บทที่588 เชิญด้วยตัวเอง
แล้วทั้งคู่ก็เงียบลงอีกครั้ง แล้วก็มาถึงชุมชนด้วยบรรยากาศที่แปลกประหลาด
ก่อนที่จะลงจากรถ จู่ๆ หานมู่จื่อก็ถามออกมา “นายไม่มีรถเหรอ? ”
พอได้ยินดังนั้น เย่โม่เซินที่กำลังดึงกุญแจอยู่นั้นก็หยุดทันที “ทำไม? ”
“รถฉัน บางทีฉันก็ต้องใช้”
เย่โม่เซินขมวดคิ้วอย่างดุร้าย “ฉันก็อยู่ไม่ใช่เหรอ? ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ห่างจากเธอ จะไปไหนก็บอกฉัน ฉันจะไปส่งเธอเอง”
หานมู่จื่อย่นจมูก พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองจะทำ ก็เลยพูดออกมา “ไม่สะดวกหรอกมั้ง จะให้นายไปกับฉันทุกเรื่องก็ไม่ได้”
เย่โม่เซินเลิกคิ้ว “อยากจะสะบัดฉันออกงั้นเหรอ? ”
“ไม่ใช่แบบนั้น นายก็อยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เองไม่ใช่เหรอ? นายให้เซียวซู่ขับรถมาให้นายก็ได้ ต่อไปใช้รถตัวเองไปรับไปส่งฉันก็ได้”
พอพูดถึงประโยคหลัง หานมู่จื่อก็หยุดพูดทันที พอรับรู้สิ่งที่ตัวเองพึ่งพูดไปเมื่อกี้ เธอก็หันหน้ากลับมาทันที”
“ช่างเถอะ นายอยากทำยังไงก็ทำแบบนั้นไปแหละ”
หลังจากนั้นเธอก็เปิดประตูแล้วลงจากรถไป เดินไปไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงเย่โม่เซินลงจากรถ แล้วก็เดินตามเธอมา
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะให้เซียวซู่ขับรถมา”
หานมู่จื่อไม่ได้สนใจเขา เดินไปข้างหน้าต่อ
ตอนที่มาถึงที่หน้าลิฟต์นั้น เย่โม่เซินก็ถามเธอ “แบบนี้พอใจแล้วรึยัง? ”
หานมู่จื่อยังคงไม่สนใจเขา เม้มปากแน่นแล้วก็มองไปทางอื่น
เธอไม่อยากจะยอมรับว่าคำพูดเมื่อกี้เธอพูดออกจากปากของตัวเองไป
“อายเหรอ? ”
หานมู่จื่อ “……นายหุบปากไปเถอะ”
อารมณ์ที่ห่อเหี่ยวของเย่โม่เซินเมื่อกี้นี้หายไปทันที รอยยิ้มในดวงตาสีดำของเขาเบิกกว้างขึ้นเยอะ
หลายวันมานี้ เขาปรากฏตัวข้างๆ เธอทุกวันเพื่อปกป้องเธอ เข้ายึดครองเวลาและพื้นที่ของเธอ
เขารู้ว่าที่ตัวเองทำแบบนี้ถือว่าเป็นการอาศัยประโยชน์จากความอ่อนแอ ถือว่าต่ำทรามมาก
แต่ว่าเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาเก็บความรู้สึกเห็นแก่ตัวอย่างมากไว้ในใจ เขาก็แค่อยากจะเข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเคยเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองคน
เขาไม่อยากให้เกิดความเสียใจขึ้นอีกแล้ว เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถทนต่อความทรมานทางจิตใจไปอีกห้าปีได้หรือไม่
แน่นอน เขาเองก็รู้สึกได้ว่าเธอต่อต้าน แต่ว่า การต่อต้านจากเธอมันก็ค่อยๆ น้อยลงเรื่อยๆ แต่ส่วนมากก็เพราะว่าไม่มีทางเลือก หรือไม่ก็ถูกบังคับให้ยอมรับ
แต่ว่าสำหรับเย่โม่เซินแล้วนั้น ตราบใดที่สามารถครอบครองเวลาและพื้นที่ทั้งหมดของเธอได้ ไม่ว่าจะด้วยความเต็มใจ หรือเพราะถูกบังคับเขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น
