บทที่594 เขาดีกว่าฉันตรงไหน
หานมู่จื่อไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียวว่าเขาพูดเรื่องอะไร ทำไมจู่ๆ ถึงได้โกรธขนาดนี้ ความโกรธขนาดนี้มันมากมายเกินไปกว่าที่เธอจะรับได้
ด้านหลังของเธอเป็นประตูเย็นๆ มันเย็นจนทะลุผ่านเสื้อผ้าของเธอมาก ทำให้เธอตัวสั่นเพราะความหนาวเย็น
หรือมันอาจจะเป็นเพราะว่าลมปราณที่ออกมาจากเย่โม่เซินนั้นมันเยือกเย็นจนเกินไป
เธอยืนมือเขาด้วยความงุนงงอยู่นาน แล้วก็เถียงให้ตัวเอง
“นายเป็นอะไรกันแน่? ฉันก็แค่ออกไปนิดเดียวไม่ใช่เหรอ? นายถึงกับ……อุ้บ”
ประโยคด้านหลังยังไม่ทันจะพูดจบ ริมฝีปากของเธอก็ถูกปิดอย่างแรง
ท่าทางของเย่โม่เซินมันเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตาเดียว เขาโน้มตัวลงจูบริมฝีปากแดงของเธอที่สั่นเล็กน้อยเพราะความกลัว
เขาโมโหมาก ดังนั้นจูบนี้มันก็เลยเต็มไปด้วยความโกรธของเขา เหมือนกับว่าจะแผดเผาหานมู่จื่อจนไม่เหลืออะไรเลย
จูบนี้มันหนักหน่วงมากไปแล้ว
พอจูบนี้สิ้นสุดลง เย่โม่เซินก็ถอนริมฝีปากและลิ้นของตัวเองออก แล้วก็ต้องหน้าเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
“ฉันรอมาตลอด รอให้เธอสารภาพกับฉันเอง”
เย่โม่เซินจับเอวของเธอ แล้วมือหนาของเขาก็อุ้มเธอขึ้นโดยไม่บอกกล่าว
หานมู่จื่อแนบอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างอ่อนแรง
ประตูห้องถูกเปิดออก เย่โม่เซินหันไปล็อคประตู แล้วก็อุ้มเธอเดินไปที่เตียง
ตอนที่ร่างของเธอทับลงมา หานมู่จื่อรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายตัวหนักมาก เธอกรีดร้องออกมา อยากจะผลักน้ำหนักนี้ออกจากร่างกายของตัวเอง แต่วินาทีถัดมามือทั้งสองข้างของเธอก็ถูกจับไว้แน่น หลังจากนั้นก็โดนจูบเสมือนไฟที่โหมไหม้
“แต่ว่าทำไมเธอถึงไม่พูด? ”
“เขาดีกว่าฉันตรงไหน? หืม? ”
เขา?
เขาคือใคร? สีหน้าของหานมู่จื่อเปลี่ยนไป
“อย่า!!!”
ในชั่วพริบตาเดียว หานมู่จื่อก็ได้สติขึ้นมา แล้วก็ใช้มือทั้งสองข้างผลักหน้าอกของเขา “เย่โม่เซิน นายจะทำอะไร? ”
“ทำอะไรงั้นเหรอ? ”
ร่างกายของหานมู่จื่อแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอมองคนที่อยู่ตรงหน้าของเธออย่างประหลาดใจ
แม้ว่าร่างกายของเขาจะร้อนมาก แต่ว่ารอยยิ้มและแววตาของเขานั้นเยือกเย็นมาก มันเต็มไปด้วยความโกรธ
ริมฝีปากของหานมู่จื่อสั่นเครือ “อย่างน้อย อย่างน้อย……นายต้องป้องกัน”
“ป้องกัน? ” พอเย่โม่เซินได้ยินดังนั้น ดวงตาเขาหรี่ลงอย่างอันตราย “กลัวว่าจะท้องลูกของฉันเข้างั้นเหรอ? เหอะ ถ้ายังงั้นฉันจะบอกอะไรให้นะ เธอหานมู่จื่อเป็นผู้หญิงของฉันเย่โม่เซิน เธอต้องมีลูกให้ฉันได้เท่านั้น”
จนถึงช่วงพลบค่ำ เย่โม่เซินถึงได้อุ้มหานมู่จื่อที่พูดไม่ได้แล้วเข้าไปในห้องน้ำ
……
เธอปวดเมื่อยไปทั่วทั้งร่างกาย ตอนที่หานมู่จื่อตื่นขึ้นมานั้น ก็มีเพียงแค่ความรู้สึกเดียวเท่านั้น
