บทที่593 เธอเจ็บเป็นด้วยเหรอ
“ตอนนี้เธอจะกลับบ้านเลยใช่ไหม? เดี๋ยวฉันไปส่งแล้วกัน” เย่หลิ่นหานจ่ายเงินเสร็จแล้วก็เดินออกมาจากร้านกาแฟพร้อมเธอ แล้วก็หยิบกุญแจรถขึ้นมา
หานมู่จื่อส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ฉันยังมีธุระอื่นอีก ยังไม่กลับ”
“ธุระอะไรเหรอ? เดี๋ยวฉันไปส่งไหม? ยังไงวันนี้ก็เป็นวันหยุด ฉันไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว”
หานมู่จื่อขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน “ไม่ต้องจริงๆ ”
เย่หลิ่นหานมองเธอแล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “ที่เธอปฏิเสธฉันแบบนี้ เพราะว่ายังไม่ให้อภัยฉันเหรอ? ”
คำพูดแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ หานมู่จื่อพูดอย่างไม่มีทางเลี่ยง “ประธานเย่หลิ่นหาน คุณพูดแบบนี้กับฉันก็เกินไปนะ ฉันก็แค่มีธุระอื่นให้ต้องไปจัดการอีก แล้วก็แค่ไม่อยากจะรบกวนให้นายไปส่งเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่า……”
“ประธานเย่หลิ่นหาน?”เย่หลิ่นหานมีท่าทีเหมือนสูญเสียกำลังใจ “ดูเหมือนว่าเธอจะมองฉันเป็นแค่ความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมงานแค่นั้นจริงๆ ”
หานมู่จื่อ :“……”
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงต่อไปเราก็มีโอกาสที่จะได้เจอกันอีกเยอะ หวังว่าเธอจะค่อยๆ ยอมรับฉันช้าๆ วันนี้ถึงเธอจะไม่ยอมให้ฉันไปส่ง แต่ว่าฉันก็จะไม่ฝืนใจเธอหรอก”
หลังจากพูดจบ เย่หลิ่นหานก็ตบไหล่เธอเบาๆ ยิ้มและพูดว่า “เดินทางก็ระวังๆ ด้วย มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้”
หลังจากที่ทั้งสองคนบอกลากันเรียบร้อย หานมู่จื่อก็เรียกรถ แล้วก็ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ใกล้ๆ กับชุมชน ตอนที่เข้าไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นว่าเย่โม่เซินยังไม่ได้ส่งข้อความอะไรมาให้เธอ ก็เลยสบายใจ
ช่วงนี้เขาน่าจะเหนื่อยมาก ตอนนี้ก็น่าจะพักผ่อนอยู่ล่ะมั้ง
เธอเลือกซื้อพวกวัตถุดิบทำอาหาร หานมู่จื่อเอาแต่นึกถึงเรื่องที่เย่โม่เซินทำเพื่อเธอในช่วงนี้ เพราะฉะนั้นวัตถุดิบอาหารที่เลือกซื้อส่วนใหญ่ก็ตั้งใจเตรียมให้เย่โม่เซินโดยเฉพาะ
ยังไม่ทันจะเสร็จ หานมู่จื่อก็อดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้
ช่างเถอะ ก็ถือว่าเป็นการชดใช้ให้เขาแล้วกัน ช่วงนี้เขาต้องเหนื่อยขนาดนี้
หานมู่จื่อจ่ายเงินเสร็จก็ถือถุงเดินออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต หลังจากนั้นก็เดินกลับไปที่ชุมชน เธอขึ้นลิฟต์แล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหาเย่โม่เซิน
{นายตื่นรึยัง? }