ขอแค่เขาได้อยู่ข้างเธอ ผู้ชายคนอื่นก็จะไม่มีวันมีโอกาส
ต่อให้เธอไม่ยอมรับเขา แต่ว่าก็จะไม่มีวันมีผู้ชายคนอื่นอยู่ข้างกายเธอได้
หลังจากเข้าไปในลิฟต์แล้ว หานมู่จื่อก็ยืนพิงกำแพงอย่างเหนื่อยล้า แล้วก็กลับมีมือคู่หนึ่งโอบกอดเธอไว้ “ถ้าเหนื่อยก็พิงอกฉันได้”
หานมู่จื่อ :“……”
เธอคิดไปคิดมา แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ทั้งสองคนอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ที่เงียบขนาดนี้ด้วยกันเป็นครั้งแรกตอนที่ประตูลิฟต์เปิดออกนั้น ก็ใช้เวลาสักพักกว่าทั้งสองคนจะตอบสนอง หานมู่จื่อเป็นคนเดินออกจากลิฟต์ไปก่อน
เย่โม่เซินก็ตามไปติดๆ
พอเดินมาถึงหน้าประตู หานมู่จื่อก็คิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็หันหน้าไปมองเย่โม่เซิน
ดวงตาที่สวยงามของเธอมีความจริงจังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “ช่วงนี้ขอบคุณนายมากนะ หลายวันนี้เหมือนว่าจะไม่มีอันตรายอะไรแล้ว เรื่องที่บริษัทนายก็ค่อนข้างเธอ ถ้ายังงั้น……”
“เป็นห่วงฉัน? คิดแทนบริษัทฉันงั้นเหรอ? ”
หานมู่จื่อเงียบ
“วางใจเถอะ เรื่องงานที่บริษัทฉันจะจัดการให้เธอ ส่วนเรื่องเธอฉันก็จะไม่ตกหล่น”
หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะมองรอบดวงตาที่ดำคล้ำของเขา
ทุกวันตอนเช้าตอนที่เธอจะออกไปข้างนอก เขาจะตามมาในทันทีตลอด ไปรับไปส่งเธอทำงาน แถมงานที่บริษัทยังจัดการได้ดีอีก ไม่ว่าหานมู่จื่อจะคิดยังไงก็รู้สึกว่าทุกวันเขาต้องนอนไม่เกินห้าชั่วโมงแน่ๆ
พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น “ถึงแม้ว่านายจะเป็นห่วงฉัน แต่นายจะไม่สนใจสุขภาพตัวเองก็ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ”
“เป็นห่วงฉันเหรอ? ”
“พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ฉันไม่ออกไปข้างนอก นายก็พักผ่อนเยอะๆ ”
เย่โม่เซินเงียบแล้วมองตาเธอสักพัก ทันใดนั้นก็ก้าวขึ้นไปด้านหน้า แล้วก็ก้มตัวลงพร้อมกับกอดเธอโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ไม่ได้ออกแรงอะไร เบาอย่างกับแมลงปอเดินบนน้ำด้วยซ้ำ
แต่ว่ากอดนี้มันลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งของหัวใจของหานมู่จื่อ
เพราะว่า เย่โม่เซินยังจูบหน้าผากของเธอด้วยความสงสาร
“ถ้ายังงั้นเธอต้องพูดคำไหนคำนั้นนะ พรุ่งนี้ห้ามออกไปไหน”
เสียงแม่เหล็กของเขาเหมือนกับเวทมนตร์ยังไงยังงั้น หานมู่จื่อรู้สึกว่าตอนนี้คอเธอแห้งมาก ตอบกลับด้วยเสียงที่แหบแห้ง “โอเค”
*
กลับมาถึงห้องเกือบสิบนาที กว่าหานมู่จื่อจะดึงสติกลับมาได้ เธอเอามือลูบหน้าผากของตัวเองตรงที่เย่โม่เซินจูบเมื่อกี้นี้
สมควรตายจริงๆ
ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่การจูบที่หน้าผากเบาๆ เท่านั้น แต่ว่าทำไมมันถึงได้ทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วกว่าตอนที่เขาจูบปากเธออีกล่ะ?
