บทที่587 เป้าหมายของเขา
เสี่ยวเหยียน:“……หรือว่าเพราะว่าช่วงนี้เจอเรื่องเยอะก็เลยทำให้เธออดคิดเยอะไม่ได้ เลยคิดว่านี่อาจจะเป็นกับดัก? แต่ว่าสัญญามันมีผลนะ อีกอย่างฉันก็ไปค้นข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทแอลที อี้เทียนคนนั้นเป็นผู้จัดการของบริษัทแอลทีจริงๆ มีสิทธิ์ที่จะพูดนะ”
บริษัทแอลที……
พอนึกถึงชื่อบริษัทนี้ สุดท้ายหานมู่จื่อก็ยังคงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ “เธอไปสืบมาหน่อยสิว่าประธานบริษัทแอลทีคือใคร แล้วเดี๋ยวฉันจะได้พี่ชายฉันไปสอบถามให้ด้วย”
เสี่ยวเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้า “ได้ ไม่มีปัญหา เดี๋ยวฉันจะไปสืบเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังจากเสี่ยวเหยียนออกไปแล้ว หานมู่จื่อก็นั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงาน แล้วก็เปิดสัญญาพร้อมกับอ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว เวลานี้เย่โม่เซินน่าจะใกล้ถึงแล้ว
เพราะว่ามีเรื่องก่อนหน้านี้ เย่โม่เซินก็เลยหลีกเลี่ยงรถของหานชิง
ถึงแม้ว่าปากของเขาจะบอกว่ารังเกียจ แม้แต่มีสีหน้าที่อาฆาตแค้น แต่ว่าเขาก็คิดแทนเธอ ช่วงนี้เขายังไม่ควรเผชิญหน้ากับหานชิง
เพราะฉะนั้นหานมู่จื่อก็เลยวางใจอยู่ชั่วคราว
เธอเม้มปาก แล้วก็ค่อยๆ เริ่มเก็บข้าวเก็บของ เตรียมตัวจะเลิกงาน
ยังไงซะเสี่ยวเหยียนก็ต้องกลับไปก่อน เพราะฉะนั้นเธอก็เลยรออยู่ในนี้อีกสักพัก
หนึ่งวินาทีก่อนเลิกงาน จู่ๆ เสี่ยวเหยียนก็วิ่งเข้ามา สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
“มู่จื่อ ฉันขอโทษ”
พอหานมู่จื่อได้ยินคำนี้ ตาก็กระตุกทันที“ทำ ทำไมเหรอ? ”
เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากของตัวเอง “เมื่อกี้ฉันสืบเกี่ยวกับประธานของบริษัทแอลที จากนั้นก็พบว่า……”
“พบว่าอะไร? ”
เสี่ยวเหยียนไม่กล้าพูดต่อ หานมู่จื่อก็เลยต้องดุเธอ “อย่ามัวอ้ำอึ้ง รีบพูดมาให้ชัด”
เธอก้มหน้าลง พูดด้วยเสียงเบา เหมือนกับว่ากลัวว่าพูดไปแล้วหานมู่จื่อจะโกรธเธอยังไงยังงั้น แต่ว่าหานมู่จื่อก็ได้ยินเธอ
“เมื่อกี้ฉันไปสืบมา ประธานที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทแอลที ที่จริงก็คือศัตรูของพวกเรา คนๆ นั้นเธอก็คุ้นเคยดี เขาคือ……”
หานมู่จื่อจมวดคิ้ว มีชื่อหนึ่งโผล่ขึ้นมาในความคิดของเธอแทบจะทันที
“เย่ เย่หลิ่นหาน……พี่ชายของเย่โม่เซิน”
พอได้ยินชื่อนี้ หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าตัวเองแทบจะหายใจไม่ออก
เธอโซเซ เกือบจะล้มลง เธอรีบจับมุมโต๊ะไว้ ถึงไม่ล้มไปข้างหน้า
“เธอใจเย็นก่อน เรื่องนี้เป็นความผิดฉันเอง ฉันควรจะสืบให้ดีก่อน แต่ว่าก่อนหน้านี้ฉัน……ฉันแค่สืบเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทแอลที ไม่ทันระวังและไปสืบว่าประธานคือใคร รู้แค่ว่าบริษัทแอลทีได้รับคำชมว่าร่วมงานด้วยค่อนข้างดี ก็เลยไม่ได้สนใจเรื่องนี้ นี่มันคือความประมาทของฉันเอง……”
เย่หลิ่นหาน……
ทันใดนั้นหานมู่จื่อก็นึกถึงเรื่องที่เจอกันที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตสองครั้งก่อนหน้านี้ แล้วก็คำพูดที่เขาพูดกับเธอหลังจากนั้น
มิน่าล่ะ……เงื่อนไขสำหรับออเดอร์นี้ถึงได้ดีเยี่ยมขนาดนี้ มิน่าล่ะสายตาที่อีกฝ่ายมองเธอถึงได้ไม่เหมือนกัน
กลัวแค่ว่าเป้าหมายแรกมันไม่ใช่แค่การร่วมกันเฉยๆ น่ะสิ?