เพราะว่าอยู่ในลิฟต์ก็เลยไม่มีสัญญาณ พอออกจากลิฟต์ข้อความถึงจะถูกส่งออกไป เพราะฉะนั้นพอหานมู่จื่อส่งข้อความเสร็จก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าไป
หลังจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นดูเลขชั้น เห็นว่าใกล้จะถึงแล้ว เธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ พอลิฟต์มาถึงเธอก็ถือถุงเดินออกไป
เธอพึ่งจะเดินออกมาจากลิฟต์ก็ได้ยินเสียงข้อความจากวีแชท
เธอทำเสียงเอ้ะออกมาด้วยความประหลาดใจ ตอนที่อยากจะหยิบโทรศัพท์ออกมาดูว่าเย่โม่เซินส่งข้อความมาหาเธอรึเปล่านั้น ชายตาเธอก็เหลือบไปเห็นร่างสูงร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น
หานมู่จื่อหยุดเดินทันที จากนั้นก็หันไปมองคนนั้น
คนๆ นั้นยืนพิงกำแพงพร้อมกับกอดอก ถือโทรศัพท์ด้วยมือเดียว บนหน้าจอของเขาเปิดวีแชทอยู่พอดี เป็นข้อความที่เธอส่งให้เขา เขายืนกดโทรศัพท์อยู่นั้น มองหน้าเธอด้วยสีหน้าที่เหมือนมีเมฆดำปกคลุมอยู่
หานมู่จื่อมองเขาอยู่สามวินาที ริมฝีปากของเธอถึงได้ขยับ
“นาย นายตื่นแล้วเหรอ? ”
เย่โม่เซินไม่ได้ตอบ ริมฝีปากบางๆ ของเขาเม้มแน่น นัยน์ตาเย็นชาจนทำให้คนรู้สึกเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
“ในเมื่อตื่นแล้วก็มากินอาหารกลางวันกันเถอะ เมื่อกี้ฉันลงไปซื้อวัตถุดิบข้างล่างมาแล้ว” พอหานมู่จื่อพูดจบก็รู้สึกผิดเล็กน้อยแล้วก็หันไปกดรหัส พร้อมกับเปิดประตู
พอหันมา ก็เห็นเย่โม่เซินยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ ก็เลยออกปากเร่งเขา “เข้ามาสิ? ”
น่าจะผ่านไปประมาณสามวินาที เย่โม่เซินถึงได้ก้าวขึ้นมาด้านหน้า แต่ว่าสีหน้าของเขายังคงเย็นชา ออร่าที่มืดมนจากร่างกายของเขาก็แผ่คลุมเข้ามา
พอเห็นว่าเขาเข้ามาแล้ว หานมู่จื่อก็ขมวดคิ้วแล้วก็ปิดประตู ในใจคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
สีหน้าของเย่โม่เซินดูแย่มาก หรือว่าเพราะว่าเธอออกไปแล้วไม่บอกเขายังงั้นเหรอ? พอคิดได้แบบนี้ เธอก็หันมาเหลือบมองแผ่นหลังของเย่โม่เซิน
“คือว่า……ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไม่บอกว่าฉันออกไปข้างนอก แต่ว่า……ช่วงนี้นายอยู่กับฉันตลอดน่าจะเหนื่อยมาก เพราะฉะนั้นฉันก็เลยนึกว่านายอยากจะนอนให้เยอะหน่อย ก็เลยออกไปข้างนอกคนเดียว”
พอพูดจบ หานมู่จื่อก็กลัวว่าเขาจะเป็นห่วง ก็เลยเขย่าถุงในมือของตัวเองให้เขาดู
“ฉันออกไปแค่แป๊บเดียวเอง แล้วอีกอย่างก็กลับมาอย่างปลอดภัย นายไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”
เย่โม่เซินยืนอยู่ตรงนั้น ยังคงไม่สนใจเธอเหมือนเดิม แต่ว่าความมืดมนที่แผ่กระจายมาจากร่างกายของเขามันน่ากลัวมาก
เธอยังคงพูดต่ออีกหลายประโยค แต่ว่าเขาก็ไม่ตอบเลยแม้แต่ประโยคเดียว หานมู่จื่อรู้สึกว่ามันน่าแปลกนิดหน่อย……แค่เพราะว่าเธอออกไปข้างนอก เขาก็เลยโกรธจนเป็นขนาดนี้เลยเหรอ?
