม่มีความอยากอาหาร ก็เลยเก็บกวาดแล้วก็ไปอาบน้ำ หลังจากนั้นเธอก็นึกเรื่องการสั่งซื้อเมื่อตอนกลางวันขึ้นมาได้ จึงนั่งลงที่โต๊ะแล้วก็ร่างแบบสักพัก หลังจากที่เธอเปลี่ยนแบบร่างให้เป็นแบบที่เธอต้องการได้แล้วนั้น ใบหน้าของหานมู่จื่อถึงมีรอยยิ้มขึ้นมาได้
เธอหันไปดูเวลา ดึกมากแล้ว โทรศัพท์ก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย เย่โม่เซินเหมือนกับว่าหายตัวไปยังงั้นแหละ
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ปิดไฟแล้วไปนอน
*
ตอนที่หานมู่จื่อคิดว่าเย่โม่เซินน่าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกนั้น ไม่คิดเลยว่าวันที่สองตอนที่เธอเปิดประตูห้องมา จะได้เห็นเย่โม่เซินอีกครั้ง
เขาไปส่งเธอที่บริษัทตามปกติ พกอาหารเช้ามาให้เธอ แล้วก็ให้เซียวซู่เอาอาหารกลางวันมาส่งให้เธอ ทุกอย่างทำเป็นกิจวัตร
ตอนบ่ายนั้น ผู้จัดการของบริษัทแอลทีก็โทรมาหาเธอ บอกว่าอยากดูแบบร่าง ดังนั้นหานมู่จื่อก็เลยเอาแบบร่างที่ตัวเองออกแบบเมื่อคืนให้เสี่ยวเหยียนส่งให้เขา
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนไปคุยกับฝ่ายตรงข้ามเสร็จแล้วนั้น ก็กลับมาพูดกับหานมู่จื่อ
“ฉันดูเรื่องราคาต้นทุนกับเนื้อผ้าที่อีกฝ่ายต้องการมาแล้ว มันค่อนข้างจะยาก มู่จื่อ……”
เสี่ยวเหยียนเขียนสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ รวบรวมแล้วส่งให้หานมู่จื่อ
หานมู่จื่อรับมาอ่านดู เม้มปากแน่นแล้วคิดอยู่สักพัก
“ราคานี้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่า……”
“แต่ว่าอะไรเหรอ? ”
“ไม่มีอะไรหรอก ทำตามนี้ไปแล้วกัน”
เสี่ยวเหยียนทำปากมุ่ย “เธอไม่คิดว่าถ้าทำตามเงินทุนนี้ พวกเราจะขาดทุนหรอกเหรอ? ”
“ในการทำธุรกิจนั้น เธอจะชนะทุกอย่างได้ยังไงกัน? ดูผิวเผินเราขาดทุนก็จริง แต่ว่า……นี่เป็นครั้งแรกที่บริษัทของเราจะได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากขนาดนี้ แล้วอีกอย่างถ้ามันเป็นแบบเดียวกัน พวกเราก็สามารถประหยัดแรงในการออกแบบได้มาก นี่ก็เป็นกำไรอย่างหนึ่ง”
พอเสี่ยวเหยียนได้ฟังดังนั้น ก็เข้าใจในทันที
“ฉันเข้าใจแล้ว ถ้ายังงั้นฉันจะไปคุยกับอีกฝ่าย ถ้าเกิดว่าไม่มีปัญหาอะไรล่ะก็ พวกเราก็เซ็นต์สัญญากันได้”
“อืม”
พอเสี่ยวเหยียนไปคุยกับอีกฝ่ายนั้น ก็ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอนึกว่าต่อให้จะเซ็นต์สัญญากัน ก็คงจะต้องรอให้เป็นวันพรุ่งนี้
แต่ไม่คิดเลยว่าตอนที่กำลังจะเลิกงานนั้น อีกฝ่ายก็รีบมาที่บริษัท บอกว่าจะเซ็นต์สัญญากับหานมู่จื่อ
ถึงแม้ว่าหานมู่จื่อจะแปลกใจเล็กน้อย แต่ว่าก็เคารพการตัดสินใจของลูกค้า
“ผู้จัดการอี้ แต่ว่าเกี่ยวกับสัญญา——”
“วางใจเถอะครับ ผมได้ร่างสัญญามาแล้วเรียบร้อย คุณหานสบายใจได้เลย คุณจะพอใจกับราคาที่บริษัทเราให้แน่นอน”
วันนี้ผู้จัดการอี้ไม่ได้มาคนเดียว เขาพยักหน้า หลังจากนั้นผู้ช่วยก็ส่งสัญญาฉบับหนึ่งให้หานมู่จื่อ
หานมู่จื่อเปิดออก ตอนที่เห็นราคาของอีกฝ่ายนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
ผู้จัดการอี้เห็นว่าเธอขมวดคิ้ว ก็นึกว่ามีสัญญามีอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็เลยรีบเอ่ยปากถาม “คุณหาน มีอะไรไม่ถูกต้องรึเปล่าครับ? ”