พอคิดได้แบบนี้ หานมู่จื่อก็กัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างแรง มือที่จับขอบโต๊ะอยู่นั้นก็จับแน่นขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นเธอก็สงบลง แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงจมดิ่ง “ฉันเข้าใจแล้ว”
เสี่ยวเหยียนมองเธออย่างกังวลเล็กน้อย “เธอเป็นไรไหมมู่จื่อ?โทษฉันเถอะ หรือว่าตอนนี้ฉันไปหาเย่หลิ่นหานที่บริษัทแอลทีดี พวกเราไม่ร่วมงานกับเขาแล้ว ยังไงเขาก็เป็นศัตรูของเธอ ถ้าเกิดว่าไปขอร้อง เขาก็น่าจะยินยอมนะ”
พอพูดจบเสี่ยวเหยียนก็หันหลังเตรียมจะเดินออกไป
“หยุดก่อน! ”หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นมาเรียกเธอไว้
เสี่ยวเหยียนหยุดโดยไม่เต็มใจ “มู่จื่อ?”
“ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้ว พี่ชายฉันน่าจะมาถึงแล้ว เธอรีบไปเก็บของแล้วไปรอพี่ชายฉันเถอะ แล้วก็ไปรับเสี่ยวหมี่โต้วที่โรงเรียน”
“มู่จื่อ!”
“ไปเถอะ ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
“สัญญานั้น……”
“เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง เธอไม่ต้องยุ่งหรอก”
เสี่ยวเหยียนยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่ว่าเห็นสายตาและสีหน้าของหานมู่จื่อนั้นดูแน่วแน่มาก เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะให้เธอยื่นมือเข้ามา เธอก็เลยต้องพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลี่ยง “ถ้ายังงั้นก็ได้ ถ้าเกิดว่าระหว่างที่จัดการอยู่นั้นมีอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือให้บอกฉันได้เลยนะ”
“ได้”
พอได้รับคำตอบจากเธอแล้ว เสี่ยวเหยียนก็เลยไปเก็บข้าวของแล้วก็ลงไปชั้นล่าง
ก่อนที่จะไปนั้น เธอก็หันกลับมามองหานมู่จื่ออย่างไม่สบายใจ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเธอใจเย็นแล้วค่อยไป
หานมู่จื่อรอให้เสี่ยวเหยียนออกไป แล้วก็เปิดสัญญามาดูอีกครั้ง หลังจากนั้นก็บันทึกช่องทางการติดต่อของผู้จัดการอี้ไว้
เย่หลิ่นหาน……
เขาไม่ได้ออกหน้าด้วยตัวเอง ทุ่มเทความพยายามมากมายเพื่อที่จะได้ร่วมงานกับเธอ เป้าหมายต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
*
ตอนที่เย่โม่เซินมารับเธอนั้น ก็เห็นหานมู่จื่อยืนอยู่ตรงหน้าบริษัทจากไกลๆ ตอนที่เขาขับรถมาจอดตรงหน้านั้น เธอก็ยังคงยืนเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว แล้วก็บีบแตร
เสียงนี้ ดึงสติหานมู่จื่อกลับมา
เธอเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าเย่โม่เซินมาถึงแล้ว เธออ้าปากค้าง หลังจากนั้นก็ก้าวเข้าไปเปิดประตูแล้วก็ขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ
เย่โม่เซินเห็นว่าอารมณ์ของเธอเหมือนจะดูหดหู่เล็กน้อย ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย เขยิบเข้าไปคาดเข็มขัดให้เธอ ตอนที่ขยับเข้าไปใกล้นั้นหานมู่จื่อก็ตกใจ แล้วก็ถามเขา “นายทำอะไร? ”
“คาดเข็มขัดไง”
เขาพูดไปด้วยพร้อมกับคาดเข็มขัดให้เธอไปด้วย
หานมู่จื่อตอบว่าอ้อ แล้วก็นั่งใจลอยต่อไป
หลังจากขับรถไปได้ระยะหนึ่ง เย่โม่เซินก็หยุดรอไฟแดง หันไปมอง ก็พบว่าหานมู่จื่อยังคงนั่งจมอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่แบบนั้น ถึงแม้ว่าสายตาเธอจะมองไปยังที่ไกลๆ แต่ว่าสายตาของเธอหย่อนยาน ไม่ได้จ้องอะไรอยู่เลย
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ”เย่โม่เซินอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
แต่ว่าก็ไม่ได้คำตอบ เธอกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ไม่ได้ยินสิ่งที่เย่โม่เซินพูดเลยแม้แต่นิดเดียว
หานมู่จื่อเอาแต่คิดว่า เย่หลิ่นหานมีเป้าหมายอะไรกันแน่ หลังจากที่เธอกลับประเทศมาก็เจอเขาอยู่สองครั้ง
ครั้งแรกคือตอนที่เธอพาเสี่ยวหมี่โต้วไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วก็บังเอิญเจอเขา แต่ว่าเธอไม่ได้สนใจเขา เขาเอาเบอร์โทรศัพท์ให้เธอ เธอก็เอาทิ้งไป
ครั้งที่สอง เขาบอกว่าตัวเองมารอเธอที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตโดยเฉพาะ แถมยังบอกว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรด้วย
ไม่ได้มีเจตนาร้าย แล้วเขาอยากจะทำอะไรกันแน่?
เพื่อนเก่ามาเจอกัน ระบายอารมณ์ความรู้สึกให้กันฟังยังงั้นเหรอ?
ถ้าเกิดว่ามันเป็นแค่นี้จริงๆ แล้วทำไมจู่ๆ เขาต้องอยากจะร่วมงานกับบริษัทของเธอด้วย?
ไม่ มันไม่มีทางง่ายแบบนั้นหรอก
ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงความเย็นที่มือของตัวเอง หานมู่จื่อได้สติกลับมาทันที ถึงได้รู้ว่าเย่โม่เซินกำลังกุมมือเธอไว้อยู่
เธออึ้งไป แล้วก็เงยหน้ามองหน้าเขา
“ทำไมเหรอ?
“งงอะไรอยู่? ” เย่โม่เซินจ้องเธอด้วยสายตาเฉียบคม แล้วก็ออกปากเตือนว่า “วันนี้เธอเหม่อหลายครั้งแล้วนะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? ”
ริมฝีปากของหานมู่จื่อขยับ แต่ว่าหลังจากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก ฉันก็แค่กำลังคิดเรื่องงานอยู่เท่านั้นเอง”
“มีเรื่องยุ่งยากเหรอ? ”
“ไม่หรอก”
เธอเหม่อลอยอย่างรุนแรง แถมยังปฏิเสธอย่างรวดเร็วอีกด้วย เย่โม่เซินก็ยิ่งเกิดความสงสัย
ในเมื่อไม่พูด เขาไปสืบเองก็ได้
พอพูดถึงเรื่องสืบ เย่โม่เซินก็นึกถึงเรื่องที่ตัวเองเคยบอกว่าจะไม่สืบเรื่องของเธอ ถ้าเกิดว่าสืบเรื่องงานเธอ มันเกี่ยวข้องกับเธอด้วย แล้วจะถือว่าเป็นการสืบเรื่องของเธอไหม?
เย่โม่เซินรู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย ทำไมก่อนหน้านี้ถึงได้ขุดหลุมให้ตัวเองใหญ่ขนาดนี้เนี่ย?