พอคิดแบบนี้ หานมู่จื่อก็ย่นจมูกอย่างอดไม่ได้ มองแผ่นหลังของเขาแล้วถามอย่างระมัดระวัง “นาย……เป็นอะไรไป? ”
ประโยคนี้เหมือนกับว่าไปแตะเกล็ดมังกรของเย่โม่เซินเข้า คนที่ตอนแรกยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหนก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว จ้องมองเธอด้วยใบหน้าบึ้งตึง
สายตาแบบนี้ของเขามันโหดร้ายมาก เหมือนกับว่าอยากจะกินคนยังไงยังงั้น
หานมู่จื่อตกใจ เผลอหายใจหอบ แล้วก็ถอยไปด้านหลังสองก้าวโดยอัตโนมัติ
เธอกลัวจริงๆ หน้าก็เลยซีดลงไปเยอะมาก
แต่ว่าหลังจากที่เธอทำแบบนี้นั้น สีหน้าของเย่โม่เซินก็ดุร้ายขึ้นมากกว่าเดิม
เขาค่อยๆ ก้าวขึ้นมาด้านหน้า ร่างกายของเขาเหมือนถูกปกคลุมด้วยออร่าสีดำ ทำให้คนที่พบเห็นอยากจะหนีโดยที่ไม่รู้ตัว
เพราะฉะนั้นหานมู่จื่อก็ก้าวถอยหลังอย่างที่ไม่รู้ตัว ในมือยังคงถือวัตถุดิบที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ “นาย นายเป็น……อะไรกันแน่? ”
ปัง!
เพราะว่าพึ่งจะเข้ามาข้างใน เพราะฉะนั้นเธอถอยแค่ไม่กี่ก้าวก็ไม่มีทางให้ถอยอีกแล้ว แผ่นหลังของเธอก็ชนเข้ากับประตูเย็นๆ
หานมู่จื่อหันหลังกลับไปมองด้านหลังของตัวเอง แล้วตอนที่หันกลับมาอีกครั้งเย่โม่เซินก็อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
เธอขมวดคิ้ว “เพราะว่าฉันออกไปโดยที่ไม่ได้บอกนายงั้นเหรอ? ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย เมื่อกี้ฉันก็อธิบายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันก็แค่อยากจะให้นายพักผ่อนเยอะๆ ก็เลย……”
ระหว่างที่กำลังอธิบายอยู่นั้น จู่ๆ หานมู่จื่อก็หยุด
ไม่ถูกสิ!
อารมณ์และแววตาของเย่โม่เซินที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้มันผิดปกติ
แววตาของเขาดุร้ายราวกับสัตว์ป่า เหมือนกับว่าจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ เหมือนกับว่าเธอทำผิดอย่างร้ายแรง
แต่ว่า……ทั้งๆ ที่เธอก็แค่ออกไปซื้อของแค่นั้นเอง แล้วทำไมเขาต้องมองเธอด้วยสายตาแบบนี้ด้วย?
หานมู่จื่ออดกลืนน้ำลายไม่ได้ หรือว่า……เขารู้ว่าเธอออกไปทำอะไรยังงั้นเหรอ?
แต่ว่าระหว่างทางเธอก็ไม่ได้รับข้อความจากเย่โม่เซินเลยนะ เขาน่าจะนอนอยู่สิถึงจะถูก
พอคิดแบบนี้ หานมู่จื่อก็ยื่นมือออกไป แล้วก็แตะไปที่หน้าอกของเย่โม่เซินอย่างระมัดระวัง แล้วก็อ้อนวอนด้วยเสียงเบาว่า “ฉัน ฉันยังต้องไปทำกับข้าว เรื่องอื่น……โอ้ย! ”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นเย่โม่เซินก็ยื่นมือมาจับข้อมือของเธอไว้แน่น แรงเยอะจนเหมือนกับว่าจะทำให้ข้อมือของเธอหักได้เลย หานมู่จื่อเจ็บจนร้องออกมา “นายจะทำอะไร? ปล่อยฉันนะ”
เย่โม่เซินไม่ใช่แค่ไม่ปล่อย แต่กลับบีบเธอแน่นกว่าเดิม
“เจ็บ! ”หานมู่จื่อร้อง อยากจะสะบัดเขาออก
เย่โม่เซินกลับก้าวขึ้นมาด้านหน้าแล้วกดเธอไว้กับประตู พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง “เธอรู้จักเจ็บเป็นด้วยเหรอ? ”
หานมู่จื่อขมวดคิ้ว “ไร้สาระ ทำไมฉันจะ……”
“เหอะ” เย่โม่เซินหัวเราะเย้ยหยัน “ฉันก็นึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไร้น้ำใจ ไร้คุณธรรม ไร้หัวใจ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าความเจ็บปวดคืออะไร? ”