นั่นคือร่างกายดูเหมือนจะถูกรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งทับ เจ็บไปทั่วทั้งตัว
หานมู่จื่ออยากจะพลิกตัว แต่ก็รู้สึกได้ถึงแรงต้านที่อยู่ที่เอวของเธอ ทำให้เธอล้มกลับไปอีกครั้ง
เพราะว่าเธอขยับตัว เจ้าของมือที่โอบเอวของเธออยู่นั้นก็ลืมตาขึ้นมา
ดวงตาสีหมึกของเขาดูกินจนเต็มอิ่ม แล้วริมฝีปากของเขาก็ขยับ
“หลับต่ออีกแป๊บหนึ่ง”
หานมู่จื่อ :“……”
ในหัวของเธอตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด
ก่อนหน้านี้โดนเขาจัดการซะจนเหนื่อยแทบทนไม่ไหว หลังจากนั้นก็หลับสนิท ตอนนี้……เธอตื่นเต็มตาแล้ว สิ่งที่คิดแน่นอนว่าต้องเป็นภาพเหตุการณ์เมื่อกี้นี้นั่นเอง
คิดไปคิดมา ทั้งแก้มและหูของหานมู่จื่อก็ร้อนขึ้นมาในทันที เธอหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด
เดิมที……เธอไม่อยากจะคบค้ากับเขาอีกแล้ว ใครจะไปคิดว่าเขาจะยิ่งเข้าใกล้เธอเรื่อยๆ อย่างหน้าไม่อาย ไม่เพียงแต่ยึดครองชีวิตของเธอเท่านั้น ตอนนี้เขายังยึดครองชีวิตของเธออีกด้วย
ความคิดที่ว่าสิ่งต่างๆ อาจซ้ำรอยเหมือนเมื่อห้าปีก่อนทำให้หานมู่จื่อปวดหัว
เธอขมวดคิ้วแน่น คิดว่าเดี๋ยวเธอต้องลงไปซื้อยาคุมฉุกเฉินกิน
เมื่อกี้กี่ครั้งนะ?
ห้า ห้าครั้งงั้นเหรอ? หานมู่จื่อจำไม่ได้แล้ว คิดแค่ว่าตัวเองต้องไปซื้อยากิน ไม่ยังงั้นถ้าเกิดว่าท้องขึ้นมานี่ซวยเลย
พอคิดแบบนี้แล้ว หานมู่จื่อก็ยื่นมือไปผลักเขาออก
“ปล่อยฉัน ฉันจะลุกแล้ว”
“ลุกทำไม? ”เย่โม่เซินลืมตาขึ้นมามองหน้าเธอ เสียงยังคงแหบแห้งเหมือนเดิม “เมื่อกี้เหนื่อยขนาดนั้น”
หานมู่จื่อ :“……”
หน้าไม่อายจริงๆ!
เธอออกแรงขัดขืนเขา “ฉันไม่เหนื่อย นายปล่อยฉันเลยนะ ฉันจะลุกแล้ว”
“ไม่เหนื่อยเหรอ? ” เย่โม่เซินหรี่ตาลง แววตาของเขาดูอันตราย “ที่เธอบอกฉันว่าไม่เหนื่อย หมายความว่าอยากทำต่องั้นเหรอ? ”
ระหว่างที่พูดนั้น เขาก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
สีหน้าของหานมู่จื่อเปลี่ยนไปทันที แล้วรีบพูดว่า “กล้าเหรอ! ”
เย่โม่เซินกอดเธอไว้แน่น โน้มตัวเข้าไปแล้วฝังหน้าไว้ตรงต้นคอข้างเธอ สูดดมกลิ่นหอมที่แสนจะพิเศษของเธอลงไป ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาก็รดที่ต้นคอของเธอ
“ฉันกล้าหรือไม่กล้า เธอไม่รู้เหรอ? ”
หานมู่จื่อ :“……”
เขากล้าจริงๆ นั่นแหละ หานมู่จื่อไม่กล้าพูดอะไร และก็ไม่กล้าขยับด้วย เย่โม่เซินโอบเธอไว้แน่น แล้วก็ยื่นมือมาลูบผมของเธอ “เชื่อฟังฉันแล้วหลับต่ออีกหน่อย เดี๋ยวฉันปลุกเธอเอง”
พอพูดจบเขาก็หลับตาลงอีกครั้ง หานมู่จื่อก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองเขา
ก็เห็นว่าใต้ตาของเย่โม่เซินยังคงมีรอยคล้ำอยู่จางๆ เธอก็ให้เขานอนเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ?