หานมู่จื่อเม้มริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอ มันไม่ใช่ว่ามีตรงไหนที่ผิด ที่จริงแล้วราคาที่อีกฝ่ายให้นั้นมันดีเลิศเกินไป ดีจนเธอไม่กล้าเชื่อ แต่เรื่องกดราคาเนื้อผ้าที่คุยก่อนหน้านี้ ยังทำให้หานมู่จื่อรู้สึกว่าเหมือนจริงยิ่งกว่าอีก ดังนั้น……เธอก็เลยไม่สามารถชี้แจงฝ่ายตรงข้ามได้ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่
“ไม่ได้มีอะไรผิดหรอกค่ะ แต่ว่า……”หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นมา มองไปที่อีกฝ่าย “สัญญาฉบับนี้มัน……”
“ถ้าเกิดว่าคุณรู้สึกว่าไม่พอใจเงื่อนไขในสัญญา พวกเราสามารถเพิ่มได้อีกนะครับ จนกว่าคุณหานจะพอใจ”
พอได้ยินดังนี้ หานมู่จื่อก็รู้สึกประหลาดใจมากกว่าเดิม เธอช็อกไปนิดหน่อย
“ผู้จัดการอี้ คือ……”
“คุณหาน ผมเคยดูโปรไฟล์ของคุณมาแล้ว ผมรู้ว่าคุณเป็นนักออกแบบที่โดดเด่นในต่างประเทศ และก็รู้เรื่องผลการทำงานที่ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษของคุณด้วย บริษัทของเราเฝ้าปรารถนาที่อยากจะร่วมมือกับคุณเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นเงื่อนไขที่เลิศล้ำพวกนี้ คุณหานไม่จำเป็นต้องรู้สึกกดดันไปหรอกครับ”
ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง
พอหานมู่จื่อได้ฟังเขาพูดแบบนี้ ก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย
ยังไงช่วงนี้ก็มีหลายเรื่องมาก เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน ถึงยังไงก็ไม่มีโชคหล่นลงมาจากท้องฟ้าหรอกนะ
แต่ว่าคิดไปคิดมา ค่าตอบแทนนี้ มันดีมากก็จริง แต่ว่าก็ไม่ถึงกับเกินความเป็นจริงไป
สุดท้าย หานมู่จื่อก็พยักหน้า แล้วก็เซ็นชื่อตัวเองลงไป
เซ็นชื่อ ประดับตรา ก็ถือว่าสัญญามีผลบังคับใช้แล้ว
ผู้จัดการอี้ยื่นมือเข้ามาหาเธออย่างกระตือรือร้น “ดีใจมากเลยครับที่ได้ร่วมงานกับคุณหาน หวังว่าต่อไปจากนี้เราจะร่วมมือกันอย่างมีความสุขนะครับ”
หานมู่จื่อค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา แล้วก็ยื่นมือให้เขาเช่นกัน “ขอให้ร่วมมือกันอย่างมีความสุขค่ะ”
หลังจากส่งผู้จัดการอี้กลับไปแล้วนั้น เสี่ยวเหยียนก็ถูมืออย่างมีความสุข “ถ้าเกิดว่าผลิตออเดอร์นี้เสร็จ พวกเราน่าจะได้เงินเยอะเลยใช่ไหม? เมื่อก่อนฉันรู้สึกว่าเปิดบริษัทนี่มันเหนื่อย แต่ว่าตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว……ก็ไม่ได้เหนื่อยมากมายเท่าไหร่เหมือนกันนะ แถมยังหาเงินได้เยอะขนาดนี้อีก มีความสุขมากเลย”
หานมู่จื่อยืนอยู่ที่เดิม ก้มหน้าลงไม่ได้พูดอะไร เหมือนกับว่ากำลังไตร่ตรองอะไรอยู่
“มู่จื่อ เธอเป็นอะไรไป? เซ็นต์สัญญาในคำสั่งซื้อที่ใหญ่ขนาดนี้เธอควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ? ”
“ฉันรู้สึกว่า……ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เลย” หานมู่จื่อเม้มริมฝีปากที่แดงระเรื่อ แล้วก็หยิบสัญญาขึ้นมา “ออเดอร์นี้มันง่ายเกินไป แล้วอีกอย่างเงื่อนไขของฝ่ายตรงข้ามมันก็ดีจนเกินไป ฉันรู้สึกกังวลเล็กน้อย”
พอได้ยินดังนั้น เสี่ยวเหยียนก็ขยับเข้าไปใกล้เหมือนกัน แล้วก็หยิบสัญญาในมือของเธอมา
“เธอกังวลว่าสัญญาจะมีปัญหาอะไรยังงั้นเหรอ? เมื่อกี้เธอก็อ่านสัญญาไปหลายรอบแล้วนี่ ถ้าเกิดว่ามีปัญหาอะไร เธอก็น่าจะเห็นแล้วนะ”
หานมู่จื่อส่ายหน้า “ฉันอ่านสัญญาหลายรอบแล้วก็จริง น่าจะไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่แค่ว่า……”
“แค่อะไรเหรอ? ”
“ฉันมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”