เฮ้อ เธอน่าจะเหงามานานเกินไปแล้วจริงๆ ถึงได้เป็นแบบนี้
หานมู่จื่อลูบแก้มที่ร้อนผ่าวของตัวเอง แล้วก็ไปอาบน้ำ
หลังจากอาบเสร็จแล้ว หานมู่จื่อก็ไปเตรียมอาหารเย็น ท่าทางเย่โม่เซินน่าจะยุ่งมาก เขาไม่ได้เสนอที่จะกินข้าวเย็นร่วมกับเธอเลย
คิดไปคิดมาก็น่าจะใช่ เขาอยู่กับเธอนานขนาดนั้น เวลานี้น่าจะกำลังจัดการงานอยู่ล่ะมั้ง?
นึกถึงรอยดำใต้ตาของเขา หานมู่จื่อก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหาเขา
{มากินอาหารเย็นด้วยกันไหม? }
หลังจากส่งไปเสร็จ หานมู่จื่อก็กะพริบตา ดูข้อความนั้นที่ส่งไป ก็รู้สึกว่าตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดรึเปล่า ดังนั้นหลังจากดูอยู่สิบวินาที เธอก็รีบลบข้อความนั้นไป
พึ่งจะสิบวินาทีเอง เย่โม่เซินน่าจะไม่ได้บังเอิญดูโทรศัพท์ตอนนี้พอดีหรอกมั้ง?
หานมู่จื่อวางโทรศัพท์ลงอย่างไม่พอใจ หลังจากนั้นก็เดินเข้าห้องครัวไป
เธอเตรียมผักกับเนื้อเสร็จแล้ว ตอนที่เตรียมจะเทลงกระทะนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงกริ่งนอกประตูดังขึ้น
หานมู่จื่อย่นจมูก
เวลาแบบนี้…..ใครมากันนะ?
หานมู่จื่อล้างมือให้สะอาด พร้อมกับเช็ดมือ แล้วก็ออกมาจากห้องครัวและไปเปิดประตู
หลังจากเปิดประตูออกมาแล้ว เย่โม่เซินที่ยืนอยู่นอกประตูก็มีสีหน้ามืดมนทันที
“นาย นายมาที่นี่ได้ยังไง? ”
เย่โม่เซินเดินเข้ามาด้วยสีหน้ามืดมน พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอยังจะไม่ทันดูให้ชัดเจนว่าเป็นใครก็เปิดประตูแล้วงั้นเหรอ? ”
หานมู่จื่อ :“……”
“ถ้าเกิดว่ามีอันตรายจะทำยังไง? ”
หานมู่จื่อเม้มริมฝีปากที่แดงระเรื่อ ในใจคิดว่าหลายวันมานี้นายอยู่กับฉันตลอด ต่อให้มีอันตรายอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะกลัวนายจนหัวหดไม่กล้ามาถึงหน้าประตูหรอก
“คงไม่หรอกมั้ง”
คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอก็ถามออกมาอีกครั้ง “นายมาได้ยังไง? ”
ร่างสูงใหญ่ของเย่โม่เซินเบียดเข้ามา พร้อมกับมองมาที่เธอ
“ก็เธอให้ฉันมาไม่ใช่เหรอ? ”
“ฉันเหรอ? ” หานมู่จื่อชะงักไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกถึงข้อความที่เธอกดยกเลิกไปนั่น เธออ้าปากค้างอย่างไม่มีแรง “ฉัน ตั้งแต่เมื่อไหร่…..”
“ขอโทษที” เย่โม่เซินโน้มตัวลงมา เอาหน้าผากชนกับหน้าผากของเธอ ริมฝีปากบางของเขาก็คลี่ยิ้มออกมา “ตอนที่เธอส่งข้อความมา ฉันเห็นพอดีเลย”
หานมู่จื่อ :“……”
สบตาเขาอยู่สักพักหนึ่ง หานมู่จื่อก็รู้สึกยอมเขาจริงๆ เลย ข้อความส่งไปแค่สิบวินาทีเอง เขาเห็นด้วยงั้นเหรอ?
เธอทำปากมุ่ย “นายถือโทรศัพท์ไว้พอดีเหรอ? ”
เย่โม่เซินมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง แล้วก็ตอบว่าอืมเบาๆ
เหมือนกับว่ามีดวงดาวร้อยล้านดวงอยู่ในตาของเขาตอนนี้ มีแสงสว่างนับไม่ถ้วนส่องประกายออกมาจากดวงตาของเขา