แต่ว่าดวงตาของเขาไม่ได้ดูเหี้ยมโหดขนาดนั้นแล้ว
พอนึกถึงท่าทางที่เขาโมโหเมื่อกี้นี้ หานมู่จื่อก็ขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน? ทำไมจู่ๆ ถึงได้โกรธขนาดนั้น?
และแล้วหานมู่จื่อก็เริ่มพยายามจะคิดย้อนกลับไปในสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้นี้
“ฉันรอให้เธอสารภาพมาตลอด”
“แต่ว่าทำไมเธอถึงไม่พูด? ”
“เขาดีกว่าฉันตรงไหน? ”
เขา?
เขาพูดถึงใครกันแน่? หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเบาๆ แล้วความรู้สึกผิดก็ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเช้าเธอปิดบังเย่โม่เซินและไปเจอเย่หลิ่นหาน
แต่ว่าเธอไปตอนที่เขานอนอยู่นี่ และเขาก็ไม่ได้ตามมา หรือว่าเขารู้ว่าเธอไปหาเย่หลิ่นหาน?
แต่ว่าเขารู้ได้ยังไงกัน?
ในใจเธอมีคำถามมากมายจนอยากจะออกปากถามเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แต่ก็กลัวว่าถ้าเกิดว่าถามออกไปจะตกหลุมพรางของเขา
เธอรู้สึกสับสนอย่างมาก หานมู่จื่อจะหลับลงได้ยังไงกัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีเสียงของเย่โม่เซินดังขึ้นมา
“นอนไม่หลับเหรอ? ”
หานมู่จื่อตะลึง แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองเขา เขาหลับตาอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงรู้ว่าเธอนอนไม่หลับล่ะ
เย่โม่เซินลืมตาขึ้นมาทันที แล้วสายตาของทั้งสองคนก็ประสานกัน
“ลมหายใจเธอยุ่งเหยิงขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันจะไม่รู้เหรอ? ”
หานมู่จื่อ :“……”
พอพูดจบ เขาก็โน้มตัวลงมา แล้วประทับจูบบนหน้าผากของเธอ
สัมผัสที่นุ่มนวลตรงหน้าผากทำให้หานมู่จื่ออึ้งไป เธอกะพริบตา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
“นาย……ที่นายพูดก่อนหน้านี้……”
เธอสับสนเล็กน้อย ว่าสรุปแล้วควรจะถามออกไปดีไหม?
หรือบางทีเขาอาจจะแค่โกรธเพราะว่าเธอออกไปข้างนอกก็ได้ ถ้าเกิดว่าเธอถามออกไปแล้ว มันจะเป็นการสารภาพผิดออกมาเองรึเปล่า?
ดวงตาของเย่โม่เซินเต็มไปด้วยความอิ่มเอมและความเหนื่อยล้า ความโกรธก่อนหน้านี้มัน หายไปหมดแล้ว น่าจะค่อยๆ หมดไประหว่างเมื่อกี้
แต่ว่าในใจของหานมู่จื่อก็คิดอยู่ตลอด
“ที่นายพูดเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไงกันแน่? ”
ยังไงเธอก็จะเอาแต่คิดเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็รีบถามออกไปเลยดีกว่า
ตอนแรกสีหน้าของเย่โม่เซินยังคงเหมือนเดิม หลังจากนั้นก็เหมือนกับว่าจะเริ่มเข้าใจว่าเธอถามเรื่องอะไร ความเหนื่อยล้าในดวงตาของเขาก็ค่อยๆ หายไป แล้วก็ถูกแทนที่ด้วยความเยือกเย็นเข้ากระดูก
ริมฝีปากบางของเขายกขึ้นอย่างเย็นชา
“ทำไม? ฉันหมายความว่ายังไง? เธอไม่รู้อย่างนั้นเหรอ? ”
หานมู่จื่อ “นายพูดออกมาเลยเถอะ อย่ามาเล่นทายปริศนากับฉันเลย”